กปิ – กระบี่ (บาลีวันละคำ 1,397)
กปิ > กระบี่
กลายรูปจนเกือบจำไม่ได้
“กปิ” บาลีอ่านว่า กะ-ปิ รากศัพท์มาจาก –
(1) กปิ (ธาตุ = เคลื่อนไหว) + อ ปัจจัย : กปิ + อ = กปิ
(2) กปฺ (ธาตุ = เคลื่อนไหว) + อิ ปัจจัย : กปฺ + อิ = กปิ
“กปิ” แปลตามศัพท์ว่า “สัตว์ที่เคลื่อนไหวเรื่อย” หมายถึง ลิง (a monkey)
ในภาษาไทย “กปิ” กลายรูปเป็น “กระบี่” ซึ่งไปพ้องกับ “กระบี่” อีกความหมายหนึ่ง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
(1) กระบี่ ๑ : (คำที่ใช้ในบทกลอน) (คำนาม) ลิง เช่น ขุนกระบี่มีกำลังโดดโลดโผน กระโจมโจนจับยักษ์หักแขนขา. (รามเกียรติ์ ร. ๒). (ป., ส. กปิ).
(2) กระบี่ ๒ : (คำนาม) อาวุธชนิดหนึ่ง ใบแบนยาว ปลายแหลม มีคมข้างหนึ่งหรือทั้ง ๒ ข้าง ด้ามสั้น ที่ด้ามถืออาจมีโกร่งหรือไม่มีก็ได้ มีฝัก.
พจน.54 บอกว่า “กระบี่” ที่หมายถึงลิง บาลีเป็น “กปิ” และสันสกฤตก็เป็น “กปิ” เหมือนกัน
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“กปิ : (คำนาม) ‘กระบี่,’ วานร, ลิง; หณุมาน; นามพระวิษณุหรือกฤษณะ; ธูป, สรรชรส; ศิลาชัน, ศิลากุสุม, กำยานไม่บริศุทธ์; an ape or monkey; the monkey Haṇumān; a title of Vishṇu or Krishṇa; incense; storax or impure benzoin.”
อภิปราย :
๑. พจน.54 ไม่ได้บอกว่า “กระบี่” ที่หมายถึงอาวุธชนิดหนึ่ง เป็นภาษาไทย หรือเราเอามาจากภาษาอะไร
คำแปลในสันสกฤตก็ไม่มีความหมายที่จะส่อไปถึงอาวุธชนิดใดๆ ที่พอจะลากเข้าไปหา “กระบี่” ในภาษาไทยได้แต่ประการใด
๒. ในภาษาไทย ถ้าพูดถึง “กระบี่” ความหมายที่เด่นที่สุดคือ “อาวุธชนิดหนึ่ง” ส่วนที่หมายถึง “ลิง” นั้นต้องเป็นนักเลงหนังสือสักหน่อยจึงจะนึกออก
๓. พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ เสนอความเห็นถึงที่มาของคำว่า “กปิ” (ลิง) ไว้ว่า original designation of a brownish colour, cp. kapila & kapota (การเรียกแต่เดิมเมื่อกล่าวถึงสีน้ำตาลอ่อน, เทียบ กปิล และ กโปต)
หมายความว่า ที่เรียกลิงว่า “กปิ” เพราะสัตว์ชนิดนี้ขนเป็นสีน้ำตาล
เทียบ “กปิล” และ “กโปต” –
“กปิล” แปลว่า มีสีน้ำตาล ซึ่งคือสีของลิงธรรมดา
“กโปต” แปลว่า นกพิราบ ซึ่งก็มีสีไปในแนวเดียวกันกับสีของลิงธรรมดา
๔. ในคัมภีร์ชาดกมีกล่าวถึงลิงไว้มาก ที่น่าสนใจเช่น “มหากปิชาดก” ในสัตตกนิบาต (สัด-ตะ-กะ-นิ-บาด)
มหากปิชาดก เป็นชาดกสั้นๆ กล่าวถึงลิงโพธิสัตว์ปกป้องชีวิตของบริวารด้วยวิธีการที่ชาญฉลาดและเสียสละอย่างสุดชีวิต
นักปกครอง ผู้นำมวลชน ผู้บริหารบ้านเมือง สมควรหามาอ่าน
: มิฉะนั้นจะเป็นนักบริหารที่อายลิง!
29-3-59