ปราสาท (บาลีวันละคำ 1,429)
ปราสาท
อ่านว่า ปฺรา-สาด
“ปราสาท” บาลีเป็น “ปาสาท” (ปา-สา-ทะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) ป (คำอุปสรรค = ทั่ว, ยิ่ง, ข้างหน้า, ก่อน, ออก) + สทฺ (ธาตุ = แผ่ไป, ยินดี) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ป เป็น อา (ป > ปา), ทีฆะ อะ ที่ ส-(ทฺ) เป็น อา (สทฺ > สาท)
: ป + สทฺ = ปสทฺ + ณ = ปสทณ > ปสท > ปาสท > ปาสาท แปลตามศัพท์ว่า “อาคารเป็นที่ยินดีแห่งตาและใจ”
(2) ปสาท (ความยินดี) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ป-(สาท) เป็น อา (ปสาท > ปาสาท)
: ปสาท + ณ = ปสาทณ > ปสาท > ปาสาท แปลตามศัพท์ว่า “อาคารที่ยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้น”
“ปาสาท” นักเรียนบาลีแปลทับศัพท์เป็นรูปสันสกฤตว่า ปราสาท
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปลว่า “ปาสาท” ว่า a lofty plat-form, a building on high foundations, a terrace, palace (แท่นหรือชานหรือยกพื้นสูง, สิ่งก่อสร้างที่มีฐานสูง, อาคารเป็นชั้นๆ, วัง)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“ปฺราสาท : (คำนาม) ‘ปราสาท,’ วิหาร; มนเทียร, พระราชวัง; a temple; a palace, a building inhabited by a prince or king.”
“ปาสาท” ใช้ในภาษาไทยตามรูปสันสกฤตเป็น “ปราสาท”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ปราสาท : (คำนาม) เรือนมียอดเป็นชั้น ๆ สําหรับเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินหรือเป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์. (ส. ปฺราสาท; ป. ปาสาท).”
อภิปราย:
ในภาษาไทยเข้าใจกันว่า “ปราสาท” เป็นที่ประทับของพระราชามหากษัตริย์ แต่ในคัมภีร์บาลีกล่าวถึงเศรษฐี คฤหบดี พ่อค้า ตลอดจนคนที่มีฐานะทางสังคม ว่าอยู่ปราสาท 7 ชั้น แสดงว่าตามวัฒนธรรมของชาวชมพูทวีป “ปราสาท” ไม่ได้สงวนไว้เฉพาะพระราชา
ในพระวินัย พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ภิกษุอยู่ในปราสาทได้ในฐานะเป็นเสนาสนะพิเศษจากปกติ
ในคัมภีร์ยังไม่พบคำบรรยายรูปทรงของปราสาท หนังสือวินัยมุข เล่ม 3 พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แปลคำว่า “ปาสาท” ว่า เรือนชั้น
สันนิษฐานว่า ปาสาท > ปราสาท ในวัฒนธรรมของชาวชมพูทวีปน่าจะเป็นอาคารที่สร้างเป็นชั้นๆ อย่างที่เราเรียกว่า แฟลต หรือ คอนโดมิเนียม ในเวลานี้
: อยู่กระท่อมหรืออยู่ปราสาท
: ไม่ใช่คำชี้ขาดในการทำความดี
30-4-59