สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (บาลีวันละคำ 1,126)
สมบูรณาญาสิทธิราชย์
อ่านว่า สม-บู-ระ-นา-ยา-สิด-ทิ-ราด
ประกอบด้วย สมบูรณ + อาญา + สิทธิ + ราชย์
(๑) “สมบูรณ”
บาลีเป็น “สมฺปูรณ” (สำ-ปู-ระ-นะ) รากศัพท์มาจาก สํ (พร้อมกัน, ร่วมกัน) แปลงนิคหิตเป็น มฺ + ปูรฺ (ธาตุ = เต็ม, ทำให้เต็ม) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน, แปลง อน เป็น อณ
: สํ > สมฺ + ปูรฺ = สมฺปูร + ยุ > อน = สมฺปูรน > สมฺปูรณ แปลตามศัพท์ว่า “ความเต็มพร้อม” “การทำให้เต็มพร้อม” คือ เต็มหมดทุกอย่าง, มีพร้อมหมดทุกอย่าง
สมฺปูรณ ใช้ในภาษาไทยว่า “สมบูรณ์” (สม-บูน)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สมบูรณ์ : (คำกริยา) บริบูรณ์ เช่น สมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ สมบูรณ์ด้วยข้าทาสบริวาร, ครบถ้วน เช่น หลักฐานยังไม่สมบูรณ์; อ้วนท้วน, แข็งแรง, เช่น เขาสมบูรณ์ขึ้น เดี๋ยวนี้สุขภาพเขาสมบูรณ์ดีแล้ว. (คำวิเศษณ์) มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะครบถ้วน เช่น มีคุณสมบัติสมบูรณ์ตามที่กำหนด; อ้วนท้วน, แข็งแรง, เช่น มีร่างกายสมบูรณ์ สุขภาพสมบูรณ์. (ส.).”
(๒) “อาญา”
บาลีเป็น “อาณา” (อา-นา) รากศัพท์มาจาก อาณฺ (ธาตุ = ส่งไป) + อ ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: อาณฺ + อ = อาณ + อา = อาณา แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องส่งไป” ขยายความว่า “ส่งคำสั่งไปประกาศให้รู้และให้ปฏิบัติตาม” หมายถึง คำสั่ง, ข้อบังคับ, การบังคับบัญชา, การสั่ง, อำนาจ (order, command, authority)
“อาณา” สันสกฤตเป็น “อาชฺญา” อ่านว่า อาด-ยา (เสียงที่น่าจะใกล้เคียงที่สุดคือ อาด-เชีย) เอามาใช้ในภาษาไทยจึงมักออกเสียงตามสะดวกลิ้นไทยว่า อาด-ชะ-ยา
นอกจากปรับเสียงแล้วเรายังปรับรูปเป็น “อาญา” อีกรูปหนึ่ง ในภาษาไทยจึงมีใช้ทั้ง อาญา อาณา และ อาชญา
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อาญา : (คำนาม) อํานาจ; โทษ (มักใช้สําหรับพระเจ้าแผ่นดินหรือเจ้านาย) เช่น พระราชอาญา. (ป. อาณา; ส. อาชฺญา); (คำที่ใช้ในกฎหมาย) คดีที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดตามกฎหมายอาญา เรียกว่า คดีอาญา แตกต่างกับคดีที่ฟ้องร้องเกี่ยวกับสิทธิส่วนเอกชน ซึ่งเรียกว่า คดีแพ่ง.”
(๓) “สิทธิ”
บาลีเขียน “สิทฺธิ” (มีจุดใต้ ทฺ, อ่านว่า สิด-ทิ) รากศัพท์มาจาก สิธฺ (ธาตุ = สำเร็จ) + ติ ปัจจัย, แปลง ติ เป็น ทฺธิ, ลบ ธฺ ที่สุดธาตุ
: สิธฺ > สิ + ติ > ทฺธิ = สิทฺธิ แปลตามศัพท์ว่า “ความสำเร็จ” หมายถึง การกระทำสำเร็จ, ความสำเร็จ, ความรุ่งเรือง (accomplishment, success, prosperity)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สิทธิ : (คำนาม) อำนาจอันชอบธรรม เช่น บุคคลมีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เขามีสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้; (คำที่ใช้ในกฎหมาย) อํานาจที่จะกระทําการใด ๆ ได้อย่างอิสระ โดยได้รับการรับรองจากกฎหมาย (อ. right)”
ภาษาไทยเอาคำว่า “อาญา” กับ “สิทธิ์” (สิด) มาสมาสกันเป็น “อาญาสิทธิ์” (อา-ยา-สิด) แปลตามศัพท์ว่า “ความสำเร็จที่เกิดจากอำนาจ” แต่ใช้ตามความหมายในภาษาไทยดังที่ พจน.54 บอกไว้ว่า –
“อาญาสิทธิ์ : (คำนาม) อํานาจเด็ดขาด คือ สิทธิที่แม่ทัพได้รับพระราชทานจากพระเจ้าแผ่นดินในเวลาไปสงครามเป็นต้น, อาชญาสิทธิ์ ก็ว่า, โดยมีสิ่งสําคัญคือพระแสงดาบเป็นเครื่องหมาย เรียกว่า พระแสงอาญาสิทธิ์ หรือ พระแสงอาชญาสิทธิ์.”
(๔) “ราชย์”
คำเดิมมาจาก “ราช” (รา-ชะ) รากศัพท์มาจาก :
(1) ราชฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง) + อ (ปัจจัย) = ราช แปลตามศัพท์ว่า “ผู้รุ่งเรืองโดยยิ่งเพราะมีเดชานุภาพมาก” หมายความว่า ผู้เป็นพระราชาย่อมมีเดชานุภาพมากกว่าคนทั้งหลาย
(2) รญฺชฺ (ธาตุ = ยินดี, พอใจ) + ณ ปัจจัย, ลบ ญ, ลบ ณ, แผลง ร เป็น รา
: รญฺชฺ + ณ = รญฺชณ > รชณ > รช >ราช แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยังคนทั้งหลายให้ยินดี” หมายความว่า เป็นผู้อำนวยความสุขให้ทวยราษฎร์ จนคนทั้งหลายร้องออกมาว่า “ราชา ราชา” (พอใจ พอใจ)
“ราช” หมายถึง พระราชา, พระเจ้าแผ่นดิน
ราช + ณฺย ปัจจัย, รัสสะ อา ที่ รา-(ช) เป็น อะ, แปลง ณฺย กับ ช เป็น ชฺช
: ราช + ณฺย = ราชณฺย > ราชฺช > รชฺช แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นพระราชา” “ภาวะแห่งพระราชา” “ภาวะแห่งผู้มีอำนาจ”
รชฺช ในบาลี เป็น “ราชฺย” ในสันสกฤต (โปรดสังเกตขั้นตอนหนึ่งในบาลีที่เป็น “ราชณฺย” จะเห็นว่าใกล้เคียงกับ “ราชฺย”)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“ราชฺย : (คำนาม) ‘ราชย์,’ อาธิปัตย์, ราชอาณา; การปกครอง; a kingdom; administration of sovereignty or government.”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ราชย์ : (คำนาม) ความเป็นพระราชา, ราชสมบัติ, เช่น ขึ้นครองราชย์ เสวยราชย์. (ส.; ป. รชฺช).”
สมบูรณ + อาญาสิทธิ + ราชย์ = สมบูรณาญาสิทธิราชย์
เป็นคำที่บัญญัติเทียบคำอังกฤษว่า absolute monarchy
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สมบูรณาญาสิทธิราชย์ : (คำนาม) ระบอบการปกครองซึ่งพระมหากษัตริย์มีอํานาจสิทธิ์ขาดในการบริหารประเทศ.”
: เผด็จการที่ครองธรรม
: ดีกว่าประชาธิปไตยระยำครองอำนาจ
————–
(ตามคำเสนอของพระคุณท่าน ศุภกิจ โกมินทร์)
25-6-58