บาลีวันละคำ

คำบาลีที่เอามาพูดเป็นไทย (บาลีวันละคำ 2,720)

คำบาลีที่เอามาพูดเป็นไทย

มีคำบาลีบางคำที่คนไทยจับเอาเสียงมาพูดเป็นคำไทย มีความหมายธรรมดาๆ ก็มี เป็นคำล้อเลียนหรือตลกคะนองก็มี ขอนำมาเสนอพอเป็นภาษานุสติ เช่น –

(๑) “ญาติโกโหติกา

คนไทยเอาคำว่า “ญาติ” ตั้งเป็นคำหลัก แล้วขยายพยางค์ให้ยาวออกไป (ลักษณะเดียวกับคำสร้อยสี่พยางค์) เอาคำบาลีที่คุ้นปาก คือ “โหติ” มาเสริม เอาเสียง “โก” และ “กา” เป็นคำประกอบ เป็น “ญาติ” (โก) “โหติ” (กา)

คำนี้มักใช้ในคำปฏิเสธ เช่น “เขาไม่ได้เป็นญาติโกโหติกาอะไรกับเราสักหน่อย

(๒) “พุทฺโธ” > พุทโธ่

เป็นคำติดปากคนไทย บางทีพูดเป็นชุด “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” ไทยเราเอามาพูดเป็น “พุทโธ่” พจนานุกรมฯ บอกความหมายว่า “คําที่เปล่งออกมาด้วยความสงสารหรือรําคาญใจเป็นต้น

(๓) “อยมฺภทนฺตา” (อะ-ยำ-พะ-ทัน-ตา)

ตามศัพท์แปลว่า “ดูก่อนท่านผู้เจริญ กาลบัดนี้ (เป็นเวลาฟังธรรม)

คนไทยจับเอาเสียง “ทัน-ตา” มาให้ความหมายแบบไทย เช่น “ความระยำน่ะทำเข้าไปเถอะ เดี๋ยวก็อะยำมะทันตา” หมายความว่า ทำชั่วก็จะได้ชั่วเห็นผลทันตา

(๔) “สุนกฺขตฺตํ” (สุ-นัก-ขัด-ตัง)

ตามศัพท์แปลว่า “ฤกษ์ดี” เป็นคำหนึ่งในชัยมงคลคาถา (ชะยันโต) มีคนจับเอาเสียง “สุ-นัก” มาแปลตามความเข้าใจเอาเองว่า – ให้ทานแก่สุนัขเวลาไหน ก็เป็นฤกษ์ดีเวลานั้น!

(๕) “พาหุง” > หุงไม่สุก

พาหุง” เขียนแบบบาลีเป็น “พาหุํ” ( หีบ มีสระ อุ อยู่ล่าง นิคหิตอยู่บน) ตามศัพท์แปลว่า “แขน” เป็นคำขึ้นต้นในบทพุทธชัยมงคลคาถา หรือที่มีชื่อโดยเฉพาะว่า “ชยมังคลัฏฐกคาถา” ซึ่งมักเรียกกันเป็นสามัญว่า “คาถาพาหุง” และเรียกสั้นๆ ว่า “พาหุง

วัดต่างๆ มีการทำบุญวันพระ พระลงศาลาสวดถวายพรพระ คือพาหุง-มหาการุณิโก พระรูปไหนบวชมานานพอสมควรแล้วยังท่องบทพาหุงไม่ได้ ได้แต่นั่งทำปากขมุบขมิบ จะถูกเพื่อนพระด้วยกันล้อด้วยคำว่า “คุณนี่ยังหุงไม่สุก” แปลว่า สวดบทพาหุงไม่ได้

(๖) “ตณฺหา” (ตัน-หา)

แปลว่า “ความอยาก” เป็นกิเลสตัวสำคัญ มีคนไทยช่างคิด เอาเสียง ตัน-หา ไปแปลว่า “หาแล้วตัน” หมายถึงหาไม่เจอ คือหาไปหามาไปเจอทางตันเข้า เลยหาไม่เจอ แล้วลากเข้าธรรมะว่า สิ่งที่เราอยากได้ใคร่ดีนั้นหาไม่ได้หรอก หาได้เท่านี้ก็อยากได้เท่าโน้นต่อไปอีก หาได้เท่าไรก็ไม่พอ

(๗) “สุราเมรย” > ดื่มเป็นระยะๆ

สุราเมรย” (สุ-รา-เม-ระ-ยะ) แปลว่า “สุราและเมรัย” (สุรา = เครื่องดื่มที่กลั่นแล้ว เมรย = เครื่องดื่มที่ยังไม่ได้กลั่น) “เมรย” บาลีอ่านว่า เม-ระ-ยะ คนไทยจับเอาเสียง “ระ-ยะ” มาล้อเป็น “ระยะ” คำไทย (ระยะๆ = เป็นช่วง ๆ, เป็นตอน ๆ)

สุราเมรย” เป็นคำขึ้นต้นศีลข้อ 5 งดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย ถูกเอาไปล้อเลียนว่า “ดื่มเป็นระยะๆ

(๘) “ปาณาติปาตา

แปลว่า “(งดเว้น) จากการยังชีวิตให้ตกล่วง” รู้กันในความหมายว่า “ไม่ฆ่าสัตว์” คนไทยเอาเสียง “ปา-นา” มาล้อเป็น “ปลานา” จับปลานาบาป จับปลานอกนาไม่บาป บางทีก็ล้อว่า “ปาณาห้ามฆ่าสัตว์ ปลาตัวโตถนัดไม่เป็นไร

(๙) “กุสลา ธมฺมา” (กุ-สะ-ลา ทำ-มา)

เป็นคำขึ้นต้นบทแรกในพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์และบทมาติกา แปลว่า “ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล” คนไทยเอามาล้อว่า “กุสะลา ธัมมา ยายกะตาทำนา” เอาคำว่า “ธมฺมา” มาล้อเป็น “ทำนา” เป็นการล้อเลียนอย่างคะนองปาก ไม่มีสาระใดๆ

(๑๐) “สีเลน สุคตึ ยนฺติ” (สี เล-นะ สุ-คะ-ติง ยัน-ติ)

เป็นคำสรุปอานิสงส์ศีล แปลว่า “บุคคลย่อมถึงสุคติได้ด้วยศีล” คือไปเกิดในภพภูมิที่ดีก็เพราะรักษาศีล

สมัยที่ผู้เขียนบาลีวันละคำเป็นสามเณร หลวงลุงที่เป็นผู้ปกครองเล่าให้ฟังว่า มีพระรูปหนึ่งนิสัยชอบสนุก ชอบเอาคำบาลีมาพูดล้อเล่น พระรูปนี้เอาคำสรุปศีลวรรคที่ว่า “สีเลนะ สุคะติง ยันติ” มาพูดล้อเป็น “สีเลนะ สุคะติง เท่งติง” (เท่งติงล้อเสียงตะโพน) และชอบพูดติดปาก

ถึงวันพระวันหนึ่ง เป็นเวรที่พระรูปนี้ต้องเทศน์บนศาลาทำบุญ พอให้ศีลจบข้อสุราเมระยะ… ก็ว่าบทสรุปศีล เพราะความที่ชอบพูดติดปาก จึงว่าคำสรุปศีลเป็น “สีเลนะ สุคะติง เท่งติง” พลั้งปากออกไปแล้วก็สะดุ้ง รู้ตัวว่าทำผิด แต่สติหายไปหมด นิ่งอั้นอยู่แค่นั้น ว่าต่อไปไม่ได้ จนโยมอุบาสกคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “สีเลนะ สุคะติง ยันติ” นั่นแหละจึงได้สติ ว่า สีเลนะ โภคะสัมปะทา …. ต่อไปได้

ตั้งแต่นั้นมา พระรูปนั้นก็เลิกเอาคำบาลีมาพูดล้อเลียนเด็ดขาด ได้ยินใครเอามาล้อก็จะห้ามปรามไม่ให้ทำ แล้วเล่าถึงความผิดพลาดของตัวเองเป็นอุทาหรณ์เตือนสติ

…………..

ดูก่อนภราดา!

ความเลว ความทุกข์ —

: รู้ทันมัน

: แต่อย่าเป็นกับมัน

#บาลีวันละคำ (2,720)

23-11-62

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย