โอวาทปาติโมกข์ (บาลีวันละคำ 1,364)
โอวาทปาติโมกข์
อ่านว่า โอ-วา-ทะ-ปา-ติ-โมก
ประกอบด้วย โอวาท + ปาติโมกข์
(๑) “โอวาท”
บาลีอ่านว่า โอ-วา-ทะ รากศัพท์มาจาก อว (คำอุปสรรค = ลง, ย้ำ) + วทฺ (ธาตุ = กล่าว) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อว เป็น โอ, ทีฆะ อะ ที่ ว-(ทฺ) เป็น อา ด้วยอำนาจ ณ ปัจจัย (วทฺ > วาท)
: อว > โอ + วทฺ = โอวท + ณ = โอวทณ > โอวท > โอวาท แปลตามศัพท์ว่า “การกล่าวตอกย้ำเพื่อให้ระวัง” หมายถึง โอวาท, คำสั่งสอน, การตักเตือน, คำแนะนำ (advice, instruction, admonition, exhortation)
(๒) “ปาติโมกข์”
บาลีเป็น “ปาติโมกฺข” (ปา-ติ-โมก-ขะ) มีรากศัพท์มาหลายทาง เช่น –
1) ป (ทั้งปวง) + อติ (เกิน, ล่วง) + โมกฺข (พ้น) = ปาติโมกฺข แปลว่า “ธรรมที่เป็นเหตุให้ล่วงพ้นจากทุกข์ได้ด้วยประการทั้งปวง”
2) ปฏิ (มุ่งเฉพาะ) + มุข (ต้นทาง) = ปาติโมกฺข แปลว่า “หลักธรรมที่เป็นต้นทาง หรือเป็นประธานมุ่งหน้าไปสู่ความพ้นทุกข์”
3) ปาติ (กิเลสที่ทำให้ตกนรก) + โมกฺข (ธาตุ = หลุดพ้น) = ปาติโมกฺข แปลว่า “ธรรมที่ยังบุคคลผู้รักษาให้หลุดพ้นจากนรก”
อนึ่ง พึงทราบว่าศัพท์นี้สะกดเป็น “ปาฏิโมกฺข” (ฏ ปฏัก) ก็มี
โอวาท + ปาติโมกฺข = โอวาทปาติโมกฺข > โอวาทปาติโมกข์ = คำสอนที่เป็นหลักเป็นประธาน (the Principal Teaching; the Fundamental Teaching)
ในวันเพ็ญเดือนมาฆะหลังจากตรัสรู้แล้ว 9 เดือน พระพุทธองค์ได้ตรัสคำสอนอันเป็นหลักสำคัญในพระพุทธศาสนาในท่ามกลางที่ประชุมพระอรหันตสาวก 1,250 องค์
ชาวพุทธเรียกหลักคำสอนนี้ว่า “โอวาทปาติโมกข์”
โอวาทปาติโมกข์ ที่นิยมอ้างถึงมีข้อความว่า –
สพฺพปาปสฺส อกรณํ
กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ
เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
(สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง
กุสะลัสสูปะสัมปะทา
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง
เอตัง พุทธานะ สาสะนัง)
เรียนรู้บาลี 10 คำ ใน “โอวาทปาติโมกข์”
(1) สพฺพ (สับ-พะ) = ทั้งหมด, ทั้งปวง, ทั้งสิ้น, ทุกอย่าง (whole, entire; all, every)
(2) ปาปสฺส (ปา-ปัด-สะ) ศัพท์เดิมก่อนประกอบวิภัตติ : ปาป (ปา-ปะ) = ความเลวร้าย, การทำผิด, บาป (evil, wrong doing, sin)
(3) อกรณํ (อะ-กะ-ระ-นัง) = การไม่ทำ
กุสลสฺสูปสมฺปทา : กุสลสฺส + อุปสมฺปทา
(4) กุสลสฺส ศัพท์เดิม : กุสล (กุ-สะ-ละ) = สิ่งที่ดี, กุศลกรรม, บุญ, กุศล, กุศลจิต (a good thing, good deeds, virtue, merit, good consciousness)
(5) อุปสมฺปทา (อุ-ปะ-สำ-ปะ-ทา) = การรับ, การได้มา; ความถึงพร้อม, การเข้าถึง, การยอมรับ (taking, acquiring; obtaining, taking upon oneself, undertaking)
(6) ส (ของตน) + จิตฺต (หัวใจ, ความคิด, จิต; the heart, thought, mind) = สจิตฺต (สะ-จิด-ตะ) = จิตของตน
(7) ปริโยทปนํ (ปริ [รอบ] + โอทปน [การทำให้ขาว, การทำให้สะอาด] = ปริโยทปนํ) (ปะ-ริ-โย-ทะ-ปะ-นัง) = “การทำให้ขาวรอบ” > การทำให้สะอาด, การทำให้บริสุทธิ์ (cleansing, purification)
(8) เอตํ (เอ-ตัง) = นั่น, นี่
(9) พุทฺธาน (พุด-ทา-นะ) ศัพท์เดิม : พุทฺธ (พุด-ทะ) = ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หมายถึงพระพุทธเจ้า
(10) สาสนํ (สา-สะ-นัง) ในบาลีใช้ในความหมาย 3 อย่าง คือ –
(1) คำสอน หรือที่เรียกทับศัพท์ว่า “ศาสนา” (teaching)
(2) คำสั่ง ในทางปกครองบังคับบัญชา (order to rule, govern)
(3) ข่าว คือที่เราคุ้นกันในคำว่า “สาส์น” หรือ “สาสน์” (message)
ในที่นี้หมายถึง คำสอน
คำแปลโอวาทปาติโมกข์ :
การไม่ทำบาปทั้งปวง ๑
การทำกุศลให้ถึงพร้อม ๑
การทำจิตของตนให้บริสุทธิ์ ๑
สามประการนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
อภิปราย :
๑ การไม่ทำบาปนั้น ท่านมีคำว่า “สพฺพ = ทั้งปวง” กำกับไว้ด้วย แสดงว่า บาปหรือความชั่วทุกอย่างต้องไม่ทำเลย ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไร
๒ ครั้นถึงตอนทำกุศล ท่านไม่ได้ใช้คำว่า “สพฺพ = ทั้งปวง” กำกับไว้เหมือนทำบาป ทั้งนี้เพราะความดีมีหลายอย่างหลายระดับ แต่ละคนมีความสามารถไม่เท่ากัน จะบังคับให้ทำความดี “ทุกอย่าง” ไม่ได้อยู่เอง จึงบอกเพียงว่า “ทำให้ถึงพร้อม” คือทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
๓ “สจิตฺต = จิตของตน” เป็นการเตือนว่า ให้ทำกับจิตของตน ไม่จำเป็นต้องห่วงจิตของคนอื่น ถ้าจะห่วง ก็ห่วงจิตของตนให้มากกว่า
๔ ความจริง โอวาทปาติโมกข์มี 3 ตอน ไม่ใช่ตอนเดียวดังที่มักยกไปอ้าง มีผู้รู้ในชั้นหลังท่านเรียกตอนแรกว่า “อุดมการณ์” เรียกตอนที่สองว่า “หลักการ” เรียกตอนที่สามว่า “วิธีการ”
ที่นิยมอ้างถึงนี้ถือว่าเป็นตอนที่สอง คือหลักการ (หลักฐานบางแห่งแสดงตอนแรกกับตอนที่สองสลับกัน คือ สพฺพปาปสฺส … นี้แสดงเป็นตอนแรกก็มี) ชาวพุทธควรศึกษาให้ครบทุกตอน
มาฆบูชา >
: ไปให้ถึงปฏิบัติบูชาแท้ๆ
: อย่าติดอยู่แค่เวียนเทียน
22-2-59