บาลีวันละคำ

กมลสันดาน (บาลีวันละคำ 1,383)

กมลสันดาน

อ่านว่า กะ-มน-ละ-สัน-ดาน

ประกอบด้วย กมล + สันดาน

(๑) “กมล

บาลีอ่านว่า กะ-มะ-ละ รากศัพท์มาจาก –

(1) กํ (น้ำ) + อลฺ (ธาตุ = ประดับ) + ปัจจัย, แปลงนิคหิตที่ กํ เป็น (กํ > กม)

: กํ > กม + อลฺ = กมล + = กมล แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ประดับน้ำ

(2) กํ (น้ำ) + อล (ประดับ) แปลงนิคหิตที่ กํ เป็น (กํ > กม)

: กํ > กม + อล = กมล แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่กระทำซึ่งการตกแต่งน้ำ

(3) (น้ำ) + มล (มลทิน)

: + มล = กมล แปลตามศัพท์ว่า “มลทินแห่งน้ำ” (คือสิ่งที่ทำให้น้ำมีสิ่งเจือปน)

กมล” ในบาลีหมายถึง ดอกบัว

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

กมล : (คำที่ใช้เฉพาะในหนังสือ ไม่ใช่คำพูดทั่วไป) (คำนาม) บัว เช่น บาทกมล. (สมุทรโฆษ); ใจ เช่น ดวงกมล. (คำวิเศษณ์) เหมือนบัว เช่น เต้าสุวรรณกมลคนที. (ม. คําหลวง หิมพานต์), บางทีใช้ว่า กระมล. (ป., ส.).”

(๒) “สันดาน

บาลีเป็น “สนฺตาน” (สัน-ตา-นะ) รากศัพท์มาจาก สํ ( = พร้อม, ดี) + ตนฺ (ธาตุ = แผ่, ขยาย) + ปัจจัย, ลบ , แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น นฺ (สํ > สนฺ), ทีฆะต้นธาตุ (ตนฺ > ตาน)

: สํ > สนฺ + ตนฺ = สนฺตน + = สนฺตนณ > สนฺตน > สนฺตาน แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่แผ่ขยายเชื้อแถวไปด้วยดี” หมายถึง การแผ่, การแยกกิ่งก้านสาขา (spreading, ramification) การต่อเนื่อง, การสืบลำดับเชื้อสาย; เชื้อสาย (continuity, succession; lineage)

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –

สนฺตาน : (คำนาม) ‘สันดาน’ วงศ์, ชาติ, กุล; สันตติ; lineage, race, family; progeny”

สนฺตานสันดาน” ตามความหมายเดิมหมายถึง การแผ่ขยายออกไป เช่น พ่อมีลูก ลูกมีหลาน หลานมีเหลน และสืบต่อกันไปเรื่อยๆ กล่าวคือเล็งถึงตัวบุคคลที่สืบเชื้อสายต่อๆ กันมา ต่อมาความหมายขยายไปถึงลักษณะนิสัยไม่ว่าจะด้านดีหรือเลวที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาและสั่งสมเป็นบุคลิกประจำตัว

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

(1) สันดาน ๑ : (คำนาม) อุปนิสัยที่มีมาแต่กําเนิด เช่น มีสันดานดี มีสันดานเลว, (ภาษาปาก) มักใช้ไปในทางไม่สู้จะดี เช่นสันดานของเขาเป็นเช่นนั้น อย่าไปถือเลย. (ป., ส. สนฺตาน ว่า สืบต่อ).

(2) สืบสันดาน : (คำกริยา) สืบเชื้อสายมาโดยตรง.

กมล + สันดาน = กมลสันดาน แปลโดยอนุรูปแก่ศัพท์ว่า “ลักษณะนิสัยที่ถูกฝังรากลึกไว้ในจิตใจ” หมายถึง พฤติกรรมทางกาย วาจา ใจ ที่แก้ไม่หาย

คำว่า “กมลสันดาน” เป็นคำที่คนเก่าพูดกัน พจน.54 ยังไม่ได้เก็บคำนี้ไว้ จึงยังไม่ทราบความหมายที่แท้จริง

ความเห็นของผู้เขียนบาลีวันละคำ :

๑ “สันดาน” น่าจะมี 2 ลักษณะ คือ สันดานทางรูปธรรม กับสันดานทางนามธรรม

๒ สันดานทางรูปธรรม หมายถึงกิริยาวาจาที่ฝังลึกเป็นบุคลิกประจำตัว เช่น ท่าทางการเดิน กิริยาที่หลุกหลิกไม่เรียบร้อยที่เป็นเองตามธรรมชาติของผู้นั้น คำพูดติดปากที่แก้ไม่หาย เช่นชอบพูดคำว่า “ไอ้ห่า” โดยที่จิตใจมิได้มีเจตนาจะพูดคำหยาบ

ลักษณะนี้ถ้าเรียกเป็นคำศัพท์ ก็อาจจะใช้คำว่า “กายสันดาน” (กาย-ยะ-)

๓ สันดานทางนามธรรม หมายถึงพื้นอารมณ์หรือจริตของแต่ละคน แนวคิด แนวโน้มในการตัดสินใจ ความชอบ ความติดใจ หรือความถนัดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อันส่งผลให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบ่อยๆ ชนิดแก้ไม่หาย

ลักษณะนี้ถ้าเรียกเป็นคำศัพท์ ก็อาจจะใช้คำว่า “จิตสันดาน” (จิด-ตะ-)

๔ คำว่า “กมลสันดาน” ก็คือ จิตสันดาน นี่เอง

: แต่งตัว งามอยู่ได้ไม่นาน

: แต่งกมลสันดาน งามชั่วนิรันดร

13-3-59

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย