ธนุฏฐาน (บาลีวันละคำ 4,877)

ธนุฏฐาน
คงไม่มีใครใช้เรียกขาน
แต่ควรฝากไว้ในวงวรรณอีกคำหนึ่ง
อ่านแบบไทยว่า ทะ-นุด-ถาน
“ธนุฏฐาน” เขียนแบบบาลีเป็น “ธนุฏฺฐาน”
บอกแค่นี้และมองเผิน ๆ อาจจะไม่ทังสังเกตว่าเขียนแบบไทยกับเขียนแบบบาลีต่างกันอย่างไร
เขียนแบบบาลี “ธนุฏฺฐาน” มีจุดใต้ ฏฺ
เขียนแบบไทย “ธนุฏฐาน” ไม่มีจุดใต้ ฏฺ
“ธนุฏฺฐาน” เขียนแบบบาลี อ่านว่า ทะ-นุด-ถา-นะ แยกศัพท์เป็น ธน + อุฏฺฐาน
(๑) “ธน”
บาลีอ่านว่า ทะ-นะ รากศัพท์มาจาก –
(1) ธนฺ (ธาตุ = ส่งเสียง) + อ (อะ) ปัจจัย
: ธนฺ + อ = ธน แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันผู้คนออกเสียงว่าเป็นของเรา” (คือแสดงความเป็นเจ้าของด้วยความชื่นชม)
(2) ชนฺ (ธาตุ = เกิด) + อ (อะ) ปัจจัย, แปลง ช เป็น ธ
: ชนฺ + อ = ชน > ธน แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งยังภาวะคนจนให้เกิด” (คำแปลนี้ฟังเหมือนขัดแย้ง คือถ้ามี “ธน” ความจนก็จะไม่เกิด แต่มองในมุมกลับก็คือ “เพราะไม่มีสิ่งนี้ จึงทำให้มีคนจน”)
“ธน” (นปุงสกลิงค์) หมายถึง ทรัพย์สมบัติ, โดยปกติได้แก่ทรัพย์สินเงินทอง, ความร่ำรวย, สมบัติ (wealth, usually wealth of money, riches, treasures)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ธน, ธน– : (คำนาม) ทรัพย์สิน. (ป., ส.).”
(๒) “อุฏฺฐาน”
บาลีอ่านว่า อุด-ถา-นะ รากศัพท์มาจาก อุ (คำอุปสรรค = ขึ้น, นอก) + ฐา (ธาตุ = ตั้งอยู่) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), ซ้อน ฏฺ ระหว่างอุปสรรคกับธาตุ
: อุ + ฏฺ + ฐา = อุฏฺฐา + ยุ > อน = อุฏฺฐาน แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่ตั้งขึ้นแห่งผล”
แถมพิเศษ :
“ฐาน” ในบาลีใช้ในความหมายหลายอย่างตามแต่บริบท
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปลความหมายของ “ฐาน” ไว้ดังนี้ –
(1) standing position (อิริยาบถยืน)
(2) place, region, locality, abode, part (สถานที่, เขตแคว้น, ตำบล, แหล่ง, ที่อาศัย, ส่วน)
(3) location (ที่ตั้ง)
(4) attribute, quality, degree (คุณลักษณะ, คุณภาพ, ตำแหน่ง)
(5) thing; item, point; grounds, ways, respects, [assumption] reason (สิ่ง; ข้อ, จุด; ฐานะ, หนทาง, ประการ, เหตุผลสำหรับ [การถือเช่นนั้น])
(6) condition (สภาวะ)
(7) supposition, principle (ความคาดคิด, ข้อสมมุติ, หลักการ)
(8 ) at once, immediately (ทันทีทันใด)
“อุฏฺฐาน” ในบาลีมีความหมายดังนี้ –
(1) การลุกขึ้น, การตั้งขึ้น, การตื่นขึ้น, การยืนขึ้น (rising, rise, getting up, standing) (เฉพาะความหมาย “การยืนขึ้น” ตรงข้ามกับ “สยน” และ “นิสีทน” การนอนลง และ การนั่งลง [lying or sitting down])
(2) การขึ้นสูง, มูลราก, เวลาหรือโอกาส (rise, origin, occasion or oppertunity for)
(3) “ความอุตสาหะ”, ความขยัน, ความเพียร, ความกระตือรือร้น, ความเอาใจจดจ่อ, ความแข็งขัน, ความพยายาม (“rousing”, exertion, energy, zeal, activity, manly vigour, industry)
ธน + อุฏฺฐาน = ธนุฏฺฐาน (ทะ-นุด-ถา-นะ) แปลว่า “การเกิดขึ้นแห่งทรัพย์” หรือ “การยังทรัพย์ให้เกิดขึ้น”
“ธนุฏฺฐาน” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ธนุฏฐาน” (ไม่มีจุดใต้ ฏฺ) อ่านว่า ทะ-นุด-ถาน
คำว่า “ธนุฏฐาน” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
ขยายความ :
คำว่า “ธนุฏฐาน” มีที่มาจากวิชาแต่งไทยเป็นมคธชั้นเปรียญธรรม 9 ประโยค วิชานี้ข้อสอบจะเป็นภาษาไทยที่เขียนขึ้นใหม่ในภาษาไทย ไม่ได้แปลมาจากคัมภีร์ภาษาบาลีเหมือนวิชาแปลไทยเป็นมคธ (โปรดสังเกตชื่อวิชา แต่งไทยเป็นมคธ กับ แปลไทยเป็นมคธ) นักเรียนมีหน้าที่แต่งภาษาไทยนั้นให้เป็นภาษาบาลี
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ข้อสอบวิชาแต่งไทยเป็นมคธกล่าวถึงเศรษฐกิจ ตัวอย่างเฉลยข้อสอบของกองบาลีสนามหลวงใช้คำบาลีว่า “ธนุฏฺฐาน” เมื่อหมายถึงคำว่า “เศรษฐกิจ”
จึงเป็นอันได้ข้อยุติว่า คำว่า “เศรษฐกิจ” ภาษาบาลีของนักเรียนบาลีในเมืองไทยใช้ว่า “ธนุฏฺฐาน”
คำว่า “เศรษฐกิจ” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า economy; economic
พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล economy และ economic เป็นบาลีว่า
(1) dhanapālanavijjā ธนปาลนวิชฺชา (ทะ-นะ-ปา-ละ-นะ-วิด-ชา) = ความรู้ว่าด้วยการบริหารทรัพย์
(2) atthasattha อตฺถสตฺถ (อัด-ถะ-สัด-ถะ) = ศาสตร์ว่าด้วยการจัดสรรผลประโยชน์
เป็นอันได้ความรู้ว่า พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี ไม่ได้แปล economy และ economic เป็นบาลีว่า “ธนุฏฺฐาน” อย่างที่นักเรียนบาลีในเมืองไทยแปล
แถม :
คำว่า “อุฏฐาน” ในคำว่า “ธนุฏฐาน” ที่นักเรียนธรรมในบ้านเราคุ้นกันดีน่าจะเป็นคำว่า “อุฏฐานสัมปทา” (อุด-ถา-นะ-สำ-ปะ-ทา)
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ขยายความคำว่า “อุฏฐานสัมปทา” ไว้ดังนี้ –
…………..
อุฏฐานสัมปทา : ถึงพร้อมด้วยความหมั่น คือ ขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพที่สุจริต ในการศึกษาเล่าเรียน และในการทำธุระหน้าที่การงาน รู้จักใช้ปัญญาสอดส่อง หาวิธีจัดการดำเนินการให้ได้ผลดี (ข้อ ๑ ในทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม ๔)
…………..
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [144] แสดงหลักธรรมที่ชื่อว่า “ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม” ไว้ดังนี้ –
…………..
ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม 4 (ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ในปัจจุบัน, หลักธรรมอันอำนวยประโยชน์สุขขั้นต้น — Diṭṭhadhammikattha-saṁvattanika-dhamma: virtues conducive to benefits in the present; virtues leading to temporal welfare)
1. อุฏฐานสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยความหมั่น คือ ขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติหน้าที่การงาน ประกอบอาชีพอันสุจริต มีความชำนาญ รู้จักใช้ปัญญาสอดส่อง ตรวจตรา หาอุบายวิธี สามารถจัดดำเนินการให้ได้ผลดี — Uṭṭhānasampadā: to be endowed with energy and industry; achievement of diligence)
2. อารักขสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยการรักษา คือ รู้จักคุ้มครองเก็บรักษาโภคทรัพย์ และผลงานอันตนได้ทำไว้ด้วยความขยันหมั่นเพียร โดยชอบธรรม ด้วยกำลังงานของตน ไม่ให้เป็นอันตรายหรือเสื่อมเสีย — Ārakkhasampadā: to be endowed with watchfulness; achievement of protection)
3. กัลยาณมิตตตา (คบคนดีเป็นมิตร คือ รู้จักกำหนดบุคคลในถิ่นที่อาศัย เลือกเสวนาสำเหนียกศึกษาเยี่ยงอย่างท่านผู้ทรงคุณมีศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา — Kalyāṇamittatā: good company; association with good people)
4. สมชีวิตา (มีความเป็นอยู่เหมาะสม คือ รู้จักกำหนดรายได้และรายจ่ายเลี้ยงชีวิตแต่พอดี มิให้ฝืดเคืองหรือฟูมฟาย ให้รายได้เหนือรายจ่าย มีประหยัดเก็บไว้ — Samajīvitā: balanced livelihood; living economically)
ธรรมหมวดนี้เรียกกันสั้นๆ ว่า ทิฏฐธัมมิกัตถะ หรือเรียกติดปากอย่างไทยๆ ว่า ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ (อัตถะ แปลว่า ประโยชน์ จึงมีประโยชน์ซ้ำซ้อนกันสองคำ)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: การทำให้ผู้คนมีกินมีใช้ เป็นเรื่องสำคัญมาก
: แต่การทำให้ผู้คนรู้จักอิ่มรู้จักพอ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
#บาลีวันละคำ (4,877)
19-10-68
…………………………….
…………………………….
