สถาปนึก (บาลีวันละคำ 2,829)
สถาปนึก
อย่านึกว่าเพียงแค่พูดเล่นๆ
อ่านว่า สะ-ถา-ปะ-นึก (-นึก คำเดียวกับนึกคิด)
ภาษาไทยมีคำว่า “สถาปนิก” (สะ-ถา-ปะ-นิก) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ว่า –
“สถาปนิก : (คำนาม) ผู้ทรงคุณวุฒิในการสร้างสรรค์ทางออกแบบก่อสร้าง. (ส.).”
ผู้ที่ไม่ได้เป็นสถาปนิก เมื่อคิดก่อสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง มักพูดเล่นว่า ไม่ได้เป็นสถาปนิก แต่เป็น “สถาปนึก” คือเปลี่ยนคำว่า “-นิก” เป็น “นึก” คำไทย ที่หมายถึงนึกคิดเอาเอง
“สถาปนิก – สถาปนึก” จึงเป็นคำพูดล้อ พูดเล่น
แบบเดียวกับ –
“กรรมการ” พูดเล่นเป็น “กรรมเกิน” (กำ-มะ-เกิน)
“โอละพ่อ” พูดเล่นเป็น “โอละแม่”
(และคำอื่นๆ ที่ผู้อ่านอาจนึกเอาเองได้อีก)
แต่เมื่อว่าตามหลักการกลายเสียงบาลีสันสกฤตเป็นไทย คำบาลีสันสกฤตที่มีรูปเป็น “อิก” (อิ-กะ) หรือ “อีก” (อี-กะ) เราก็นิยมกลายเสียงเป็น “อึก”
ตัวอย่างเช่น –
โชติก > โชดึก = ผู้มีความรุ่งเรือง
ปจฺจนีก > ปัจนึก = ข้าศึก, ศัตรู
ปัตตานีก > ปัตตานึก = กองทัพทหารเดินเท้า
ผลิก > ผลึก = สิ่งมีลักษณะขาวใสดั่งแก้ว
สิกฺขา > ศึกษา = การเล่าเรียน ฝึกฝน
อธิก > อธึก = ยิ่งใหญ่, เลิศ
สถาปนิก > สถาปนึก
จะเห็นได้ว่า เมื่อว่าตามหลักนี้ “สถาปนิก” กลายรูปเป็น “สถาปนึก” ได้ตามหลักนิยมทางภาษา
หมายความว่า “สถาปนึก” แม้จะเป็นคำพูดเล่น แต่ก็มีความหมายเท่ากับ “สถาปนิก” ทุกประการ
หลักภาษาคำว่า “สถาปนิก” :
“สถาปนิก” ประกอบรูปคำจาก สถาปน + อิก ปัจจัย
(๑) “สถาปน” (สะ-ถา-ปะ-นะ)
บาลีเป็น “ฐาปน” (ถา-ปะ-นะ) รากศัพท์มาจาก ฐา (ธาตุ = วาง, ตั้ง, ยืน) แปลง ฐา เป็น ฐปฺ + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), ทีฆะ อะ ที่ ฐ-(ปฺ) เป็น อา (ฐปฺ > ฐาป)
: ฐา > ฐปฺ + ยุ > อน = ฐปน > ฐาปน แปลตามศัพท์ว่า “การยัง-ให้ตั้งอยู่”
ศัพท์นี้ในภาษาบาลี รูปที่นิยมใช้มากกว่าคือ “ปติฏฺฐาปน” (ปะ-ติด-ถา-ปะ-นะ) ที่ใช้ในภาษาไทยว่า “ประดิษฐาน” (ปติฏฺฐาน > ประดิษฐาน)
ปติฏฺฐาน และ ปติฏฺฐาปนา หมายถึง การจัด, การตั้งขึ้น, การสนับสนุน, การช่วยเหลือ, ความตั้งมั่นเพื่อความหลุดพ้น (fixing, setting up, support, help, ground for salvation)
บาลี “ฐาปน” สันสกฤตเป็น “สฺถาปน”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“สฺถาปน : (คำนาม) การวาง, การกำหนดหรือตั้ง; การบัญชา, การจัด; บ้าน, ที่อาศรัย; การจัดบทละคอนหรือโรงละคอน; placing, fixing or erecting; ordering, directing; a dwelling, a habitation; arranging a drama, or stage management.”
ในภาษาไทย คำนี้นิยมใช้เป็น “สถาปนา” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สถาปนา : (คำกริยา) ยกย่องโดยแต่งตั้งให้สูงขึ้นเช่นเลื่อนเจ้านายให้สูงศักดิ์ขึ้น หรือยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง, ตั้งขึ้น (มักใช้แก่หน่วยราชการหรือองค์การที่สำคัญ ๆ ในระดับกระทรวง ทบวง มหาวิทยาลัย) เช่น วันสถาปนากระทรวงมหาดไทย วันสถาปนาราชบัณฑิตยสถาน วันสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (ส. สฺถาปน; ป. ฐาปน).”
(๒) สถาปน + อิก ปัจจัย
: สถาปน + อิก = สถาปนิก แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ประกอบการตั้งขึ้น”
“สถาปนิก” เป็นคำที่บัญญัติเทียบคำอังกฤษว่า architect
พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล architect เป็นบาลีว่า –
nimmāṇasippī นิมฺมาณสิปฺปี (นิม-มา-นะ-สิบ-ปี) = ผู้มีศิลปะวิทยาการในการนฤมิต คือสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
อภิปราย :
ใครที่เคยพูดเล่นว่า “ไม่ได้เป็นสถาปนิก แต่เป็นสถาปนึก” ต่อไปคงต้องคิดก่อนพูด เพราะ “สถาปนึก” เป็นอีกรูปคำหนึ่งของ “สถาปนิก” นั่นคือ ไม่ว่าจะเรียกว่า “สถาปนิก” หรือ “สถาปนึก” ก็หมายถึง “ผู้ทรงคุณวุฒิในการสร้างสรรค์ทางออกแบบก่อสร้าง” ตัวจริงทั้ง 2 คำ
แต่คงไม่มีใครทันได้คิดว่า “สถาปนึก” เป็นคำจริง คนส่วนใหญ่ต้องเข้าใจว่าเป็นคำพูดเล่นกันเท่านั้น
คติจากเรื่องนี้ก็คือ ถ้าเห็นว่าเป็นของเล่น ก็ได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นเพียงเป็นของเล่นสนุก ถ้าเห็นว่าเป็นของจริง ก็จะได้สาระจากสิ่งนั้นเพิ่มขึ้น ผู้มีปัญญาย่อมสามารถมองเห็นสาระจากสิ่งที่คนทั่วไปเห็นว่าไม่เป็นสาระ
เหมือนเรื่องที่เล่าว่า หญิงชาวบ้านร้องเพลงเล่นในขณะเที่ยวหาเก็บผักในป่า ภิกษุรูปหนึ่งนั่งปฏิบัติธรรมอยู่ในที่ไม่ไกล ได้ฟังเพลง จับเอาคำในเพลงนั้นมาพิจารณาเป็นอารมณ์เจริญวิปัสสนา ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
…………..
ดูก่อนภราดา!
: มองเป็น เห็นสาระ
: มองไม่เป็น เห็นขยะ
#บาลีวันละคำ (2,829)
11-3-63