บาลีวันละคำ

วิปากสัทธา (บาลีวันละคำ 1,679)

วิปากสัทธา

เชื่อเถิดว่าเป็นผลที่ตนทำ

ประกอบด้วย วิปาก + สัทธา

(๑) “วิปาก

บาลีอ่านว่า วิ-ปา-กะ รากศัพท์มาจาก วิ (คำอุปสรรค = พิเศษ, แจ้ง, ต่าง) + ปจฺ (ธาตุ = ทำให้สิ้นสุด; หุง, ต้ม; สุก, ไหม้) + ปัจจัย, ลบ , ทีฆะ อะ ที่ -(จฺ) เป็น อาด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (ปจฺ > ปาจ), แปลง ที่สุดธาตุเป็น

: วิ + ปจฺ = วิปจฺ + = วิปจณ > วิปจ > วิปาจ > วิปาก แปลตามศัพท์ว่า (1) “เป็นที่สุดแห่งเหตุ” (2) “สิ่งที่สุกแล้วอย่างไม่เหลือ” (คือไม่มีส่วนที่ยังดิบเหลืออยู่)

วิปาก” (ปุงลิงค์) หมายถึง ผล, การสำเร็จผล, ผลิตผล; ผลที่เกิดขึ้น, ผลที่เกิดจากเหตุหรือผลของกรรม, ผลกรรม, (fruit, fruition, product; result, effect, retribution)

ฝรั่งที่ทำพจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ขยายความหมายของ “วิปาก” ไปอีกว่าเปรียบเหมือน reward or punishment (รางวัลหรือการถูกลงโทษ) ที่ได้รับ แล้วแต่ว่าจะทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม

วิปาก” ในบาลี เราเอามาใช้ว่า “วิบาก

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

วิบาก : (คำนาม) ผล, ผลแห่งกรรมดีกรรมชั่วอันทําไว้แต่อดีต, เช่น กุศลวิบาก กรรมวิบาก. (คำวิเศษณ์) ลำบาก เช่น ทางวิบาก วิ่งวิบาก. (ป., ส. วิปาก).”

(๒) “สัทธา

ภาษาไทยนิยมใช้ตามรูปสันสกฤตเป็น “ศรัทธา” ในที่นี้เขียนตามรูปบาลี

สทฺธา” รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อม, ดี, ด้วยดี) + ธา (ธาตุ = เชื่อถือ, นับถือ, มอบไว้, ฝากไว้) + อ ปัจจัย, แปลงนิคหิต (ที่ สํ) เป็น ทฺ (สํ > สทฺ)

: สํ > สทฺ + ธา = สทฺธา + = สทฺธา แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่เชื่อถือ” “สิ่งที่เป็นเหตุให้เชื่อถือ” “สิ่งที่เป็นเหตุให้มอบจิตไว้ด้วยดี” หมายถึง ความเชื่อ (faith)

(ดูเพิ่มเติมที่ “ตถาคตโพธิสัทธา” บาลีวันละคำ (1,677) 6-1-60)

วิปาก + สัทธา = วิปากสัทธา แปลตามศัพท์ว่า “เชื่อผล (ของกรรม)

วิปากสัทธา” เป็นหนึ่งในสัทธา 4 อย่างของชาวพุทธ คือ (1) กัมมสัทธา (2) วิปากสัทธา (3) กัมมัสสกตาสัทธา (4) ตถาคตโพธิสัทธา

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [181] บอกความหมายของ “วิปากสัทธา” ไว้ดังนี้ –

วิปากสัทธา : เชื่อวิบาก, เชื่อผลของกรรม, เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง คือ เชื่อว่ากรรมที่ทำแล้วต้องมีผล และผลต้องมีเหตุ ผลดีเกิดจากกรรมดี ผลชั่วเกิดจากกรรมชั่ว (Vipākasaddhā: belief in the consequences of actions)

…………..

อภิปราย:

วิปากสัทธา” หมายถึง เชื่อว่าผลดีผลร้ายที่ตนได้รับล้วนเกิดจากการกระทำของตนเอง ไม่ใช่เกิดจากการดลบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน (หากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมาช่วยดลบันดาลให้จริง ก็ต้องเป็นเพราะการกระทำของเราอยู่นั่นเอง มิใช่ว่าอยู่ดีๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไปเที่ยวดลบันดาลให้ใครได้โดยไม่มีเหตุ)

แต่พระพุทธศาสนาสอนว่า ผลจากการกระทำของตัวเองแน่นอนกว่าผลที่หวังรอหรือวอนขอจากใครๆ

คนไทยส่วนมากขาด “วิปากสัทธา” ได้สุขได้ทุกข์หรือสมหวังผิดหวังก็มักเชื่อไปว่าเกิดจากเหตุภายนอก แทนที่จะเห็นว่าเกิดจากการกระทำของตนเอง

บางคนสอบได้ด้วยความสามารถของตัวเองแท้ๆ แต่กลับเชื่อว่าที่สอบได้ก็เพราะไปบนหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ที่นั่นที่โน่นเอาไว้

โคลงโลกนิติเตือนสติไว้ว่า –

๏ หมอแพทย์ทายว่าไข้…..ลมคุม

โหรว่าเคราะห์แรงรุม………โทษให้

แม่มดว่าผีกุม……………….ทำโทษ

ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้……ก่อสร้างมาเอง๚ะ๛

(ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับหอสมุดแห่งชาติ บทที่ ๑๓๓)

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ผลกรรมที่ตำตา อย่ามองหาว่าใครทำ

: ตัวกูแหละทำกรรม จะสูงต่ำก็กรรมกู

8-1-60