บรรพสตรี [2] (บาลีวันละคำ 1,698)
บรรพสตรี [2]
ทบทวนกันอีกที
อ่านว่า บัน-พะ-สัด-ตฺรี
ประกอบด้วย บรรพ + สตรี
(๑) “บรรพ” (บัน-พะ-)
บาลีเป็น “ปุพฺพ” (ปุบ-พะ) รากศัพท์มาจาก ปุพฺพฺ (ธาตุ = เต็ม) + อ ปัจจัย
: ปุพฺพฺ + อ = ปุพฺพฺ แปลตามศัพท์ว่า “ส่วนที่เต็ม” หมายถึง อดีต, แต่ก่อน, ก่อน (previous, former, before)
“ปุพฺพ” สันสกฤตเป็น “ปูรฺว” ในภาษาไทยใช้ตามบาลีเป็น บุพ– หรือ บุพพ– ก็มี ใช้อิงสันสกฤตโดยแผลงเป็น บรรพ– เช่นในคำนี้ และเขียนเป็น บรรพ์ (การันต์ที่ พ) ก็มี
(๒) “สตรี”
บาลีเป็น “อิตฺถี” (อิด-ถี) รากศัพท์มาจาก อิสฺ (ธาตุ = ปรารถนา, ชอบใจ) + ถี ปัจจัย, แปลง สฺ เป็น ตฺ, นัยหนึ่งลง ตฺถี ปัจจัย, ลบที่สุดธาตุ (อิสฺ > อิ)
: (1) อิสฺ + ถี = อิสฺถี > อิตฺถี
: (2) อิสฺ + ตฺถี = อิสฺตฺถี > อิตฺถี
“อิตฺถี” แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้ปรารถนาชาย” (2) “ผู้อันชายปรารถนา” (3) “ผู้ทำให้ชายปรารถนา”
อิตฺถี สันสกฤตเป็น “สฺตฺรี” ในที่นี้ภาษาไทยใช้เป็น “สตรี”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สตรี : (คำนาม) ผู้หญิง, เพศหญิง, คู่กับ บุรุษ, (ใช้ในลักษณะที่สุภาพ). (ส.; ป. อิตฺถี, ถี).”
………….
อภิปรายแทรก :
นักภาษาสันนิษฐานว่าคำว่า “สตรี” อาจมีรากศัพท์มาจาก “สาตุห” ฝรั่งแปลว่า uterus (มดลูก) หรือ “ศี” to sow or produce (หว่าน หรือ ผลิต)
ในภาษาไทยมีคำว่า “ศรี” แปลว่า ผู้หญิง ซึ่งน่าจะเป็นคำเดียวกับ “ศี” ที่ฝรั่งอ้าง แต่พจนานุกรมฯ บอกเหมือนจะให้เข้าใจว่า “ศรี” มาจากคำเขมรว่า “สี”
ในภาษาไทยยังมีคำว่า “อิสตรี” และ “อิสัตรี” หมายถึง ผู้หญิง
ดูตามรูปแล้ว “อิสตรี” หรือ “อิสัตรี” เหมาะที่จะเป็นสันสกฤต คือ “อิตฺถี” ในบาลีเป็น “อิสฺตรี” ในสันสกฤต
แต่สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีแต่ “สฺตรี” ไม่มี “อิสฺตรี”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ก็บอกว่า “itthi & Itthī” ในบาลี เป็น “strī” ในสันสกฤต ไม่มีบอกว่าเป็น “istrī”
คงต้องขอแรงผู้เชี่ยวชาญสันสกฤตว่า สันสกฤตมี “อิสฺตรี” ที่แปลว่า ผู้หญิง หรือไม่ ถ้ามีก็ได้คำตอบ แต่ถ้าไม่มี ก็ต้องสืบหากันต่อไปว่า “อิสตรี” หรือ “อิสัตรี” มาจากภาษาอะไร หรือว่าเป็นสันสกฤตปลอม?
………….
บรรพ + สตรี = บรรพสตรี
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“บรรพสตรี : (คำนาม) หญิงผู้เป็นต้นวงศ์.”
…………..
อภิปราย :
คำว่า “บรรพสตรี” นี้เข้าใจว่าเกิดขึ้นจากการเทียบคำว่า “บรรพบุรุษ” ในภาษาไทย
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“บรรพบุรุษ : (คำนาม) ผู้เป็นต้นวงศ์ตระกูลซึ่งมีผู้สืบสายโลหิตมา, บุคคลที่นับตั้งแต่ปู่ย่าตายายขึ้นไป.”
เมื่อเห็นคำว่า “บรรพบุรุษ” คนมักนึกไปว่าหมายถึง “ผู้ชาย” ทำให้คิดต่อไปว่า “ผู้เป็นต้นวงศ์..” ต้องมีทั้งชายทั้งหญิง เพราะฉะนั้น จึงควรจะต้องมี “บรรพสตรี” ด้วย
โปรดสังเกตว่า คำนิยาม “บรรพบุรุษ” บอกว่า “ผู้เป็นต้นวงศ์..” ไม่ได้บอกว่า “ชายผู้เป็นต้นวงศ์..” จึงเป็นอันครอบคลุมได้ทั้งบุรุษและสตรีอยู่ในตัวแล้ว ไม่ต้องแยกไปเรียกเป็น “บรรพสตรี” อีกคำหนึ่ง
ในคัมภีร์ มีศัพท์ว่า “ปุพฺพปุริส” (ปุบ-พะ-ปุ-ริ-สะ) ตรงกันกับ “บรรพบุรุษ” ในภาษาไทย
“บรรพสตรี” เทียบกลับเป็นบาลีจะได้รูปศัพท์เป็น “ปุพฺพิตฺถี” (ปฺพฺพ + อิตฺถี) ยังไม่พบว่ามีศัพท์เช่นนี้ใช้ในคัมภีร์
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ปุพฺพปุริส” ว่า ancestor ซึ่งก็ไม่ใช่คำระบุตรงตัวว่าต้องเป็นชายหรือหญิง
(ดูเพิ่มเติมที่ : “บรรพบุรุษ” บาลีวันละคำ (744) 1-6-57)
อีกประการหนึ่ง ตามหลักนิยมของมนุษย์ ท่านว่า “บุรุษ” เป็นต้นวงศ์ “สตรี” เป็นต้นวงศ์ไม่ได้
ในภาษาไทย เราเข้าใจกันแต่เพียงว่า “บุรุษ” ต้องเป็นผู้ชาย แต่ในภาษาบาลี “ปุริส” = บุรุษ มีความหมาย 2 นัย คือ –
(1) ความหมายที่เข้าใจกันทั่วไป หมายถึง “ผู้ชาย”
(2) ความหมายในวงกว้างหมายถึง “มนุษย์” หรือ “คน” ไม่จำกัดว่าชายหรือหญิง
โปรดสังเกตเทียบคำว่า man ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลว่า “ผู้ชาย” แต่ในวงกว้าง man แปลว่า “มนุษย์” หรือ “คน”
คำแสดงว่า “ปุริส” หมายถึง “คน” เช่น –
– สปฺปุริส = สัตบุรุษ, คนมีคุณค่า (a good, worthy man)
– กาปุริส = คนเลวทราม (a contemptible man)
– กิมฺปุริส = “คนอะไร” = คนป่าเถื่อน (“whatever man”, a wild man of the woods)
– ปุริสทมฺมสารถิ = นายสารถีผู้ฝึกบุรุษ (guide of men who have to be restrained) (ข้อหนึ่งในพระพุทธคุณ)
– ปุริสปุคฺคล =บุคคล, ผู้ที่เป็นคน (a man, a human character) (คำหนึ่งในสังฆคุณ)
พุทธภาษิตที่ว่า “วายเมเถว ปุริโส” ต้องแปลว่า “เป็นคนควรพยายามร่ำไป” ไม่ใช่ “เป็นชายควรพยายามร่ำไป” เพราะพุทธภาษิตบทนี้สอนทั้งชายและหญิง นั่นคือสอน “คน” = ปุริโส ไม่ได้สอนเฉพาะบุรุษ
…………..
: สวรรค์ชั้นสูงสุด ไม่ใช่ขึ้นได้เฉพาะบุรุษหรือสตรี
: นรกอเวจี ไม่ใช่ตกได้เฉพาะสตรีหรือบุรุษ
———–
(ในโอกาสเทศกาลไหว้ “บรรพบุรุษ” ซึ่งไม่ใช่ไหว้เฉพาะบุรุษ)
27-1-60