สมโณ โน ครุ (บาลีวันละคำ 2493)
สมโณ โน ครุ
ข้อ 10 ในกาลามสูตร: ครูของข้า
อ่านว่า สะ-มะ-โน โน คะ-รู-ติ
หลักข้อที่ 10 ในกาลามสูตร มีข้อความที่เป็นภาษาบาลีว่า “มา สมโณ โน ครูติ” เขียนเป็นคำอ่านว่า มา สะมะโณ โน คะรูติ
แปลว่า “ท่านทั้งหลายอย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา”
“สมโณ โน ครูติ” (สะ-มะ-โน โน คะ-รู-ติ) ประกอบด้วยคำว่า “สมโณ” “โน” “ครุ” “อิติ”
(๑) “สมโณ” (สะ-มะ-โน)
รูปคำเดิมเป็น “สมณ” (สะ-มะ-นะ) รากศัพท์มาจาก สมฺ (ธาตุ = สงบ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), แปลง น เป็น ณ
: สมฺ + ยุ > อน = สมน > สมณ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้สงบจากบาปด้วยประการทั้งปวงด้วยอริยมรรค” หรือแปลสั้นๆ ว่า “ผู้สงบ” หมายถึง นักบวช, ภิกษุ, บรรพชิต
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สมณ” ว่า a wanderer, recluse, religieux (นักบวช, ฤๅษี, สมณะ)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สมณ-, สมณะ : (คำนาม) ผู้สงบกิเลสแล้ว โดยเฉพาะหมายถึงภิกษุในพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. ศฺรมณ).”
(๒) “โน”
เป็นปุริสสรรพนาม (ปุ-ริ-สะ-สับ-พะ-นาม) แทนตัวผู้พูด ไวยากรณ์บาลีเรียกว่า “อุตตมบุรุษ” รูปคำเดิมคือ “อมฺห” อ่านว่า อำ-หะ หรือจะออกเสียงเป็น อำ-หฺมะ ก็ได้ นักเรียนบาลีเรียกติดปากว่า “อมฺห ศัพท์” เทียบคำอังกฤษคือ I (ไอ)
“อมฺห” แจกด้วยวิภัตตินามที่หก (ฉัฏฐีวิภัตติ) พหูพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “โน” แปลว่า “ของเราทั้งหลาย” หรือ “ของพวกเรา”
แทรกความรู้พิเศษ :
“ตุมฺห” (ปุริสสรรพนาม “มัธยมมบุรุษ” = you) แจกด้วยวิภัตตินามที่หก เอกพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “เต” พหูพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “โว” และ “อมฺห” (ปุริสสรรพนาม “อุตตมบุรุษ” = I) แจกด้วยวิภัตตินามที่หก เอกพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “เม” พหูพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “โน” นักเรียนบาลีท่องจำติดปากว่า “เต, เม, โว, โน”
มีกฎทางไวยากรณ์อยู่ว่า “เต, เม, โว, โน” ดังกล่าวนี้ เมื่อนำไปใช้เป็นรูปประโยค ห้ามใช้เป็นคำที่หนึ่งในประโยค แต่มักใช้เป็นคำที่สองในประโยคเสมอ เช่น “อิทํ เม ญาตีนํ โหตุ” (อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ = ขอบุญนี้จงถึงแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า)
จะใช้เป็น “เม อิทํ ญาตีนํ โหตุ” อย่างนี้ไม่ได้ ผิดกฎ
(๓) “ครุ” (คะ-รุ)
รากศัพท์มาจาก –
(1) ครฺ (ธาตุ = ไหลไป; ลอยขึ้น) + อุ ปัจจัย
: ครฺ + อุ = ครุ แปลตามศัพท์ว่า (1) “สิ่งที่เลื่อนไหลกว้างขวางไป” (2) “ผู้ลอยเด่น”
(2) คิรฺ (ธาตุ = คาย, หลั่ง) + อุ ปัจจัย, ลบสระต้นธาตุ (คิรฺ > ครฺ)
: คิรฺ + อุ = คิรุ > ครุ แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้คายความรักให้หมู่ศิษย์” (2) “ผู้หลั่งความรักไปในหมู่ศิษย์”
“ครุ” (ปุงลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายว่า –
(1) หนัก, น้ำหนักบรรทุก (heavy, a load)
(2) สำคัญ, ควรเคารพ, พึงเคารพ (important, venerable, reverend)
(3) คนที่ควรนับถือ, ครู (a venerable person, a teacher)
(๔) “อิติ” (อิ-ติ)
เป็นคำจำพวกนิบาต ลักษณะพิเศษของคำนิบาตคือไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย คงรูปเดิมอยู่เสมอ แต่ในกรณีที่สนธิกับคำอื่นอาจกลายรูปและเสียงได้ แต่เมื่อแยกคำแล้วยังคงเป็นรูปเดิม
ถ้าจะแสดงรากศัพท์ ท่านว่า “อิติ” มาจาก อิ (ธาตุ = ไป) + ติ ปัจจัย
: อิ + ติ = อิติ แปลตามศัพท์ว่า “การไป” “สิ่งที่ไป” “สิ่งเป็นเครื่องไป”
ตำราบาลีไวยากรณ์ที่นักเรียนบาลีในเมืองไทยใช้เรียน แปล “อิติ” เป็นไทยว่า –
(1) เพราะเหตุนั้น, เพราะเหตุนี้
(2) ว่าดังนี้
(3) ด้วยประการนี้
(4) ชื่อ
(5) คือว่า
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ไม่ได้แปล “อิติ” เป็นภาษาอังกฤษแบบคำตรงๆ แต่บอกไว้ว่า –
(1) “thus” (เช่นนั้น)
(2) “thus, in this way” (เช่นนั้น, ในทำนองนี้)
(3) “so it is that” (เรื่องเป็นเช่นนี้คือ)
การประกอบประโยค :
กาลามสูตรข้อนี้ไม่มีการประสมคำ ยกเว้น ครุ + อิติ = ครูติ แต่เอาคำมาประกอบกันเป็นประโยคว่า “มา สมโณ โน ครูติ”
ประโยคเต็มรูปว่า “มา สมโณ โน ครูติ คณฺหิตฺถ.”
แปลยกศัพท์: (ตุมฺเห อันว่าท่านทั้งหลาย) มา คณฺหิตฺถ จงอย่าถือเอา (โดยนับถือ) ว่า “(อยํ) สมโณ อันว่าสมณะ (นี้) ครุ เป็นครู โน ของเราทั้งหลาย (โหติ ย่อมเป็น) อิติ ดังนี้”
แปลสรุปความ: ท่านทั้งหลายอย่าเชื่อถือโดยอ้างว่าท่านผู้นี้เป็นครูของพวกเรา
คัมภีร์อรรถกถาไขความคำว่า “มา สมโณ โน ครูติ” ว่า –
“อยํ สมโณ อมฺหากํ ครุ อิมสฺส กถํ คเหตุํ ยุตฺตนฺติปิ มา คณฺหิตฺถ.” (มโนรถปูรณี อรรถกถาอังคุตรนิกาย ภาค 2 หน้า 299)
แปลว่า: อย่าเชื่อถือเพราะเห็นว่าสมณะรูปนี้เป็นครูของเรา คำของท่านเชื่อได้แน่
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [317] แปล “มา สมโณ โน ครูติ” เป็นไทยว่า “อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา” และแปลเป็นอังกฤษว่า Be not led by the idea, ‘This is our teacher’.
อภิปราย :
กาลามสูตรข้อนี้คือข้อที่ถูกนำไปอ้างกันอย่างแพร่หลายว่า กาลามสูตรสอนไม่ให้เชื่อครู
โปรดช่วยกันรับทราบว่า คำอ้างนี้ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างร้ายแรง
กาลามสูตรสอนไม่ได้สอนเลยว่า อย่าเชื่อครู หรือสอนไม่ให้เชื่อครู
กาลามสูตรสอนว่า อย่าเชื่อเพราะนับถือ หรือโดยอ้างเหตุผลว่า “เพราะท่านผู้นี้เป็นครู จึงต้องเชื่อ”
กาลามสูตรสอนว่าอย่าอ้างแบบนี้ เพราะครูที่เชื่อได้ก็มี เชื่อไม่ได้ก็มี เมื่อจะเชื่อต้องมีเหตุผลประกอบอีกหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่อ้างว่า “เพราะท่านเป็นครู จึงต้องเชื่อ”
เวลานี้สังคมไทยเกิดความคิดเห็นอย่างใหม่ คือเห็นว่าพิธีไหว้ครูเป็นเรื่องล้าสมัย ไม่จำเป็นต้องทำ ความคิดเห็นแบบนี้จึงเข้ากันได้ดีกับความเชื่อผิดๆ ที่อ้างว่ากาลามสูตรสอนไม่ให้เชื่อครู
นอกจากกาลามสูตรจะ “ไม่ได้สอนว่าอย่าเชื่อครู” แล้ว หลักธรรมในพระพุทธศาสนายังสอนให้ศิษย์ปฏิบัติต่อครูด้วยความเคารพอย่างยิ่งอีกด้วย ซึ่งเป็นการตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับที่เอาไปอ้างว่า “กาลามสูตรสอนไม่ให้เชื่อครู”
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ผู้เห็นคุณค่าของครู
: คือผู้เห็นคุณค่าของคน
#บาลีวันละคำ (2,493) 10-4-62