คัณฑิฆระ – หอระฆัง (บาลีวันละคำ 2,269)
คัณฑิฆระ – หอระฆัง
หนึ่งใน “ห้าหอ” ที่วัดต้องมี
อ่านว่า คัน-ทิ-คะ-ระ
ประกอบด้วยคำว่า คัณฑิ + ฆระ
(๑) “คัณฑิ”
บาลีเป็น “คณฺฑิ” (คัน-ดิ) รากศัพท์มาจาก ฆฑิ (ธาตุ = กระทบ, ตี) + อิ ปัจจัย, แปลง ฆ ต้นธาตุเป็น ค, ลงนิคหิตอาคมแล้วแปลงนิคหิตเป็น ณฺ (ฆฑิ > คฑิ > คํฑิ > คณฺฑิ), ลบสระหน้า คือ ฆฑิ เป็น ฆฑ
: ฆฑิ > คฑิ > คํฑิ > คณฺฑิ > คณฺฑ + อิ = คณฺฑิ (อิตถีลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันเขาตี” หมายถึง ระฆัง (a bell); ฆ้อง (a gong)
(๒) “ฆระ”
บาลีเป็น “ฆร” อ่านว่า คะ-ระ รากศัพท์มาจาก –
(1) ฆรฺ (ธาตุ = หลั่งไป) + อ ปัจจัย
: ฆรฺ + อ = ฆร แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่หลั่งออกแห่งฝนคือกิเลส” (คือเป็นสถานที่มนุษย์เสพสังวาสกัน)
(2) คหฺ (ธาตุ = ถือเอา) + อ ปัจจัย, แปลง คห เป็น ฆร
: คหฺ + อ = คห > ฆร แปลตามศัพท์ว่า “สถานที่อันเขาถือครอง”
“ฆร” (นปุงสกลิงค์) โดยตรงหมายถึง บ้าน (a house) แต่เมื่อนำไปต่อท้ายคำอื่นทำให้มีความหมายถึงสถานที่หรือของที่ทำขึ้นเพื่อใช้การเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ เช่น –
“ชนฺตาฆร” (ชัน-ตา-คะ-ระ) หมายถึง ห้องร้อนสำหรับอบตัว, เรือนไฟ (a hot room for bathing purposes, a sitzbath)
“สูจิฆร” (สู-จิ-คะ-ระ) หมายถึง กล่องใส่เข็ม (a needle case)
คณฺฑิ + ฆร = คณฺฑิฆร (คัน-ทิ-คะ-ระ) แปลตามศัพท์ว่าว่า “เรือนแห่งระฆัง” หมายถึง อาคารขนาดเล็กที่สร้างไว้สำหรับแขวนระฆัง คือ “หอระฆัง” (belfry, bell tower)
“คณฺฑิฆร” ในภาษาไทยใช้เป็น “คัณฑิฆระ”
ขยายความ :
เมื่อมีการสร้างอารามถวายเป็นของสงฆ์แพร่หลายขึ้นแล้ว อารามก็มีสภาพเหมือนเป็นที่ชุมนุมพบปะกันของประชาชนหรือเป็นศูนย์กลางของชุมชน นอกจากเป็นที่บำเพ็ญกุศลในโอกาสต่างๆ แล้วยังเป็นที่บอกกล่าวข่าวสารของชุมชนอีกด้วย จึงเกิดความคิดให้มีเครื่องมือส่งสัญญาณบอกข่าวขึ้นไว้ในอาราม ทางบ้านเมืองนิยมใช้ “กลอง” เป็นสัญญาณบอกข่าว ทางอารามจึงคิดใช้ “ระฆัง” เป็นสัญญาณบอกข่าว
“หอระฆัง” จึงเป็นส่วนหนึ่งที่นิยมสร้างขึ้นไว้ในอาราม สำหรับตีเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีกิจที่ควรทำหรือควรรับรู้เกิดขึ้นในอาราม
ต่อมา เมื่อภิกษุสงฆ์ประชุมกันทำกิจของสงฆ์อันเป็นกิจวัตรประจำวัน ชาววัดประสงค์จะให้ชาวบ้านรับรู้เพื่ออนุโมทนาก็ดี หรือมีกิจสำคัญเป็นพิเศษ ประสงค์จะให้ชาวบ้านรับรู้เพื่อมาร่วมด้วยช่วยกันทำก็ดี จึงตีระฆังเป็นสัญญาณ และกลายเป็นธรรมเนียมที่เมื่อสงฆ์ทำกิจวัตรประจำวันเช่นไหว้พระสวดมนต์เป็นต้น จะต้องตีระฆังเป็นสัญญาณให้ชาวบ้านรับรู้และอนุโมทนาสืบมาจนทุกวันนี้
การสร้าง “หอระฆัง” ขึ้นในวัดจึงได้กลายเป็นแบบแผนในการสร้างวัดสืบมาจนถึงปัจจุบัน
และ “หอระฆัง” จึงเป็น “หอ” ที่สำคัญในบรรดา “ห้าหอ” ที่วัดต่างๆ อันสร้างถูกต้องตามแบบแผนจะต้องมี กล่าวคือ
(1) หอฉัน
(2) หอสวดมนต์
(3) หอระฆัง
(4) หอกลอง
(5) หอไตร
คำว่า “หอระฆัง” ไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
หมายเหตุ: คำว่า “คัณฑิฆระ” เป็นคำที่ได้มาจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ไทย-อังกฤษ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ซึ่งแปล “หอระฆัง” เป็นอังกฤษว่า belfry; bell tower และบอกคำบาลีว่า Gaṇḍighara
…………..
บาลีวันละคำชุด:-
: ช่วยกันสืบทอดพระศาสนา
: ช่วยกันรู้ภาษาพระธรรมวินัย
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้าไม่มีสัญญาณระฆังดังมาจากวัด
: นั่นคือสัญญาณวิบัติแห่งวิถีชีวิตสงฆ์ไทย
#บาลีวันละคำ (2,269)
29-8-61