เล่ห์กล (บาลีวันละคำ 1,723)
เล่ห์กล
คำที่มีเล่ห์กลมิใช่เล่น
อ่านว่า เล่-กน
แยกศัพท์เป็น เล่ห์ + กล
(๑) “เล่ห์”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“เลห, เล่ห์ : (คำนาม) กลอุบายหรือเงื่อนงําอันอาจทําให้คนอื่นหลงผิด เข้าใจผิด, ใช้ว่า เล่ห์กล ก็มี. (คำวิเศษณ์) คล้าย, เปรียบ, เช่น, เหมือน.”
ข้อสังเกต :
๑ พจนานุกรมฯ ไม่ได้บอกว่า “เลห” อ่านอย่างไร เล-หะ หรือ เล่ หรือ เล
๒ พจนานุกรมฯ ไม่ได้บอกว่า “เลห” หรือ “เล่ห์” เป็นภาษาอะไร
ในบาลียังไม่พบคำว่า “เลห” ที่มีความหมายตรงกับ “เล่ห์” ในภาษาไทย
ผู้เขียนบาลีวันละคำขอสันนิษฐานว่า “เลห” หรือ “เล่ห์” แผลงมาจาก “เลส” ในบาลี
“เลส” อ่านว่า เล-สะ รากศัพท์มาจาก ลิสฺ (ธาตุ = ติดอยู่, ข้องอยู่) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อิ ที่ ลิ-(สฺ) เป็น เอ (ลิสฺ > เลส)
: ลิสฺ + ณ = ลิสณ > ลิสฺ > เลส (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “เรื่องที่ติดข้องอยู่” หมายถึง การลวง, ข้ออ้างแก้ตัว, กลอุบาย, การแสร้งทำ (sham, pretext, trick)
จะเห็นได้ว่า “เลส” ในบาลีกับ “เล่ห์” ในภาษาไทยมีความหมายตรงกัน
ในสันสกฤตมีคำว่า “เลศ” ซึ่งตามหลักแล้วควรจะตรงกับ “เลส” ในบาลี แต่ปรากฏว่าความหมายไม่ตรงกับ “เลส” ในที่นี้
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(1) เลศ : (คุณศัพท์) เล็ก, น้อย; small, little.
(2) เลศ : (คำนาม) ความเล็ก, ความน้อย; smallness, littleness.
แต่ “เลส” ในบาลีแปลว่า เล็กน้อย, นิดหน่อย หรือ ส่วนน้อยที่สุด (particle) ก็ได้ด้วยเช่นกัน
“เลส” เป็น “เล่ห์” ได้อย่างไร ?
ตอบได้ด้วยคำเทียบ นั่นคือคำว่า “อุปเทห์” (อุ-ปะ-เท่, อุบ-ปะ-เท่)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อุปเท่ห์ : (คำนาม) อุบายดําเนินการ, วิธีดําเนินการ. (ส. อุปเทศ; ป. อุปเทส).”
พจนานุกรมฯ บอกว่า “อุปเทห์” สันสกฤตเป็น “อุปเทศ” บาลีเป็น “อุปเทส”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
“อุปเทศ : (คำนาม) คำแนะนำ, คำบอกหรือชี้แจง; คำสั่ง, คำสั่งสอน; มายา; การเริ่มแนะนำสั่งสอน; การบอกมนตร์หรือสูตรเบื้องต้น; ภาคต้น; advice, information; instruction; pretext or plea; initiation; communication of initiatory mantra or formula; an elementary term.”
“อุปเทส” (อุ-ปะ-เท-สะ) ในบาลี แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่เข้าไปหาอาจารย์แล้วแสดง” หมายถึง การชี้แจง, การบ่งชี้, การแนะนำ, การสั่งสอน (pointing out, indication, instruction, advice)
เป็นอันยืนยันได้ว่า “อุปเทศ” “อุปเทส” “อุปเทห์” มีความหมายอย่างเดียวกัน
ถ้า อุปเทส = อุปเท่ห์ ก็คือ : –เทส = –เท่ห์
ดังนั้น : เลส = เล่ห์
(๒) “กล”
คำนี้ตรงกับบาลีว่า “กลา” (กะ-ลา) รากศัพท์มาจาก กลฺ (ธาตุ = นับ, คำนวณ) + อ ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: กลฺ + อ = กล + อา = กลา แปลตามศัพท์ว่า “ส่วนอันเขานับด้วย ๑ เป็นต้น”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “กลา” ดังนี้ –
(1) a small fraction of a whole, one infinitesimal part (เสี้ยวเล็กๆ ของส่วนที่เต็ม, ส่วนที่เล็กน้อยเหลือประมาณ)
(2) an art, a trick (อุบาย, การหลอกลวง)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กล, กล– : (คำนาม) การลวงหรือล่อลวงให้หลงหรือให้เข้าใจผิดเพื่อให้ฉงนหรือเสียเปรียบ เช่น เล่ห์กล, เล่ห์เหลี่ยม เช่น กลโกง; เรียกการเล่นที่ลวงตาให้เห็นเป็นจริงว่า เล่นกล; เครื่องกลไก, เครื่องจักร, เครื่องยนต์, เช่น ช่างกล. (คำวิเศษณ์) เช่น, อย่าง, เหมือน, เช่น เหตุผลกลใด; เคลือบแฝง เช่น ถ้าจําเลยให้การเป็นกลความ. (คำที่ใช้ในกฎหมาย).”
จะเห็นได้ว่าความหมายในภาษาไทยที่ตรงกับบาลีก็มี ที่ใช้แตกต่างออกไปก็มี
เล่ห์ + กล = เล่ห์กล
เป็นคำซ้ำความที่เอาบาลีมาใช้แบบไทย และประสมกันแบบไทย
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
(1) เล่ห์กล ๑ : (คำนาม) การลวงหรือล่อลวงให้หลงผิดหรือเพื่อให้เข้าใจผิด.
(2) เล่ห์กล ๒, เล่ห์เหลี่ยม : (คำนาม) ชั้นเชิง, อุบาย.
…………..
สรุปว่า กว่าจะมาเป็น “เล่ห์กล” ได้ ก็ต้องใช้เล่ห์กลทางภาษากันมิใช่น้อย
…………..
ดูก่อนภราดา!
อันว่าเล่ห์กลนั้น
: ถ้าใช้เพื่อแก้ปัญหา ก็ช่วยให้แก้ปัญหานั้นได้ง่ายที่สุด
: ถ้าใช้เพื่อก่อปัญหา ก็ทำให้ปัญหานั้นแก้ได้ยากที่สุด
21-2-60