บาลีวันละคำ

ชัยมงคลคาถา (บาลีวันละคำ 1,282)

ชัยมงคลคาถา

อ่านว่า ไช-ยะ-มง-คน-คา-ถา

ประกอบด้วย ชัย + มงคล + คาถา

(๑) “ชัย

บาลีเป็น “ชย” (ชะ-ยะ) รากศัพท์มาจาก ชิ (ธาตุ = ชนะ) + ปัจจัย, แผลง อิ ที่ ชิ เป็น เอ, แปลง เอ เป็น อย (ชิ > เช > ชย)

: ชิ > เช > ชย + = ชย แปลตามศัพท์ว่า “ความชนะ” หมายถึง การปราบ, การพิชิต, ชัยชนะ (vanquishing, overcoming, victory)

(๒) “มงคล

บาลีเป็น “มงฺคล” (มัง-คะ-ละ) รากศัพท์มาจาก –

(1) มคิ (ธาตุ = ถึง, ไป, เป็นไป) + อล ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ -(คิ) แล้วแปลงนิคหิตเป็น งฺ (มคิ > มํคิ > มงฺคิ), ลบสระที่สุดธาตุ (มคิ > ค)

: มคิ > มํคิ > มงฺคิ > มงฺค + อล = มงฺคล แปลตามศัพท์ว่า (1) “เหตุให้ถึงความเจริญ” (2) “เหตุเป็นเครื่องถึงความบริสุทธิ์แห่งเหล่าสัตว์

(2) มงฺค (บาป) + ลุ (ธาตุ = ตัด) + ปัจจัย, ลบสระหน้า (คือ อุ ที่ ลุ ที่อยู่หน้า ปัจจัย : ลุ > )

: มงฺค + ลุ = มงฺคลุ > มงฺคล + = มงฺคล แปลตามศัพท์ว่า “เหตุที่ตัดความชั่ว

ความหมายที่เข้าใจกันของ “มงฺคล” คือ :

(1) มีฤกษ์งามยามดี, รุ่งเรือง, มีโชคดี, มีมหกรรมหรืองานฉลอง (auspicious, prosperous, lucky, festive)

(2) ลางดี, ศุภมงคล, งานรื่นเริง (good omen, auspices, festivity)

มงฺคล” ตามหลักพระพุทธศาสนาหมายถึง ธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญ

มงฺคล” ในภาษาไทยใช้ว่า “มงคล” (มง-คน)

ชย + มงฺคล = ชยมงคล > ชัยมงคล มีความหมายว่า ชัยชนะที่เป็นมงคล คือชัยชนะที่ดี ที่ประเสริฐ หมายถึงชนะแล้วไม่มีวันแพ้ คือชนะกิเลส

(๓) “คาถา

รากศัพท์มาจาก คา (ธาตุ = ส่งเสียง) + ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์

: คา + = คาถ + อา = คาถา แปลตามศัพท์ว่า “วาจาอันเขาขับร้อง

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “คาถา” ว่า a verse, stanza, line of poetry (บทกลอน, โศลก, คำประพันธ์ประเภทร้อยกรอง)

ในภาษาบาลี คำว่า “คาถา” หมายถึงคําประพันธ์ประเภท “ร้อยกรอง” อย่างที่ภาษาไทยเรียกว่า กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์

ในภาษาไทย คำว่า “คาถา” มักเข้าใจกันว่า เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เสกเป่าหรือร่ายมนต์ขลังให้เกิดเป็นอิทธิฤทธิ์บันดาลผลที่ต้องการ อย่างที่เรียกว่า “คาถาอาคม” เช่นพูดว่า “เสกคาถา

ชัยมงคล + คาถา = ชัยมงคลคาถา มีความหมายว่า บทร้อยกรองที่แสดงถึงชัยชนะอันเป็นมงคล

ชัยมงคลคาถา” เป็นชื่อคาถาพิเศษบทหนึ่ง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ชยปริตร

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต อธิบายเรื่อง “ชยปริตร” ไว้ตอนหนึ่งว่า –

ชยปริตร: “ปริตรแห่งชัยชนะ”, ปริตรบทหนึ่ง ประกอบด้วยคาถาที่แต่งขึ้นใหม่ในยุคหลัง โดยนำเอาพุทธพจน์ (สุนกฺขตฺตํ สุมงฺคลํ ฯเปฯ สห สพฺเพหิ ญาติภิ, องฺ.ติก. ๒๐/๕๙๕/๓๗๙) มาตั้งเป็นแกน เริ่มต้นว่า “มหาการุณิโก นาโถ” จัดเป็นปริตรบทที่ ๑๒ (บทสุดท้าย) ใน “สิบสองตำนาน”

ชยปริตรนี้ นิยมสวดกันมาก นอกจากใช้สวดรวมในชุดสิบสองตำนาน และพ่วงท้ายเจ็ดตำนานแล้ว ยังตัดเอาบางส่วนไปใช้ต่างหากจากชุด สำหรับสวดในพิธีหรือในโอกาสอื่นด้วย เช่น นำไปสวดต่อจากชยมังคลัฏฐกคาถา (พุทธชัยมงคลคาถา หรือ พาหุง) ในการถวายพรพระ และจัดเป็นบทเฉพาะสำหรับสวดในกำหนดพิธีพิเศษหรือมงคลฤกษ์ต่างๆ เป็นต้นว่า โกนผมไฟ ตัดจุก วางศิลาฤกษ์ เปิดงาน เปิดร้าน รับพระราชทานปริญญาบัตร เททองหล่อพระ เรียกว่า เจริญชัยมงคลคาถา

……

อภิปราย :

โปรดสังเกตข้อความในภาพประกอบ บรรทัดที่เขียนว่า “ถวายพระพรชัยมงคลคาถา

“ถวายพระพร” มีใช้ เป็นคำเริ่มและคำรับที่พระสงฆ์พูดกับเจ้านาย (มีความหมายอย่างเดียวกับคำว่า “เจริญพร”) และหมายถึงคำแสดงความปรารถนาให้พระมหากษัตริย์และเจ้านายทรงพระเจริญ

“ถวายพระพรชัยมงคล” มีใช้ คือ ถวายพระพรนั่นเอง แต่เสริมคำต่อไปอีก

แต่ “ถวายพระพรชัยมงคลคาถา” ผู้เขียนบาลีวันละคำยังไม่เคยได้ยิน

ฤๅจะเป็นการเอาคำ “ถวายพระพรชัยมงคล” กับ “ชัยมงคลคาถา” มาสมาสสนธิกันเข้าด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง แล้วเลยกลายพันธุ์เป็น “ถวายพระพรชัยมงคลคาถา” ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะให้หมายถึงอะไร

……

: ชนะใจตน คือยอดชัยมงคลยิ่งกว่าชนะใครๆ

————

(ภาพจากหน้าเฟซของท่านอาจารย์ Charanya Deeboonmee Na Chumphae)

2-12-58

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย