โลหปราสาท (บาลีวันละคำ 2,071)
โลหปราสาท
อ่านว่า โล-หะ-ปฺรา-สาด
ประกอบด้วยคำว่า โลห + ปราสาท
(๑) “โลห”
บาลีอ่านว่า โล-หะ รากศัพท์มาจาก –
(1) ลุ (ธาตุ = ตัด) + ห ปัจจัย, แผลง อุ ที่ ลุ เป็น โอ (ลุ > โล)
: ลุ + ห = ลุห > โลห แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งเป็นเครื่องตัด”
(2) ลุ (ตัดมาจากคำว่า “ลุนนฺต” = ตัด) + หา (ธาตุ = สละ, ทิ้ง) + อ ปัจจัย, ใช้สูตร “ลบสระหน้า” หรือ “ลบสระที่สุดธาตุ” คือลบ อา ที่ หา (หา > ห), แผลง อุ ที่ ลุ เป็น โอ (ลุ > โล)
: ลุ + หา = ลุหา > ลุห + อ = ลุห > โลห แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ผู้ตัดผละทิ้งไป” (คือตัดไม่ขาดจนต้องทิ้ง)
“โลห” (ปุงลิงค์) หมายถึง โลหะ, โดยเฉพาะอย่างยิ่งทองแดง, ทองเหลืองหรือทองสัมฤทธิ์ (metal, esp. copper, brass or bronze)
(๒) “ปราสาท”
บาลีเป็น “ปาสาท” (ปา-สา-ทะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) ป (คำอุปสรรค = ทั่ว, ยิ่ง, ข้างหน้า, ก่อน, ออก) + สทฺ (ธาตุ = แผ่ไป, ยินดี) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ป เป็น อา (ป > ปา), ทีฆะ อะ ที่ ส-(ทฺ) เป็น อา (สทฺ > สาท)
: ป + สทฺ = ปสทฺ + ณ = ปสทณ > ปสท > ปาสท > ปาสาท แปลตามศัพท์ว่า “อาคารเป็นที่ยินดีแห่งตาและใจ”
(2) ปสาท (ความยินดี) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ป-(สาท) เป็น อา (ปสาท > ปาสาท)
: ปสาท + ณ = ปสาทณ > ปสาท > ปาสาท แปลตามศัพท์ว่า “อาคารที่ยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้น”
“ปาสาท” นักเรียนบาลีแปลทับศัพท์เป็นรูปสันสกฤตว่า ปราสาท
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ปาสาท” ว่า a lofty plat-form, a building on high foundations, a terrace, palace (แท่นหรือชานหรือยกพื้นสูง, สิ่งก่อสร้างที่มีฐานสูง, อาคารเป็นชั้นๆ, วัง)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“ปฺราสาท : (คำนาม) ‘ปราสาท,’ วิหาร; มนเทียร, พระราชวัง; a temple; a palace, a building inhabited by a prince or king.”
“ปาสาท” ใช้ในภาษาไทยตามรูปสันสกฤตเป็น “ปราสาท”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ปราสาท : (คำนาม) เรือนมียอดเป็นชั้น ๆ สําหรับเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินหรือเป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์. (ส. ปฺราสาท; ป. ปาสาท).”
โลห + ปาสาท = โลหปาสาท (โล-หะ-ปา-สา-ทะ) แปลตามศัพท์ว่า “ปราสาทอันสำเร็จด้วยโลหะ” หรือ “ปราสาทอันมุงด้วยโลหะ”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ขยายความคำว่า “โลหปาสาท” ไว้ว่า “copper terrace,” brazen palace, N. of a famous monastery at Anurādhapura in Ceylon (“โลหปราสาท”, ปราสาททองแดง, ชื่อของวัดที่มีชื่อเสียงในเมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา)
“โลหปาสาท” ในภาษาไทยใช้อิงสันสกฤตเป็น “โลหปราสาท”
ขยายความ :
ว่ากันว่า “โลหปราสาท” เท่าที่มีประวัติปรากฏอยู่ มีเพียง 3 แห่งในโลก คือ –
๑ โลหปราสาทหลังแรก สร้างขึ้นในสมัยพุทธกาลโดยนางวิสาขามหาอุบาสิกาเป็นผู้สร้าง เป็นปราสาท 2 ชั้น 1,000 ห้อง ยอดปราสาททำด้วยทองคำ
๒ โลหปราสาทหลังที่ 2 สร้างขึ้นในราวปีพุทธศักราช 382 พระเจ้าทุฏฐคามณีกษัตริย์แห่งกรุงอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกาเป็นผู้สร้าง เป็นปราสาท 9 ชั้น 1,000 ห้อง มีความกว้างและความสูงแต่ละด้าน 100 ศอก หลังคามุงด้วยแผ่นทองแดง ผนังเป็นไม้ประดับด้วยหินมีค่าและงาช้าง
๓ โลหปราสาทหลังที่ 3 อยู่ที่วัดราชนัดดาราม กรุงเทพฯ สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2394 สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
หมายเหตุ :
ในเอกสารที่พบ รวมทั้งที่ “โลหปราสาท” ที่วัดราชนัดดารามในกรุงเทพฯ สะกดคำนี้เป็น “โลหะปราสาท” คือมีสระ อะ (ภาษาวิชาการว่า ประวิสรรชนีย์) หลังคำว่า โลห–
“โลหปราสาท” เป็นคำสมาสระหว่าง “โลห” กับ “ปราสาท” (โลห + ปราสาท) ตามหลักภาษาห้ามประวิสรรชนีย์กลางคำ เช่น สาธารณ + สุข สะกด “สาธารณสุข” ไม่ใช่ “สาธารณะสุข”
ดังนั้น โลห + ปราสาท จึงต้องสะกดเป็น “โลหปราสาท” ไม่ใช่ “โลหะปราสาท”
คำเทียบที่คล้ายกันคือ โลห + กุมภี สะกดเป็น “โลหกุมภี” (ชื่อนรกขุมหนึ่ง) ไม่ใช่ “โลหะกุมภี”
คำว่า “โลหปราสาท” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
…………..
ดูก่อนภราดา!
เศรษฐีในโลกนี้ท่านว่ามี 2 จำพวก
– เศรษฐีโลหปราสาท : ขายสมบัติส่วนตัวเอาไปสร้างปราสาทถวายวัด
– เศรษฐีโลหกุมภี : รับซื้อสมบัติที่ขโมยจากวัดเอาไปจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัว
#บาลีวันละคำ (2,071)
12-2-61