บังสุกุลจีวร – หนึ่งในจตุปัจจัย (บาลีวันละคำ 2,261)
บังสุกุลจีวร – หนึ่งในจตุปัจจัย
อ่านว่า บัง-สุ-กุน-ละ-จี-วอน
ประกอบด้วยคำว่า บังสุกุล + จีวร
(๑) “บังสุกุล”
ศัพท์เดิมในบาลีเป็น “ปํสุกูล” อ่านว่า ปัง-สุ-กู-ละ ประกอบด้วยคำว่า ปํสุ + กูล
(ก) “ปํสุ” (ปัง-สุ) รากศัพท์มาจาก ปํสฺ (ธาตุ = พินาศ, เสียหาย) + อุ ปัจจัย
: ปํสฺ + อุ = ปํสุ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ยังของสวยงามให้เสีย” หมายถึง ฝุ่น, ขยะ, สิ่งสกปรก, ดินร่วน (dust, dirt, soil)
(ข) ปํสุ + กุ (ตัดมาจากศัพท์ว่า “กุจฺฉิต” = น่าเกลียด) + อุลฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + อ ปัจจัย, “ลบสระหน้า ทีฆะสระหลัง” คือลบ อุ ที่ กุ (กุ > ก) และทีฆะ อุ ที่ อุ-(ลฺ) เป็น อู (อุลฺ > อูล)
: ปํสุ + กุ = ปํสุกุ > ปํสุก + อุลฺ + อ = ปํสุกุล > ปํสุกูล แปลตามศัพท์ว่า “ผ้าที่ถึงภาวะที่น่าเกลียดเหมือนฝุ่นละออง” หมายถึง ผ้าเปื้อนฝุ่น, ผ้าจากกองขยะ (rags from a dust heap)
“ปํสุกูล” ในภาษาไทยใช้เป็น “บังสุกุล”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“บังสุกุล : (คำนาม) เรียกผ้าที่พระภิกษุชักจากศพ หรือที่ทอดไว้หน้าศพ หรือที่ทอดบนด้ายสายสิญจน์หรือผ้าโยงที่ต่อจากศพด้วยการปลงกรรมฐาน ว่า ผ้าบังสุกุล, เรียกกิริยาที่พระภิกษุชักผ้าเช่นนั้น ว่า ชักบังสุกุล. (ป. ปํสุกูล ว่า ฝั่งแห่งฝุ่น, กองฝุ่น, คลุกฝุ่น; ส. ปำสุกูล).”
(๒) “จีวร”
บาลีอ่านว่า จี-วะ-ระ รากศัพท์มาจาก จิ (ธาตุ = ก่อ, สะสม) + อีวร ปัจจัย, “ลบสระหน้า” คือ อิ ที่ จิ (จิ > จ)
: จิ > จ + อีวร = จีวร แปลตามศัพท์ว่า “ผ้าอันท่านก่อขึ้นจากท่อนผ้า” หมายความว่า “ผ้าที่เย็บต่อกันเป็นชิ้นๆ”
จีวรพระจึงไม่ใช่เนื้อเดียวกันทั้งผืน แต่เป็นผ้าที่เป็นชิ้นๆ เอามาเย็บต่อกันเป็นผืน
ภาษาบาลี “จีวร” หมายถึงผ้าทุกผืนที่พระใช้นุ่งห่ม (the yellow robe of a Buddhist monk or novice)
ในภาษาบาลี “จีวร” หมายถึงผ้าทุกผืนที่พระใช้นุ่งห่ม แต่เรียกแยกออกไปแต่ละชนิด กล่าวคือ –
(1) ผ้านุ่ง เรียก “อันตรวาสก” (อัน-ตะ-ระ-วา-สก) คือที่เราเรียกกันว่า “สบง”
(2) ผ้าห่ม เรียก “อุตตราสงค์” (อุด-ตะ-รา-สง) นี่คือที่เราเรียกกันว่า “จีวร”
(3) ผ้าห่มซ้อน (ผ้าห่มผืนที่สอง) เรียกว่า “สังฆาฏิ” (สัง-คา-ติ)
รวมผ้าทั้ง 3 ผืนเข้าด้วยกันเรียกว่า “ไตรจีวร”
ปํสุกูล + จีวร = ปํสุกูลจีวร แปลว่า “จีวรที่สำเร็จด้วยผ้าเปื้อนฝุ่น”
“ปํสุกูลจีวร” ในภาษาไทยใช้เป็น “บังสุกุลจีวร”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ดังนี้ –
“บังสุกุลจีวร : ผ้าที่เกลือกกลั้วด้วยฝุ่น, ผ้าที่ได้มาจาก กองฝุ่น กองหยากเยื่อซึ่งเขาทิ้งแล้ว ตลอดถึงผ้าห่อคลุมศพที่เขาทิ้งไว้ในป่าช้า ไม่ใช่ผ้าที่ชาวบ้านถวาย, ปัจจุบันมักหมายถึงผ้าที่พระชักจากศพโดยตรงก็ตาม จากสายโยงศพก็ตาม.”
อภิปราย :
“บังสุกุลจีวร” เป็นหนึ่งในปัจจัยเครื่องอาศัย 4 อย่างของบรรพชิตในพระพุทธศาสนา คือ (1) บิณฑิยาโลปโภชนะ (อาหาร) (2) บังสุกุลจีวร (เครื่องนุ่งห่ม) (3) รุกขมูลเสนาสนะ (ที่อยู่อาศัย) (4) ปูติมุตเภสัช (ยารักษาโรค)
ในคำบอกอนุศาสน์ คือเรื่องที่พระอุปัชฌาย์ต้องชี้แจงเสมือนปฐมนิเทศพระบวชใหม่ในทันที่บวชเสร็จ ท่านแสดงหลักไว้ว่า “ปํสุกูลจีวรํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา” ถอดความว่า “ชีวิตนักบวชในพระพุทธศาสนาอาศัยผ้าบังสุกุลเป็นเครื่องนุ่งห่ม” แต่ก็ผ่อนผันให้ใช้ผ้าที่ได้มาโดยวิธีอื่นๆ ได้บ้าง
บรรพชิตในพระพุทธศาสนาเมื่อจะใช้สอยเครื่องนุ่งห่ม ท่านสอนให้พิจารณาก่อนดังนี้ –
…………..
ปะฏิสังขา โยนิโส จีวะรัง ปะฏิเสวามิ = เราย่อมพิจารณาโดยแยบคายแล้วนุ่งห่มจีวร
ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ = เพียงเพื่อบำบัดความหนาว
อุณ๎หัสสะ ปะฏิฆาตายะ = เพื่อบำบัดความร้อน
ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ = เพื่อบำบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เสือกคลานทั้งหลาย
ยาวะเทวะ หิริโกปินะปะฏิจฉาทะนัตถัง. = และเพียงเพื่อปกปิดอวัยวะอันให้เกิดความละอาย
…………..
การพิจารณาก่อนใช้สอยปัจจัยเช่นนี้เป็นเครื่องแสดงถึงการดำรงชีพตามวิถีชีวิตของสงฆ์
…………..
บาลีวันละคำชุด:-
: ช่วยกันสืบทอดพระศาสนา
: ช่วยกันรู้ภาษาพระธรรมวินัย
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ตั้งใจทำดี แต่มีบกพร่อง ยังต้องนับว่าฉลาด
: เหมือนนุ่งผ้าขาดยังดีกว่าไม่มีผ้าจะนุ่ง
#บาลีวันละคำ (2,261)
21-8-61