เทพรัตนสุดา (บาลีวันละคำ 1,401)
เทพรัตนสุดา
อ่านว่า เทบ-พะ-รัด-ตะ-นะ-สุ-ดา
ประกอบด้วย เทพ + รัตน + สุดา
(๑) “เทพ”
บาลีเป็น “เทว” (เท-วะ) รากศัพท์มาจาก ทิวฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง, เล่น, สนุก, เพลิดเพลิน) + อ ปัจจัย, แผลง อิ ที่ ทิ-(วุ) เป็น เอ (ทิวฺ > เทว)
: ทิวฺ + อ = ทิว > เทว แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ของตน” (2) “ผู้เพลิดเพลินด้วยเบญจกามคุณ”
ความหมายของ “เทว” ที่มักเข้าใจกันหรือเป็นความหมายเด่น คือหมายถึง เทพเจ้า, เทวดา
แต่ความจริง “เทว” ในบาลียังหมายถึง พระราชา, ฟ้า, ท้องฟ้า, ฝน, เมฆฝน อีกด้วย
“เทว” เมื่อใช้ในภาษาไทยแปลง ว เป็น พ ตามสูตรที่นิยมทั่วไป เช่น วร เป็น พร วิวิธ เป็น พิพิธ : เทว > เทพ
(๒) “รัตน”
บาลีเป็น “รตน” (ระ-ตะ-นะ) รากศัพท์มาจาก –
1) รติ (ความยินดี) + ตนฺ (ธาตุ = ขยาย, แผ่ไป) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ลบ ติ ที่ รติ (รติ > ร)
: รติ + ตนฺ = รติตน + ณ = รติตนณ > รติตน > รตน แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ขยายความยินดี” คือเพิ่มความยินดีให้
2) รมฺ (ธาตุ = ยินดี) + ตน ปัจจัย, ลบ มฺ ที่สุดธาตุ (รมฺ > ร)
: รมฺ + ตน = รมตน > รตน แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งเป็นที่ชื่นชอบแห่งผู้คน”
3) รติ (ความยินดี) + นี (ธาตุ = นำไป) + อ ปัจจัย, ลบ อิ ที่ รติ (รติ > รต), ลบสระที่ธาตุ (นี > น)
: รติ + นี = รตินี + อ = รตินี > รตนี > รตน แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่นำไปสู่ความยินดี”
4) รติ (ความยินดี) + ชนฺ (ธาตุ = เกิด) + อ ปัจจัย, แปลง อิ ที่ รติ เป็น อะ (รติ > รต), ลบ ช ต้นธาตุ (ชนฺ > น)
: รติ + ชนฺ = รติชนฺ + อ = รติชน > รตชน > รตน แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ยังความยินดีให้เกิดขึ้น”
รตน > รัตน > รัตน์ ความหมายที่เข้าใจกันคือ แก้วที่ถือว่ามีค่ายิ่ง ถ้าใช้ประกอบคําอื่นหมายถึงยอดเยี่ยมในพวกนั้น ๆ เช่น บุรุษรัตน์ นารีรัตน์ รัตนกวี
(๓) “สุดา”
บาลีเป็น “สุตา” (สุ-ตา) รากศัพท์มาจาก สุ (ธาตุ = ปกครอง, ฟัง) + ต ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: สุ + ต = สุต + อา = สุตา แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้อันบิดามารดาปกครอง” (2) “ผู้เชื่อฟัง” หมายถึง ลูกสาว (ถ้าเป็น “สุต” (สุ-ตะ) หมายถึง ลูกชาย)
เทพ + รัตน + สุดา = เทพรัตนสุดา แปลตามศัพท์ว่า “ลูกสาวผู้เป็นประดุจดวงแก้วของเทวดา”
“เทพรัตนสุดา” เป็นสร้อยพระนามของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” นับเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรกที่ทรงดำรงพระอิสริยยศที่ “สยามบรมราชกุมารี” แห่งราชวงศ์จักรี
วันที่ 2 เมษายน 2559 เป็นศุภสิริวารคล้ายวันพระราชสมภพ
: ขอ “เจ้าหญิงผู้เป็นดวงแก้วทิพย์” ของทวยไทย
: จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เทอญ
2-4-59