อะมิตาพะพุด ไม่ใช่ อะมิดตะพุด (บาลีวันละคำ 2,807)
อะมิตาพะพุด ไม่ใช่ อะมิดตะพุด
เวลานี้คนไทยออกเสียงเรียกพระนามพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่งผิดเพี้ยนเป็นอันมาก
พระนามที่ถูกต้อง ออกเสียงว่า อะ-มิ-ตา-พะ-พุด
แต่คนส่วนมากเรียกเป็น อะ-มิด-ตะ-พุด
อะมิตาพะพุด กับ อะมิดตะพุด เมื่อเขียนเป็นคำบาลีตามอักขรวิธีที่ถูกต้อง รูปคำจะต่างกัน และความหมายก็ต่างกัน
(๑) “อะมิตาพะพุด” เขียนเป็นคำไทยว่า “อมิตาภพุทธ” เขียนแบบบาลีเป็น “อมิตาภพุทฺธ” (มีจุดใต้ ทฺ) อ่านว่า อะ-มิ-ตา-พะ-พุด-ทะ แยกคำเป็น อ + มิต + อาภา + พุทฺธ
(ก) “อ” (อะ) แปลงมาจาก “น” (นะ) แปลว่า ไม่, ไม่ใช่
เมื่อประสมกับคำอื่น มีกฎว่า
– ถ้าคำนั้นขึ้นต้นด้วยสระ ต้องแปลง “น” เป็น “อน” (อะ-นะ)
– ถ้าคำนั้นขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ต้องแปลง “น” เป็น “อ”
ในที่นี้ น + มิต (มิ– เป็นพยัญชนะ) จึงต้องแปลง น เป็น อ
(ข) “มิต” (มิ-ตะ) แปลว่า “สิ่งที่ถูกนับ” นับแล้ว, นับได้
: น + มิต = นมิต > อมิต แปลว่า “นับไม่ได้” หรือ “ไม่มีประมาณ”
(ค) “อาภา” แปลว่า แสงสว่าง, การส่องแสง, ความงดงาม, ความรุ่งโรจน์
: อมิต + อาภา = อมิตาภา แปลว่า “แสงส่องสว่างที่นับไม่ได้” หรือ “แสงส่องสว่างที่ไม่มีประมาณ”
อมิตาภา + พุทฺธ (พระพุทธเจ้า) ใช้สูตร “ลบสระหน้า” คือ อา ที่ –ภา (อมิตาภา > อมิตาภ)
: อมิตาภา + พุทฺธ = อมิตาภาพุทฺธ > อมิตาภพุทฺธ (อะ-มิ-ตา-พะ-พุด-ทะ) เขียนแบบไทยเป็น “อมิตาภพุทธ” (ไม่มีจุดใต้ ท) อ่านว่า อะ-มิ-ตา-พะ-พุด แปลว่า “พระพุทธเจ้าผู้มีแสงส่องสว่างที่นับไม่ได้” หรือ “พระพุทธเจ้าผู้มีแสงส่องสว่างไม่มีประมาณ” = สุดความสามารถที่จะบอกได้ว่ารุ่งโรจน์งดงามปานไร
(๒) “อะมิดตะพุด” เขียนเป็นคำไทยว่า “อมิตตพุทธ” เขียนแบบบาลีเป็น อมิตฺตพุทฺธ” อ่านว่า อะ-มิด-ตะ-พุด-ทะ แยกคำเป็น อ + มิตฺต + พุทฺธ
(ก) “อ” (อะ) แปลงมาจาก “น” (นะ) แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (ดูกฎข้างต้น)
(ข) “มิตฺต” บาลีอ่านว่า มิด-ตะ รากศัพท์มาจาก –
(1) มิทฺ (ธาตุ = รักใคร่, ผูก) + ต ปัจจัย, แปลง ทฺ ที่ (มิ)-ทฺ เป็น ตฺ (มิทฺ > มิต)
: มิทฺ + ต = มิทต > มิตฺต แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้รักใคร่กัน” (คือต่างคนต่างรู้สึกรักใคร่มีไมตรีต่อกัน) (2) “ผู้ผูกคนอื่นไว้ในตน” (คือมีลักษณะชวนให้คนอื่นรักโดยที่เจ้าตัวอาจจะยังไม่ทันได้รู้จักผู้ที่มารักตนนั่นเลยด้วยซ้ำ)
(2) มิ (ธาตุ = ใส่เข้า) + ต ปัจจัย, ซ้อน ต
: มิ + ตฺ + ต = มิตฺต แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้ควรแก่การที่จะใส่ความลับเข้าไป” (คือคนที่เพื่อนสามารถบอกความลับให้รู้ได้ทุกเรื่อง) (2) “ผู้ใส่เข้าข้างใน” (คือคนที่เก็บความลับของเพื่อนไว้ได้)
“มิตฺต” (ปุงลิงค์) หมายถึง เพื่อน (friend) บางครั้งใช้เป็นนปุงสกลิงค์ หมายถึง “ความเป็นเพื่อน” (friendship)
: น + มิตฺต = นมิตฺต > อมิตฺต แปลว่า “ผู้มิใช่มิตร” หรือทับศัพท์ว่า “อมิตร” คือ ศัตรู
: อมิตฺต + พุทฺธ = อมิตฺตพุทฺธ (อะ-มิด-ตะ-พุด-ทะ) เขียนแบบไทยเป็น “อมิตตพุทธ” (ไม่มีจุดใต้ ต และ ท) อ่านว่า อะ-มิด-ตะ-พุด แปลว่า “พระพุทธเจ้าผู้ไม่เป็นมิตรกับมาร” (จึงทรงชนะมารแล้วได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
…………..
ถามว่า เมื่อรู้ความหมายเช่นนี้แล้ว ผู้เรียกพระนามพระพุทธเจ้าประเภทนี้ตั้งเจตนาจะเรียกพระนามไหน “พระพุทธเจ้าผู้มีแสงส่องสว่างไม่มีประมาณ” หรือ“พระพุทธเจ้าผู้ไม่เป็นมิตรกับมาร”
ถ้าตั้งใจจะหมายถึง “พระพุทธเจ้าผู้มีแสงส่องสว่างไม่มีประมาณ” ก็จงเรียกว่า อะ-มิ-ตา-พะ-พุด นั่นคือ “อมิตาภพุทธ”
ถ้าตั้งใจจะหมายถึง “พระพุทธเจ้าผู้ไม่เป็นมิตรกับมาร” ก็จงเรียกว่า อะ-มิด-ตะ-พุด นั่นคือ “อมิตตพุทธ”
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนคำ
: ก็จำต้องเปลี่ยนความ
(จาก อมิตาภพุทธ = “พระพุทธเจ้าผู้มีแสงส่องสว่างไม่มีประมาณ” เป็น อมิตตพุทธ = “พระพุทธเจ้าผู้ไม่เป็นมิตรกับมาร”)
: แต่ถ้าไม่อยากเปลี่ยนความ
: ก็จงพยายามเปลี่ยนคำ
(จาก อะ-มิด-ตะ-พุด เป็น อะ-มิ-ตา-พะ-พุด)
ใจหมายถึง “พระพุทธเจ้าผู้มีแสงส่องสว่างไม่มีประมาณ” (อมิตาภพุทธ)
แต่ปากเรียกว่า อะ-มิด-ตะ-พุด (อมิตตพุทธ)
แปลว่าปากกับใจไม่ตรงกัน
#บาลีวันละคำ (2,807)
18-2-63