บาลีวันละคำ

จนฺตลิกฺเข (บาลีวันละคำ 2,909)

จนฺตลิกฺเข แปลว่าอะไร

คำที่ตาเห็น อาจไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด

คำว่า “จนฺตลิกฺเข” อ่านว่า จัน-ตะ-ลิก-เข เป็นคำที่ยกมาจากบท “ชุมนุมเทวดา” เป็นข้อความในคาถาบาทหนึ่งว่าดังนี้

เขียนแบบบาลี:

สคฺเค  กาเม   รูเป  คิริสิขรตเฏ  จนฺตลิกฺเข  วิมาเน

เขียนแบบคำอ่าน:

สัคเค  กาเม  จะ  รูเป  คิริสิขะระตะเฏ  จันตะลิกเข  วิมาเน

มีผู้ถามว่า คำว่า “จนฺตลิกฺเข” แปลว่าอะไร

เบื้องต้นควรทราบก่อนว่า รูปเดิมของคำนี้ไม่ใช่ “จนฺตลิกฺเข” อย่างที่ตาเห็น

แต่เป็น + อนฺตลิกฺเข = จนฺตลิกฺเข

” อ่านว่า จะ เป็นคำจำพวกที่เรียกว่า “นิบาต” อยู่ในกลุ่ม “นิบาตสำหรับผูกศัพท์และประโยค” นักเรียนบาลีท่องจำกันว่า “นิบาตสำหรับผูกศัพท์และประโยค มีอัตถะเป็นอเนก, จ (จะ) = ด้วย, อนึ่ง, ก็, จริงอยู่

หมายความว่า “” แปลว่า “ด้วย, อนึ่ง, ก็, จริงอยู่” คำใดคำหนึ่ง เมื่อใดควรจะแปลคำใด ขึ้นอยู่กับรูปประโยคหรือที่เรียกกันว่า “บริบท”

ในคำว่า “จนฺตลิกฺเข” นี้ “” แปลว่า “ด้วย

ด้วย” ในที่นี้หมายถึง “และ” หรือ and ในภาษาอังกฤษ

เช่น “ภิกฺขุ สามเณโร ” (พิก-ขุ จะ สา-มะ-เน-โร จะ)

แปลว่า “ภิกษุด้วย สามเณรด้วย” หรือ “ภิกษุและสามเณร” (a monk and a novice)

ในกรณีที่ “” แปลว่า “ด้วย” หรือ “และ” จะต้องมีคำนามหรือคำกริยาตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป (นามก็นามทั้ง 2 คำ กริยาก็กริยาทั้ง 2 คำ) โดยใช้ “” อยู่หลังคำนั้นๆ เช่น “ภิกฺขุ สามเณโร

ย้อนไปดู “จนฺตลิกฺเข” ข้างต้น ข้อความเต็มคือ –

สคฺเค  กาเม    รูเป  คิริสิขรตเฏ  จนฺตลิกฺเข  วิมาเน

แปลว่า –

(ขอเชิญเหล่าเทพเจ้าซึ่งสถิตอยู่) –

(1) ในสวรรค์ชั้นกามภพด้วย

(2) ในสวรรค์ชั้นรูปภพด้วย

(3) ในวิมานเหนือยอดเขาและเพิงผาด้วย

(4) ในวิมานในอากาศด้วย

ตามคำแปลนี้ จึงสามารถจัดคำบาลีเป็นกลุ่มได้ดังนี้ –

(1) กาเม  สคฺเค   = ในสวรรค์ชั้นกามภพด้วย

(2) รูเป  สคฺเค   = ในสวรรค์ชั้นรูปภพด้วย

(3) คิริสิขรตเฏ  วิมาเน   = ในวิมานเหนือยอดเขาและเพิงผาด้วย

(4) อนฺตลิกฺเข  วิมาเน   = ในวิมานในอากาศด้วย

เมื่อจัดระเบียบถ้อยคำตามหลักภาษาแล้ว “จนฺตลิกฺเข” ที่ตาเห็นนั้นก็ไม่มี มีแต่ “อนฺตลิกฺเข

เป็นอันว่า คำนั้นคือ “อนฺตลิกฺเข” ไม่ใช่ “จนฺตลิกฺเข” อย่างที่ตาเห็น

จะเห็นได้ว่า ภาษาบาลีมีหลักเกณฑ์ที่ละเอียด เพียงแค่ตาเห็นแล้วจะคิดเอาเองเข้าใจเอาเองหาได้ไม่ ต้องรู้หลัก

และหลักนั้นก็ไม่ยากเกินที่จะเรียนรู้

เรียนรู้ต่อไปอีกหน่อยหนึ่งว่า คำนั้นคือ “อนฺตลิกฺเข” ไม่ใช่ “จนฺตลิกฺเข” และ “อนฺตลิกฺเข” นี้รูปคำเดิมคือ “อนฺตลิกฺข” (อัน-ตะ-ลิก-ขะ)

อนฺตลิกฺข” เปลี่ยนรูปเป็น “อนฺตลิกฺเข” เพราะแจกด้วยวิภัตตินามที่เจ็ด (สัตตมีวิภัตติ) เอกพจน์

รู้สึกว่าชักจะยุ่งยากมากขึ้น วิภัตตินามที่เจ็ดคืออะไร เอกพจน์คืออะไร

เรียนบาลีจึงต้องเริ่มด้วยการ “ท่องหลัก” คำศัพท์พวกนี้มีอยู่ใน “หลัก” แค่ท่องหลักได้ เห็นคำพวกนี้ก็เข้าใจได้ตลอดทั้งสาย และใช้ได้ตั้งแต่ประโยค 1-2 จนถึงประโยค ป.ธ.9

เรียนบาลีจึงไม่ยากอย่างที่คิด

อนฺตลิกฺข” แปลตามศัพท์ว่า –

(1) “ที่เป็นเหตุให้ชาวโลกมองเห็นชนิดคือความต่างของวัตถุนั้นๆ ได้

(2) “ขอบเขต คือเหตุแห่งการดูการเห็น

(3) “ที่เป็นเครื่องให้เขาขีด คือดูข้างต้นข้างปลายได้

นักเรียนบาลีมักเข้าใจว่า “อนฺตลิกฺข” คือท้องฟ้า (sky)

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อนฺตลิกฺข” ว่า the atmosphere or air (กลางหาว หรืออากาศ)

โปรดสังเกตว่า ฝรั่งที่รู้บาลีไม่ได้แปล “อนฺตลิกฺข” ว่า sky

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกด้วยว่า “อนฺตลิกฺข” แปลตรงตัวว่า “situated in between sky and earth” (ตั้งอยู่ระหว่างท้องฟ้าและพื้นดิน)

คำว่า “อุตุนิยมวิทยา” ที่เราใช้กันนั้น คำอังกฤษว่า meteorology

พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล meteorology เป็นบาลีว่า “อนฺตลิกฺขวิชฺชา” (อัน-ตะ-ลิก-ขะ-วิด-ชา)

อนฺตลิกฺข” คำเดียวกับที่เราเห็นเป็น “จนฺตลิกฺเข” นั่นแหละ

ดังนั้น อนฺตลิกฺขวิชฺชา > meteorology > อุตุนิยมวิทยา จึงมีความหมายว่า วิทยาการว่าด้วยธรรมชาติเหนือพื้นดินขึ้นไปจนถึงชั้นบรรยากาศซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ทั้งนี้เพื่อพยากรณ์หรือคาดหมายว่าเมื่อใดจะเกิดภาวะเช่นใดขึ้น ณ บริเวณใด

ขึ้นต้นด้วย “จนฺตลิกฺเข” ลงท้ายด้วย “อุตุนิยมวิทยา

แต่ก็คงไม่ผิดหลัก เพราะ –

อุตุนิยมวิทยา” คือ meteorology

meteorology คือ “อนฺตลิกฺขวิชฺชา

มีคำว่า “อนฺตลิกฺข” คำเดียวกัน

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ใช้ภาษาบาลีต้องมีหลัก

อย่าทึกทักคิดเอาเอง

: ปฏิบัติธรรมต้องยำเกรง

การล้ำลึกอย่านึกเอา

#บาลีวันละคำ (2,909)

30-5-63

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *