บาลีวันละคำ

สุนิยม – ทุนิยม (บาลีวันละคำ 2,211)

สุนิยม – ทุนิยม

อ่านตรงตัวว่า สุ-นิ-ยม / ทุ-นิ-ยม

มีคำที่ควรรู้ 3 คำ คือ “สุ” “ทุ” และ “นิยม

(๑) “สุ

ในภาษาบาลีเป็นคำอุปสรรค ” นักเรียนบาลีในไทยท่องจำคำแปลได้ตั้งแต่ชั้นไวยากรณ์ว่า “สุ : ดี, งาม, ง่าย

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แสดงความหมายของ “สุ-” ไว้ว่า well, happily, thorough (ดี, อย่างมีสุข, ทั่วถึง)

(๒) “ทุ

เป็นคำอุปสรรคเช่นเดียวกับ “สุ” นักเรียนบาลีในไทยท่องจำคำแปลได้ตั้งแต่ชั้นไวยากรณ์ว่า “ทุ : ชั่ว, ยาก, ลําบาก, ทราม, น้อย

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แสดงความหมายของ “ทุ-” ไว้ว่า bad, wrong, perverseness, difficulty, badness (ชั่ว, ผิด, ยาก, ลําบาก, ทราม, การใช้ไปในทางที่ผิด, ความยุ่งยาก, ความเลว)

ทบทวนความรู้ :

คําอุปสรรค” หมายถึง คำสำหรับใช้เติมข้างหน้าคำนามหรือคำกริยาที่เป็นรูปคำบาลีหรือสันสกฤตให้มีความหมายแผกเพี้ยนไปจากเดิม หรือมีความหมายตรงข้ามกับความหมายเดิมเป็นต้น และถือเป็นคำเดียวกับคำนามหรือคำกริยานั้น เพราะตามปรกติจะไม่ใช้ตามลำพัง

(๓) “นิยม

บาลีอ่านว่า นิ-ยะ-มะ รากศัพท์มาจาก นิ (คำอุปสรรค = เข้า, ลง) + ยมุ (ธาตุ = สงบ, ระงับ) + ปัจจัย

: นิ + ยมฺ = นิยมฺ + = นิยม (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ข้อที่ต้องกำหนดด้วยเวลาเป็นต้น” (คือ เหตุผลที่จะนำมาใช้เป็นข้อกำหนดมีหลายอย่าง หนึ่งในหลายอย่างนั้นคือกาลเวลา)

นิยม” ในบาลีใช้ในความหมายว่า –

(1) การสำรวม, การบังคับยับยั้ง, การฝึกฝน, การควบคุมตนเอง (restraint, constraint, training, self-control)

(2) การกำหนดแน่, ความแน่นอน, การจำกัด (definiteness, certainty, limitation)

(3) กฎธรรมชาติ, กฎของจักรวาล (natural law, cosmic order)

ความหมายของ “นิยม” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

นิยม : (คำแบบ คือคำที่ใช้เฉพาะในหนังสือ ไม่ใช่คำพูดทั่วไป) (คำนาม) การกำหนด. (ป., ส.). (คำกริยา) ชมชอบ, ยอมรับนับถือ, ชื่นชมยินดี, ใช้ประกอบท้ายคำสมาสบางคำใช้เป็นชื่อลัทธิ เช่น ลัทธิชาตินิยม ลัทธิสังคมนิยม.”

สุ + นิยม = สุนิยม แปลตามศัพท์ว่า “กำหนดดี” หมายถึง กำหนดเห็นแต่ส่วนที่ดีงาม

ทุ + นิยม = ทุนิยม แปลตามศัพท์ว่า “กำหนดชั่ว” หมายถึง กำหนดเห็นแต่ส่วนที่เลวร้าย

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีคำว่า “ทุทรรศนนิยม” อีกคำหนึ่ง เก็บไว้คู่กับ “ทุนิยม” บอกไว้ดังนี้ –

ทุทรรศนนิยม, ทุนิยม : (คำนาม) ทฤษฎีที่ถือว่า โลก ชีวิตและมนุษย์ เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด; การมองโลกในแง่ร้าย. (อ. pessimism).”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ทุนิยม” ไว้ แต่ไม่ได้เก็บคำว่า “สุนิยม” ไว้ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะคำทั้ง 2 นี้เป็นคำคู่กัน ถ้าเก็บคำหนึ่งก็ควรเก็บอีกคำหนึ่งด้วย ถ้าไม่เก็บก็น่าจะไม่เก็บทั้งคู่

สุนิยม” เป็นศัพท์ทางปรัชญา บัญญัติขึ้นเทียบคำอังกฤษว่า optimism

ทุนิยม” เป็นศัพท์ทางปรัชญา บัญญัติขึ้นเทียบคำอังกฤษว่า pessimism

พจนานุกรม สอ เสถบุตร แปลคำอังกฤษชุดนี้เป็นไทยดังนี้ –

optimism : การมองในแง่ดี, ความเบิกบานใจ

optimist : ผู้ที่มองเหตุการณ์ไปในทางดี

pessimism : มองดูในแง่ร้าย

pessimist : คนมองดูสิ่งต่างๆ ในแง่ร้าย

พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปลคำอังกฤษชุดนี้เป็นบาลีดังนี้ –

optimism : sabbasubhavāda สพฺพสุภวาท (สับ-พะ-สุ-พะ-วา-ทะ) = หลักนิยมที่เห็นแต่เรื่องดีงามในสรรพสิ่ง

optimist : sabbasubhavādī สพฺพสุภวาที (สับ-พะ-สุ-พะ-วา-ที) = ผู้นับถือหลักนิยมที่เห็นแต่เรื่องดีงามในสรรพสิ่ง

pessimism : sabbāsubhavāda สพฺพาสุภวาท (สับ-พา-สุ-พะ-วา-ทะ) = หลักนิยมที่เห็นแต่เรื่องเลวร้ายในสรรพสิ่ง

pessimist : sabbāsubhavādī สพฺพาสุภวาที (สับ-พา-สุ-พะ-วา-ที) = ผู้นับถือหลักนิยมที่เห็นแต่เรื่องเลวร้ายในสรรพสิ่ง

อภิปราย :

สุนิยม” น่าจะตรงกับคำที่นิยมเรียกกันในเวลานี้ว่า “โลกสวย” ถ้าเป็นคนก็เรียกว่าพวกโลกสวย มองเห็นแต่ส่วนดี ไม่สนใจส่วนเสีย หรือบางทีก็ไม่เชื่อว่าจะมีส่วนเสียด้วยซ้ำไป

พวกสุนิยมมีเหตุผลว่า ชีวิตนี้ไม่ยาวนาน ไม่ควรเสียเวลาไปกับเรื่องเลวร้าย ควรเลือกรับเลือกเสพแต่สิ่งที่ดีงามดีกว่า เป็นกำไรชีวิต

ส่วน “ทุนิยม” ผู้เขียนบาลีวันละคำยังไม่ได้เห็นคำที่ใช้เรียกกันชัดเจน ถ้าจะใช้คำที่ล้อเสียงกัน ก็น่าจะเรียกว่า “โลกเสื่อม” เป็นพวกที่เห็นตรงกันข้าม

พวกทุนิยมก็มีเหตุผลว่า โลกไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด จึงไม่ควรหลงเพลิดเพลินไปกับสิ่งลวงตา ควรคิดป้องกันและขจัดปัญหาเพื่อชีวิตที่ไม่ยาวนานนี้จะได้อยู่อย่างสงบสุขหมดทุกข์ภัย

…………..

มักมีผู้เข้าใจว่าพระพุทธศาสนาเป็นพวกทุนิยม เพราะสอนแต่เรื่องทุกข์ ผู้รู้ท่านว่าพระพุทธศาสนาไม่เป็นทั้ง “ทุนิยม” ไม่เป็นทั้ง “สุนิยม” แต่พระพุทธศาสนาเป็น “สัจนิยม” (สัด-จะ-นิ-ยม) คือมองโลกตามความเป็นจริง สอนให้เห็นความเป็นจริงของโลก อยู่กับโลก แต่จิตใจเป็นอิสระเหนือกระแสโลก

…………..

ดูก่อนภราดา!

: มองโลกสวย ก็ไม่เห็นภัย

: มองโลกจังไร ก็ไม่เห็นความเพริศพริ้ง

: มองโลกตามความเป็นจริง จึงจะรู้ว่าเห็นอะไร

#บาลีวันละคำ (2,211)

2-7-61

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย