ฉกษัตริย์ [1] (บาลีวันละคำ 1,394)
ฉกษัตริย์ [1]
อ่านว่าอย่างไร
แปลว่าอะไร
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ฉกษัตริย์ : [ฉ้อกะสัด, ฉอกะสัด] (คำนาม) กษัตริย์ ๖ พระองค์, ชื่อกัณฑ์ที่ ๑๒ ของมหาชาติ.”
เป็นอันได้คำตอบว่า ในภาษาไทย คำว่า “ฉกษัตริย์” ท่านให้อ่านว่า ฉ้อ-กะ-สัด หรือ ฉอ-กะ-สัด ก็ได้
“ฉกษัตริย์” ประกอบด้วย ฉ + กษัตริย์
(๑) “ฉ”
ภาษาบาลีออกเสียงว่า ฉะ แปลว่า หก (จำนวน 6)
(๒) “กษัตริย์”
บาลีเป็น “ขตฺติย” อ่านว่า ขัด-ติ-ยะ รากศัพท์มาจาก –
1) ขตฺต (ขัด-ตะ = ผู้ป้องกันเขตแคว้น) + อิย ปัจจัย ( = ผู้เกิด, ผู้เป็นเชื้อสาย)
: ขตฺต + อิย = ขตฺติย แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เกิดในตระกูลของผู้ป้องกันเขตแคว้น”
2) เขตฺต (เขด-ตะ = นา) + อิย ปัจจัย ( = ผู้เป็นใหญ่), ลบ เอ ที่ เขตฺต (เขตฺต > ขตฺต)
: เขตฺต + อิย = เขตฺติย > ขตฺติย แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เป็นเจ้าของนา” “ผู้เป็นใหญ่ของพวกชาวนา”
ขตฺติย สันสกฤตเป็น “กฺษตฺริย” เราเขียนตามรูปสันสกฤตเป็น “กษัตริย์” (กะ-สัด)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“กฺษตฺริย : (คำนาม) ‘กษัตริย,’ นรหรือสตรีชาตินักรบ; a man or woman of the military tribe.”
คำนี้มีปฐมเหตุจากการตั้งชุมชนของมนุษย์แต่ดึกดำบรรพ์ ที่ต้องอาศัยพื้นที่เพื่อการเพาะปลูก เมื่อถูกมนุษย์พวกอื่นรบกวน ต้องมีคนที่คอยป้องกันเพื่อให้ชุมชนเพาะปลูกได้อย่างปลอดภัย
จึงเรียกคนที่ทำหน้าที่ป้องกันนี้ว่า “ขตฺติย – กษัตริย์ – ผู้เป็นใหญ่แห่งนา” ในความหมายดั้งเดิมคือ “ผู้ทำหน้าที่ปกป้องที่นาให้พ้นจากการรุกราน เพื่อให้คนอื่นๆ ทำนาได้อย่างสะดวกปลอดภัย”
ในการทำหน้าที่ปกป้องนี้ย่อมหลีกไม่พ้นที่จะต้องต่อสู้กับศัตรู ดังนั้น “ขตฺติย – กษัตริย์” จึงมีความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า “สายเลือดนักรบ”
ในภาษาบาลี ผู้ที่ถูกเรียกว่า “ขตฺติย” ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน (the king) เสมอไป ถ้าเทียบในภาษาไทย “ขตฺติย” ก็ตรงกับคำที่เราเรียกท่านผู้กำเนิดในสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า “เจ้านาย” นั่นเอง
ฉ + ขตฺติย ในภาษาบาลีท่านให้ซ้อน กฺ ซึ่งเป็นพยัญชนะต้นวรรคของพยัญชนะต้นของคำหลัง
(พยัญชนะต้นของคำหลังคือ “ข” พยัญชนะต้นวรรคของ ข คือ “ก” : ก ข ค ฆ ง)
: ฉ + กฺ + ขตฺติย = ฉกฺขตฺติย (ฉัก-ขัด-ติ-ยะ) แปลว่า กษัตริย์หกพระองค์ หรือ เจ้านายทั้งหก
“ฉกฺขตฺติย” ในภาษาไทยเขียน “ฉกษัตริย”
“ฉกฺขตฺติย” หรือ “ฉกษัตริย” เป็นชื่อ “กัณฑ์” ( = บท, เรื่องตอนหนึ่งในหนังสือเรื่องยาวที่แบ่งเป็นตอนๆ) ที่ 12 ในมหาเวสสันดรชาดก ซึ่งมีทั้งหมด 13 กัณฑ์
กษัตริย์หกพระองค์ หรือเจ้านายทั้งหกตามชื่อนี้ ก็คือ พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี พระเวสสันดร พระนางมัทรี ชาลีกุมาร และกัณหา
อภิปราย :
ทำไมคำว่า “ฉกษัตริย์” จึงไม่อ่านว่า ฉะ-กะ-สัด แต่ให้อ่านว่า ฉ้อ-กะ-สัด หรือ ฉอ-กะ-สัด
น่าจะเป็นเพราะ –
๑. คำว่า “ฉะ” ในภาษาไทยมีความหมายกระเดียดไปในทางไม่สุภาพ เพื่อเลี่ยงเสียง “ฉะ” ซึ่งมีนัยประหวัดไปถึง “ฉะ” ในภาษาไทย จึงเปลี่ยนเป็น “ฉ้อ” หรือ “ฉอ” แทน
มีคำอื่นอีกที่ออกเสียงว่า “ฉอ” เช่น
– ฉศก (เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข 6) อ่านว่า ฉอ-สก ไม่ใช่ ฉะ-สก
– ฉทานศาลา (ศาลาเป็นที่ทําทาน 6 แห่งที่ผู้มีฐานะมั่งคั่งสร้างไว้ในเมืองของตน ถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมหาเศรษฐีของสังคมชมพูทวีป) อ่านว่า ฉ้อ-ทาน-นะ-สา-ลา ไม่ใช่ ฉะ-ทาน–
– ฉกามาพจร (สวรรค์ 6 ชั้น) พจน.54 บอกคำอ่านว่า ฉะ-กา-มา-พะ-จอน แต่คนรุ่นเก่าอ่านคำนี้ว่า ฉ้อ-กา-มา– และยังติดมาในคำแปลว่า สวรรค์ฉ้อชั้น..
๒. อีกเหตุหนึ่ง อาจเป็นเพราะไทยเราออกเสียงพยัญชนะแต่ละตัวเป็นเสียง “ออ” เช่น ก = กอ, ข = ขอ (บาลีออกเสียงเป็น “อะ” เช่น ก = กะ, ข = ขะ) พยัญชนะ ก ข 2 ตัวนี้เมื่อพูดรวมกัน โบราณออกเสียงว่า กอ-ข้อ “ก ข ก กา” อ่านว่า กอ-ข้อ-กอ-กา
ดังนั้น ฉ– ที่อยู่หน้าคำ เราจึงออกเสียงเป็น ฉอ- หรือ ฉ้อ- อนุวัตรตามหลักที่ว่านี้ไปด้วย
…….
: แม้ภาษาจะเป็นเรื่องสมมุติ
แต่ก็ต้องอ่าน-เขียนให้ถูกดีที่สุดตามวิธี
: เหมือนยศศักดิ์แม้จะเป็นเรื่องสมมุติ
แต่ก็ต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์ถูกวิธี
————–
(แก้ปัญหาคาใจของ Ratchanee Cute-ngarmprink)
26-3-59