จันทรางศุ (บาลีวันละคำ 682)
จันทรางศุ
อ่านว่า จัน-ทะ-ราง-สุ
ประกอบด้วย จนฺทร + อํศุ
เทียบบาลีเป็น “จนฺทํสุ” อ่านว่า จัน-ทัง-สุ
“จนฺท” แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยังสัตว์โลกให้พอใจ” “ผู้ยังความพอใจให้เกิด” (คือเมื่อเห็นแล้วผู้คนก็ชื่นใจ พอใจ) “ผู้รุ่งเรืองด้วยสิริ” (คือมีแสงสว่างผ่องใส) หมายถึง ดวงจันทร์ (the moon) คำไทยเรียก “เดือน”
“จนฺท” (จัน-ทะ) บาลี เป็น “จนฺทร” (จัน-ทะ-ระ) ในสันสกฤต
ภาษาไทยนิยมใช้ตามรูปสันสกฤต ถ้าออกเสียง “จัน” เขียนเป็น “จันทร์” (การันต์ที่ ร เท่ากับการันต์ ท ไปด้วย)
“อํศุ” (อัง-สุ) บาลีเป็น “อํสุ” (สันสกฤต ศ ศาลา, บาลี ส เสือ)
รากศัพท์คือ อม (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + อุ ปัจจัย, ลง ส อาคม, แปลง ม เป็นนิคหิต
: อม > อํ + ส = อํส + อุ = อํสุ
“อํสุ” แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ไปได้สุดทิศทาง” หมายถึง รังสี, รัศมี, แสง, แสงสว่าง
นอกจากนี้ “อํสุ” ในบาลียังหมายถึง เส้นด้าย (a thread) อีกด้วย
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“อํศุ : แสงแดด, ความงาม, เครื่องแต่งตัว, ปลายด้าย, แดด; sunbeam, splendour, dress, end of thread, the sun.”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ บอกไว้ว่า –
“อังศุ : สาย, ทาง, เส้น, แถว; แสง, รัศมี. (สันสกฤต. อํศุ; บาลี. อํสุ)”
จนฺท + อํสุ = จนฺทํสุ : จนฺทร + อํศุ = จนฺทรํศุ > จันทรางศุ
“จันทรางศุ” ตามศัพท์ มีความหมายได้ ๒ อย่าง คือ –
๑. รัศมีแห่งดวงจันทร์ (moon-light)
๒. สืบเชื้อสายมาจาก “จัน” (lineage of “Chan”)
“จันทรางศุ” เป็นนามสกุลพระราชทาน ผู้ขอพระราชทานคือ พระภิรมย์บุรีรัฐ (ทอง) ซึ่งมีทวดชื่อ จีนจั่น
สันนิษฐาน :
๑. ชื่อจีน “จั่น” ฟังเป็น “จัน” ได้ และ “จัน” ในเสียงไทยสามารถเทียบกับบาลีสันสกฤตตรงกับ “จนฺท” “จนฺทร” หรือ “จนฺทน” ได้เช่นกัน
๒. สันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ องค์พระผู้พระราชทาน จะทรงพอพระราชหฤทัยให้เสียง “จั่น” ตรงกับ “จนฺทร” ในสันสกฤต จึงพระราชทานนามสกุลว่า “จันทรางศุ”
ข้อสังเกต :
“จันทรางศุ” มีอักษรโรมันกำกับมาว่า “Chandrānsu”
๑. อักษร a ตรงคำว่า -ran- มีเครื่องหมายขีดอยู่ข้างบน เป็น -rān- เครื่องหมายนี้บังคับให้ a เป็นเสียง อา พยางค์ -ran- ต้องออกเสียงเป็น –รา– ไม่ใช่ –รั–
๒. คำว่า –ราง– อักษรโรมันควรเป็น rāng แต่เนื่องจากศัพท์เดิม คือ อํศุ เขียนด้วยอักษรโรมันเป็น aŋśu ตัว ŋ หรือ n หางยาว เท่ากับนิคหิต คือเสียง “อัง” เป็นรูปอักษรพิเศษใช้สำหรับเขียนคำบาลีสันสกฤตโดยเฉพาะ (ทำนองเดียวกับ ā ที่มีขีดบน) ไม่ใช้ ng ตามแบบเสียงที่มี –ง สะกดในภาษาอังกฤษ ดังนั้นเมื่อถอดเป็นอักษรโรมันจึงใช้ n ตัวเดียว เท่ากับ ŋ หางยาว
๓. อนึ่ง โปรดสังเกตว่า คำว่า aŋśu (อํศุ) นอกจากจะมีตัว ŋ หางยาวแล้ว ที่ตัว s ยังมีขีดเอนอยู่ข้างบนเป็น ś เครื่องหมายนี้บังคับให้ s ต้องเป็น ศ ศาลา ไม่ใช่ ส เสือ แต่เมื่อถอดเป็นอักษรโรมัน ใช้ s ธรรมดา อาจเป็นเพราะว่าถ้าจะมีเครื่องหมายอะไรมากไปก็จะเป็นการยุ่งยากหยุมหยิมเกินจำเป็นก็ได้
๔. สำหรับผู้ไม่ทราบที่มา เมื่อเห็นนามสกุล “จันทรางศุ” และเห็นคำว่า Chandransu อาจสงสัยว่าทำไมจึงไม่สะกดเป็น Chandrangsu หรือเมื่อสะกดเป็น Chandransu ทำไมจึงไม่อ่านว่า จัน-ทะ-ราน-สุ เมื่อทราบที่มาและเหตุผลแล้วก็คงจะเข้าใจ
จันทรางศุ – Chandrānsu : จึงนับได้ว่าเป็นคำพิเศษ และเป็นนามสกุลพิเศษนามหนึ่งในสยามประเทศ
———————-
(๓๐ มีนาคม – ร่วมแสดงความยินดีร้อยปีจันทรางศุ)
30-3-57