บาลีวันละคำ

อนาคาริก (บาลีวันละคำ 1,939)

อารามิกชน

คนที่อยู่ก้นครัว

อ่านว่า อา-รา-มิก-กะ-ชน

แยกศัพท์เป็น อารามิก + ชน

(๑) “อารามิก

บาลีอ่านว่า อา-รา-มิ-กะ รูปศัพท์เดิมมาจาก อาราม + อิก ปัจจัย

(ก) “อาราม

บาลีอ่านว่า อา-รา-มะ รากศัพท์มาจาก อา (ทั่วไป, ยิ่ง) + รมฺ (ธาตุ = ยินดี) + ปัจจัย, ลบ , “ทีฆะต้นธาตุ” คือ อะ ที่ -(มฺ) เป็น อา (รมฺ > ราม)

: อา + รมฺ = อารมฺ + = อารมณ > อารม > อาราม แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่มายินดี

อาราม” ในภาษาบาลีมีความหมายดังนี้ –

(1) คำนาม : สถานที่อันน่ารื่นรมย์, สวน, อุทยาน (a pleasure-ground, park, garden)

(2) คำนาม : ความยินดี, ความชอบใจ, ความรื่นรมย์ (pleasure, fondness of, delight)

(3) คำคุณศัพท์ : ชอบใจ, เพลิดเพลิน, สบอารมณ์ (delighting in, enjoying, finding pleasure in)

นักบวชสมัยพุทธกาลพอใจที่จะพักอาศัยอยู่ตามป่าไม้ซึ่งปกติเป็นที่ร่มรื่น อันเป็นความหมายของ “อาราม” ดังนั้น คำว่า “อาราม” จึงหมายถึงสถานที่พักอาศัยของนักบวชด้วย

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

(1) อาราม ๑ : (คำนาม) วัด; สวนเป็นที่น่ารื่นรมย์. (ป., ส.).

(2) อาราม ๒ : (คำนาม) ความยินดี, ความรื่นรมย์, ความเพลิดเพลิน.

ในที่นี้ “อาราม” หมายถึง วัด

(ข) อาราม + อิก ปัจจัย

: อาราม + อิก = อารามิก (คุณศัพท์) แปลตามศัพท์ว่า “ตั้งอยู่ในอาราม” “ประกอบไว้ในอาราม” “อันมีอยู่แก่อาราม

อารามิก” ในบาลีมีความหมายดังนี้ –

(1) มีความสำราญ, ชอบ (finding delight in, fond of)

(2) เป็นของอาราม, ผู้เป็นอารามิกชน, ผู้รับใช้ของอาราม (belonging to an Ārāma, one who shares the congregation, an attendant of the Ārāma)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อารามิก : (คำนาม) เกี่ยวกับวัด, ชาววัด. (ป.).”

อาจจำไว้ง่ายๆ ว่า “อารามิก” –

ถ้าเป็นคน คือ “คนวัด”

ถ้าเป็นของ คือ “ของวัด”

(๒) “ชน

บาลีอ่านว่า ชะ-นะ รากศัพท์มาจาก ชนฺ (ธาตุ = เกิด) + ปัจจัย

: ชนฺ + = ชน แปลตามศัพท์ว่า –

(1) “ผู้ยังกุศลหรืออกุศลให้เกิดได้” เป็นคำแปลที่ตรงตามสัจธรรม เพราะธรรมดาของคน ดีก็ทำได้ ชั่วก็ทำได้

(2) “ผู้ยังตัวตนให้เกิดตามกรรม” หมายความว่า นอกจากทำกรรมได้แล้ว ยังทำ “ตัวตน” (คน) ให้เกิดได้อีก

ชน” หมายถึง บุคคล, สัตว์, คน (an individual, a creature, person, man)

อารามิก + ชน = อารามิกชน แปลว่า “คนผู้อยู่ในอาราม” “คนผู้ประกอบกิจในอาราม” “คนของอาราม” = คนวัด

…………..

อภิปราย :

อารามิกชน” ถ้าแปลตามศัพท์ว่า “คนผู้อยู่ในอาราม” ก็ควรหมายถึงนักบวช กล่าวเฉพาะในพระพุทธศาสนาก็หมายถึงพุทธบริษัทฝ่ายบรรพชิต คือ ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี

แต่เท่าที่พบในคัมภีร์ “อารามิก” หมายถึง คนที่อยู่ในวัด แต่มิได้เป็นบรรพชิต

ต้นเรื่องในคัมภีร์กล่าวไว้ว่า พระสาวกรูปหนึ่ง ชื่อพระปิลินทวัจฉะ เป็นชาวเมืองสาวัตถี ท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ คราวหนึ่งจาริกมาถึงเมืองราชคฤห์ พบเงื้อมเขาแห่งหนึ่ง ทำเลสสงบสงัดดี จึงช่วยกันกับภิกษุอื่นๆ จัดแจงปรับสถานที่สำหรับเป็นที่ปลีกวิเวก

พระเจ้าพิมพิสารราชาแห่งมคธรัฐทรงทราบ จึงตรัสสั่งให้จัดคนไปช่วยทำกิจนั้นโดยวิธียกหมู่บ้านแห่งหนึ่งให้เป็น “อารามิก” (คำว่า “อารามิก” พระไตรปิฎกภาษาไทยแปลว่า “คนทำการวัด”) คนในหมู่บ้านนั้นทั้งหมดมีฐานะเป็นคนทำงานให้วัด หมู่บ้านนั้นมีฐานะเป็นเอกเทศจากบ้านเมือง คือเป็นเหมือนสมบัติของวัด บ้านเมืองไม่เข้าไปใช้อำนาจ เช่นไม่เก็บภาษี ไม่เกณฑ์คนในหมู่บ้านไปสงครามเป็นต้น

ในเมืองไทยเราก็เคยมีธรรมเนียมยกหมู่บ้านถวายวัดแบบนี้ มีคำเรียกคนที่ทำงานรับใช้วัดว่า “ข้าพระ โยมสงฆ์”

อารามิกชน” ที่สังคมไทยสมัยหนึ่งรู้จักกันดีคือ เด็กวัด

สมัยนี้ “อารามิกชน” ควรจะหมายถึงข้าราชการและหน่วยงานที่มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์อันถูกต้องและชอบธรรมของคณะสงฆ์ ของวัด และของพระพุทธศาสนา เพื่อให้พระพุทธศาสนาเป็นกำลังของแผ่นดินในอันที่จะอำนวยประโยชน์และความสุขแก่มหาชนตลอดจนถึงชาวโลกทั้งมวลสืบไป

…………..

ดูก่อนภราดา!

ถ้าพระพุทธศาสนาเปรียบเหมือนบ้านหลังหนึ่ง

ท่านจะสำคัญความข้อนี้เป็นไฉน –

: คนนอก ทำลายได้แค่ประตูรั้ว

: คนที่อยู่ก้นครัว ทำลายได้ถึงรากเสาเรือน

#บาลีวันละคำ (1,939)

30-9-60

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย