มานุษยวิทยา (บาลีวันละคำ 2,707)
มานุษยวิทยา
ทำไมไม่เป็น “มนุษยวิทยา”
พจนานุกรมฯ บอกว่า
อ่านว่า มา-นุด-สะ-ยะ-วิด-ทะ-ยา ก็ได้
อ่านว่า มา-นุด-วิด-ทะ-ยา ก็ได้
ผู้เขียนบาลีวันละคำบอกว่า
จงอ่านว่า มา-นุด-สะ-ยะ-วิด-ทะ-ยา เท่านั้น
อย่าอ่านว่า มา-นุด-วิด-ทะ-ยา เพราะเป็นการอ่านแบบ “รักง่าย”
ประกอบด้วยคำว่า มานุษย + วิทยา
(๑) “มานุษย”
เป็นรูปคำสันสกฤต คำเดิมคือ “มนุษย” บาลีเป็น “มนุสฺส” (มะ-นุด-สะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) มน (ใจ) + อุสฺส (สูง) = มนุสฺส แปลว่า “ผู้มีใจสูง”
(2) มนฺ (ธาตุ = รู้) + อุสฺส ปัจจัย = มนุสฺส แปลว่า “ผู้รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์”
(3) มนุ (มนู = มนุษย์คนแรก) + อุสฺส (แทนศัพท์ อปจฺจ = เหล่ากอ หรือ ปุตฺต = ลูก) = มนุสฺส แปลว่า “ผู้เป็นเหล่ากอของมนู” หรือ “ผู้เป็นลูกของมนู”
“มนุสฺส” (ปุงลิงค์) หมายถึง มนุษย์, คน (a human being, man)
บาลี “มนุสฺส” สันสกฤตเป็น “มนุษฺย”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“มนุษฺย : (คำนาม) มนุษย์, มนุษยชาติ; man, mankind.”
ไทยเขียนอิงสันสกฤตเป็น “มนุษย์” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“มนุษย-, มนุษย์ : (คำนาม) สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล, สัตว์ที่มีจิตใจสูง, คน. (ส.; ป. มนุสฺส).”
“มนุสฺส” หรือ “มนุษฺย” นั่นเองนำไปเข้ากระบวนการทางไวยากรณ์เพื่อเปลี่ยนความหมายให้หมายถึง “เกี่ยวกับมนุษย์” จึงกลายรูปเป็น “มานุษฺย”
หลักการนี้นักเรียนบาลีรู้จักในคำพูดว่า “ทีฆะต้นธาตุ” หรือ “ทีฆะต้นศัพท์” ที่พบบ่อยคือ อะ เป็น อา โดยมากเกิดจาก “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ณ” (เคยกล่าวถึงบ่อยๆ ในบาลีวันละคำ)
อย่างในที่นี้ “ทีฆะต้นศัพท์” คือ อะ ที่ ม– เป็น อา จาก “มนุษฺย” จึงเป็น “มานุษฺย”
คำเทียบอื่นๆ ก็อย่างเช่น :
– จร (เที่ยวไป) = จาร (ผู้เที่ยวไป, ผู้สอดแนม)
– ชนปท (ชนบท) = ชานปท (ชาวชนบท)
– นคร (เมือง) = นาคร (ชาวเมือง)
– สกล (ทั้งสิ้น) = สากล (ทั่วไป)
– สกฺก (กษัตริย์วงศ์สักกะ) = สากฺย (เชื้อสายกษัตริย์วงศ์สักกะ)
แต่ในบาลี “มนุสฺส” ไม่ได้เปลี่ยนรูปเป็น “มานุสฺส” หากแต่เปลี่ยนเป็น “มานุส” (มา-นุ-สะ, ส ตัวเดียว) หรือ “มานุสฺสิก” (มา-นุด-สิ-กะ, ส 2 ตัว แต่ลง อิก ปัจจัย) ซึ่งไม่ได้นำมาใช้ในภาษาไทย
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“มานุษ, มานุษย– : (คำนาม) คน, เพศคน. (คำวิเศษณ์) เกี่ยวกับคน, ของคน. (ส.).”
แทรก หลักความรู้ง่ายๆ :
ถ้าใครถามว่า “มนุษย์” (มะ- ) กับ “มานุษย์” (มา- ) ความหมายต่างกันตรงไหน ก็ตอบไปว่า –
“มนุษย์” หมายถึงตัวมนุษย์ตรงๆ
“มานุษย์” หมายถึงสิ่งที่เกี่ยวกับมนุษย์
(๒) “วิทยา”
บาลีเป็น “วิชฺชา” รากศัพท์มาจาก วิทฺ (ธาตุ = รู้) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณฺ, แปลง ทฺย (คือ (วิ)-ทฺ + (ณฺ)-ย) เป็น ชฺช + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: วิทฺ + ณฺย = วิทฺณย > วิทฺย > วิชฺช + อา = วิชฺชา แปลตามศัพท์ว่า “ธรรมชาติที่รู้” หรือ “ตัวรู้” หมายถึง ความรู้, ปัญญาหยั่งรู้ (knowledge; transcendental wisdom)
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “วิชฺชา” ว่า science, study, higher knowledge (วิทยาศาสตร์, การศึกษา, ความรู้ชั้นสูง)
บาลี “วิชฺชา” สันสกฤตเป็น “วิทฺยา”
โปรดสังเกตว่า ในขั้นตอนการกลายรูปของบาลี เป็น “วิทฺย” ก่อนแล้วจึงเป็น “วิชฺช”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“วิทฺยา : (คำนาม) วิทยา, พุทธิ; ศึกษา; ศาสตร์; พระทุรคาเทวี; ต้นไม้; มายาคุฏิกา; ยาเม็ดวิเศษหรือลูกอมอันสำเร็จด้วยเวทมนตร์ ใส่ปากบุทคลเข้าไปอาจจะบันดาลให้บุทคลขึ้นสวรรค์หรือเหาะได้; knowledge; learning; science; the goddess Durgā; a tree; a magical pill, by putting which in to the mouth a person has the power of ascending to heaven or traversing the air.”
อย่างไรก็ตาม ในคัมภีร์บาลี คำว่า “วิชฺชา” มักใช้ในความหมายเฉพาะ คือหมายถึงญาณปัญญาที่บรรลุได้ด้วยการฝึกจิต
“วิชฺชา” ถ้าคงรูปบาลี ในภาษาไทยใช้ว่า “วิชา” (ตัด ช ออกตัวหนึ่ง)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“วิชา : (คำนาม) ความรู้, ความรู้ที่ได้ด้วยการเล่าเรียนหรือฝึกฝน, เช่น วิชาภาษาไทย วิชาช่าง วิชาการฝีมือ. (ป. วิชฺชา; ส. วิทฺยา).”
“วิชา” ตามความหมายในภาษาไทย ตรงกับคำว่า “สิปฺป” (สิบ-ปะ) ที่เราเอามาใช้ว่า “ศิลปะ”
“สิปฺป” ในบาลีหมายถึง ความสามารถที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นผลสำเร็จได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ทำได้ทำเป็นไม่ว่าจะในเรื่องอะไร นั่นแหละคือ “สิปฺป–ศิลปะ” หรือ “วิชา” ตามที่เข้าใจกันในภาษาไทย
“วิทยา” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“วิทยา : (คำนาม) ความรู้, มักใช้ประกอบกับคําอื่น เช่น วิทยากร วิทยาคาร จิตวิทยา สังคมวิทยา. (ส.).”
มานุษย + วิทยา = มานุษยวิทยา
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“มานุษยวิทยา : (คำนาม) วิชาว่าด้วยเรื่องตัวคน และสิ่งที่คนสร้างขึ้น. (อ. anthropology).”
“มานุษยวิทยา” เป็นศัพท์บัญญัติเทียบคำอังกฤษว่า anthropology
พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล anthropology เป็นบาลีว่า:
māṇavavijjā มาณววิชฺชา (มา-นะ-วะ-วิด-ชา) = วิชาว่าด้วยคน
…………..
เพื่อให้รู้จักความหมายกว้างๆ ของคำว่า “มานุษยวิทยา” (เมื่อใครพูดถึง “มานุษยวิทยา” ก็พอรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร) ขอยกข้อความส่วนหนึ่งจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ที่คำว่า “มานุษยวิทยา” มาเสนอไว้ในที่นี้เป็นข้อมูลเบื้องต้น ดังนี้ (ไม่พึงเชื่อตามนี้ไปหมดทุกคำ)
…………..
ลักษณะงานของนักมานุษยวิทยา
ศึกษากำเนิดและวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ กลุ่มวัฒนธรรม รวมถึงสังคมมนุษย์ ในขั้นพัฒนาการของสังคมด้านต่าง ๆ เช่น โครงสร้างทางสังคม ระบบความเชื่อ องค์กรและสถาบันทางการเมือง ประเพณีและพิธีกรรม วัฒนธรรม ความเชื่อ อุดมการณ์ จารีตประเพณี และกฎหมาย บนรากฐานทางเศรษฐกิจ ทั้งที่สอดคล้องต้องกัน และขัดแย้งกัน ทั้งที่ตกผลึกแล้ว หรืออยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน “นักมานุษยวิทยากายภาพ” ศึกษาความเปลี่ยนแปลงด้านรูปลักษณ์และรูปร่างของมนุษย์และความเป็นมาของวัฒนธรรมและสังคมที่เกี่ยวข้อง : จัดประเภทเผ่าพันธุ์และพัฒนาการทางเผ่าพันธุ์มนุษย์ โดยศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่มาต่างๆ เช่น บันทึกทางประวัติศาสตร์ โบราณสถานและโบราณวัตถุ ชาติพันธุ์วรรณนา และประสบการณ์ทางวิชาการต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการเปรียบเทียบลักษณะรูปร่างของมนุษย์ในสมัยดึกดำบรรพ์ที่ยังคงมีซากเหลืออยู่กับกลุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์ในปัจจุบัน อาจเชี่ยวชาญในการศึกษาวัฒนธรรมของมนุษยชาติในสมัยดึกดำบรรพ์และวัฒนธรรมของมนุษย์ในสมัยที่เจริญแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสังคมที่สืบเนื่องมาแต่โบราณกาล รวมทั้งการสังเกตเกี่ยวกับความเป็นมาของวัฒนธรรม เช่น พิธีการทางศาสนา วรรณคดี งานฝีมือ และความเป็นมาของสังคม อาจเชี่ยวชาญในเรื่องรูปร่างของมนุษยชาติ มนุษย์สมัยดึกดำบรรพ์ ชีววิทยาของประชากรมนุษย์ และการสืบพันธุ์ อาจเชี่ยวชาญทางด้านภาษาของมนุษยชาติตามสาขาวัฒนธรรมที่สำคัญๆ อาจเชี่ยวชาญทางโบราณคดีที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของมนุษยชาติเฉพาะเรื่องที่สำคัญ
ที่มา: มานุษยวิทยา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (อ่านเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2562 เวลา 20:30)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เรียนมานุษยวิทยาจบสากล
: แต่ไม่รู้เรื่องของตน-ก็โง่ตาย
#บาลีวันละคำ (2,707)
10-11-62