ปรมัตถสัจจะ (บาลีวันละคำ 1,706)
ปรมัตถสัจจะ
จริงจริงๆ
อ่านว่า ปะ-ระ-มัด-ถะ-สัด-จะ
ประกอบด้วย ปรมัตถ + สัจจะ
(๑) “ปรมัตถ”
บาลีเป็น “ปรมตฺถ” (ปะ-ระ-มัด-ถะ) รากศัพท์มาจาก ปรม + อตฺถ
(ก) “ปรม” (ปะ-ระ-มะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) ปร (ข้าศึก) + มรฺ (ธาตุ = ตาย) + กฺวิ ปัจจัย, ลบที่สุดธาตุ (มรฺ > ม) และลบปัจจัย
: ปร + มรฺ + กฺวิ = ปรมรกฺวิ > ปรมร > ปรม แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยังธรรมอันเป็นข้าศึกให้ตาย”
(2) ป (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง) + รมฺ (ธาตุ = ยินดี) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ
: ป + รมฺ = ปรมฺ + ณ = ปรมณ > ปรม แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ยินดีในความยิ่งใหญ่”
(3) ปรฺ (ธาตุ = รักษา) + ม ปัจจัย
: ปรฺ + ม = ปรม แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่รักษาความสูงสุดของตนไว้ได้”
หมายเหตุ: “ปรม” ยังมีรากศัพท์และแปลอย่างอื่นอีกหลายความหมาย
“ปรม” หมายถึง สูงสุด, พิเศษสุด, เป็นเลิศ, ดีที่สุด (highest, most excellent, superior, best)
(ข) “อตฺถ” (อัด-ถะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) อรฺ (ธาตุ = ไป, ถึง เป็นไป; พินาศ) + ถ ปัจจัย, แปลง รฺ ที่สุดธาตเป็น ตฺ (อรฺ > อตฺ)
: อรฺ + ถ = อรฺถ > อตฺถ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “สิ่งเป็นเครื่องให้ดำเนินไปได้” (2) “สิ่งที่ให้ดำเนินไปตามการณ์” (3) “สิ่งอันบุคคลถึง คือได้รับตามครรลองแห่งเหตุ” (4) “ภาวะที่พินาศ”
(2) อสฺ (ธาตุ = มี, เป็น) + ถ ปัจจัย, แปลง สฺ ที่สุดธาตเป็น ตฺ (อสฺ > อตฺ)
: อสฺ + ถ = อสฺถ > อตฺถ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “สิ่งเป็นเหตุให้มีให้เป็น” (2) “เหตุให้มีศัพท์”
(3) อตฺถฺ (ธาตุ = ขอ, ปรารถนา) + อ ปัจจัย
: อตฺถฺ + ถ = อตฺถ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ต้องการ”
“อตฺถ” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) กำไร, ผลประโยชน์, การได้เปรียบ; ความดี, พร, สวัสดิภาพ; ผลที่ได้มา, ความรุ่งเรือง, สวัสดิการ (interest, advantage, gain; good, blessing, welfare; profit, prosperity, well-being)
(2) ความประสงค์, ความต้องการ, ความปรารถนา, ประโยชน์ (need, want, use)
(3) เนื้อความ, ความหมาย, ความสำคัญ (ของคำพูด), การหมายถึง (sense, meaning, import [of a word], denotation, signification)
(4) ข้อความ, สิ่งของ (matter, thing)
(5) เรื่องราว, ความเห็น, คดี (affair, cause, case)
ปรม + อตฺถ = ปรมตฺถ หมายถึง ประโยชน์อันสูงสุด, ปรมัตถ์; ความจริงอย่างยิ่ง, ความจริงเชิงปรัชญา (the highest good, ideal; truth in the ultimate sense, philosophical truth)
(๒) “สัจจะ”
บาลีเป็น “สจฺจ” (สัด-จะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) ส (แทนศัพท์ว่า “สนฺต” = สัตบุรุษ, คนดี) + ภู (ธาตุ = มี, เป็น) + จ ปัจจัย, แปลง ภู เป็น จ
: ส + ภู > จ = สจ + จ = สจฺจ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่มีในคนดีทั้งหลาย” (สัจจะจึงต้องเป็นไปในทางดี)
(2) สรฺ (ธาตุ = เบียดเบียน) + จ ปัจจัย, ลบ รฺ ที่ (ส)-รฺ (สรฺ > ส), ซ้อน จฺ
: สรฺ > ส + จฺ + จ = สจฺจ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่เบียดเบียนทุกข์” (สัจจะจึงต้องใช้เพื่อแก้ทุกข์ คือแก้ปัญหา)
“สจฺจ” เป็นคำนาม แปลว่า ความจริง (the truth), การยืนยันแน่นอน (a solemn asseveration) เป็นคุณศัพท์ แปลว่า จริง, แท้ (real, true)
“สจฺจ” ในภาษาไทย นิยมตัด จ ออกตัวหนึ่ง เขียนเป็น “สัจ” ถ้าใช้คำเดียวและ/หรืออ่านว่า สัด-จะ เขียนเป็น “สัจจะ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สัจ, สัจ-, สัจจะ : (คำนาม) ความจริง, ความจริงใจ, เช่น ทำงานร่วมกันต้องมีสัจจะต่อกัน. (ป. สจฺจ; ส. สตฺย).”
ปรมตฺถ + สจฺจ = ปรมตฺถสจฺจ > ปรมัตถสัจจะ แปลว่า “ความจริงโดยปรมัตถ์”
“ปรมัตถสัจจะ” คู่กับ“สมมุติสัจจะ”
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [50] อธิบายไว้ดังนี้ –
1. สมมติสัจจะ : ความจริงโดยสมมุติ, ความจริงที่ขึ้นต่อการยอมรับของคน, ความจริงที่ถือตามความกำหนดหมายตกลงกันไว้ของชาวโลก เช่นว่า คน สัตว์ โต๊ะ หนังสือ เป็นต้น (Sammati-sacca: conventional truth)
2. ปรมัตถสัจจะ : ความจริงโดยปรมัตถ์, ความจริงที่มีอยู่ในธรรมชาติ โดยไม่ขึ้นต่อการยอมรับของคน, ความจริงตามความหมายขั้นสุดท้ายที่ตรงตามสภาวะและเท่าที่จะกล่าวถึงได้ เช่นว่า รูป นาม เวทนา จิต เจตสิก เป็นต้น (Paramattha-sacca: ultimate truth, absolute truth)
…………..
ดูก่อนภราดา!
บางเรื่อง เขาเชื่อคำพูด
บางเรื่อง เขาเชื่อคนพูด
: ปรมัตถสัจจะ-ไม่ง้อให้เชื่อคำพูด
: แต่ท้าให้พิสูจน์ด้วยของจริง
4-2-60