ปุญฺญ (บาลีวันละคำ 53)
ปุญฺญ
อ่านว่า ปุน-ยะ
ปุญฺญ แปลตามรากศัพท์ว่า –
1 – “กรรมที่ชำระสันดานของผู้กระทำให้สะอาด”
2 – “สภาวะอันทำให้เกิดความน่าบูชา”
3 – “การกระทำอันทำให้เต็มอิ่มสมน้ำใจ”
ปุญฺญ เอามาใช้ในภาษาไทย แปลง ป เป็น บ ลบ ญ เสียตัวหนึ่ง ได้รูปเป็น “บุญ” อ่านว่า บุน
คำนี้ไม่มีปัญหาในทางเขียนหรืออ่าน แต่มีปัญหาในทางความเข้าใจ
คือคนส่วนมากเข้าใจว่า บุญคือการใส่บาตร การเอาเงินใส่ซองกฐินซองผ้าป่าหรือตู้รับบริจาค หรือการบริจาคทรัพย์สิ่งของให้แก่วัด โรงเรียน โรงพยาบาล หรือกิจการสาธารณกุศลต่างๆ เรียกกันว่า “ทำบุญ”
การกระทำดังกล่าวข้างต้น เรียกให้ถูกความหมาย ต้องเรียกว่า “ทำทาน” ซึ่งเป็นเพียงบางส่วนของ “บุญ” เท่านั้น เรียกเต็มๆ ว่า “ทานมัย” (ทา-นะ-มัย) แปลว่า “บุญที่สำเร็จด้วยการให้”
ยังมีวิธี “ทำบุญ” อีกหลายวิธี เช่น ถือศีลก็เป็น “บุญ” เจริญสมาธิวิปัสสนาก็เป็นบุญ
ตามตำราท่านแสดง “วิธีทำบุญ” ไว้ถึง 10 วิธี
: เขียน “บาลีวันละคำ” ให้ความรู้แก่เพื่อนๆ facebook ก็เป็น “บุญ”
บาลีวันละคำ (53)
26-6-55
(ศัพท์วิเคราะห์)
ปุนาติ อตฺตโน สนฺตานนฺติ ปุญฺญํ กรรมที่ชำระสันดานของตนให้สะอาด
ปุ ธาตุ ในความหมายว่าชำระ สะอาด ณฺย ปัจจัย ลง น อาคม ลบ ณฺ และสระหน้า แปลง นฺย เป็น ญ ซ้อน ญฺ
อตฺตโน การกํ ชนํ ปวติ ปุนาติ โสเธตีติ ปุญฺญํ กรรมที่ชำระผู้ทำให้สะอาด (เหมือน วิ.ต้น)
ปุชฺชภาวํ ชเนตีติ ปุญฺญํ กรรมที่ยังความน่าบูชาให้เกิด
ปุชฺช บทหน้า ชน ธาตุ ในความหมายว่าเกิด ณฺย ปัจจัย ลบ ชฺช ช และ ณ แปลง น เป็น ญ ซ้อน ญฺ
บุญ, บุญ-
[บุน, บุนยะ-] น. การกระทําดีตามหลักคําสอนในศาสนา; ความดี, คุณงามความดี.ว. ดี เช่น คนใจบุญ, มีคุณงามความดี เช่น คนมีบุญ. (ป. ปุญฺ; ส. ปุณฺย).
“กรรมที่ชำระสันดานของผู้กระทำให้สะอาด”, “สภาวะอันทำให้เกิดความน่าบูชา”, “การกระทำอันทำให้เต็มอิ่มสมน้ำใจ”, ความดี, กรรมที่ดีงามเป็นประโยชน์, ความประพฤติชอบทางกายวาจาใจ, กุศล (มักหมายถึงโลกียกุศล หรือความดีที่ยังกอปรด้วยอุปธิ คือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ปรารถนากันในหมู่ชาวโลก เช่น โภคสมบัติ); บางทีหมายถึงผลของการประกอบกุศล หรือผลบุญนั่นเอง เช่นในพุทธพจน์ (ที.ปา.๑๑/๓๓/๖๒) ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เพราะการสมาทานกุศลธรรมทั้งหลายเป็นเหตุ บุญนี้ย่อมเจริญเพิ่มพูนอย่างนี้”, และมีพุทธพจน์ (ขุ.อิติ.๒๕/๒๐๐/ ๒๔๐) ตรัสไว้ด้วยว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่าได้กลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้ เป็นชื่อของความสุข” (บุญ ในพุทธพจน์นี้ ทรงเน้นที่การเจริญเมตตาจิต), พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้ศึกษาบุญ (“ปุญฺญเมว โส สิกฺเขยฺย” – ขุ.อิติ.๒๕/๒๐๐/ ๒๔๑; ๒๓๘/๒๗๐) คือฝึกปฏิบัติหัดทำให้ชีวิตเจริญงอกงามขึ้นในความดีและสมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติที่ดี; ในการทำบุญ ไม่พึงละเลยพื้นฐานที่ตรงตามสภาพความเป็นจริงของชีวิต ให้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมเจริญงอกงามหนุนกันขึ้นไปสู่ความดีงามที่สมบูรณ์ เช่น พึงระลึกถึงพุทธพจน์ (สํ.ส.๑๕/๑๔๖/๔๖) ที่ว่า “ชนเหล่าใด ปลูกสวน ปลูกป่า สร้างสะพาน (รวมทั้งจัดเรือข้ามฟาก) จัดบริการน้ำดื่ม และบึงบ่อสระน้ำ ให้ที่พักอาศัย บุญของชนเหล่านั้น ย่อมเจริญงอกงาม ทั้งคืนทั้งวัน ตลอดทุกเวลา, ชนเหล่านั้น ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นผู้เดินทางสวรรค์”, คัมภีร์ทั้งหลายกล่าวถึงบุญกรรมที่ชาวบ้านควรร่วมกันทำไว้เป็นอันมาก เช่น (ชา.อ.๑/๒๙๙) การปรับปรุงซ่อมแซมถนนหนทาง สร้างสะพาน ขุดสระน้ำ สร้างศาลาที่พักและที่ประชุม ปลูกสวนปลูกป่า ให้ทาน รักษาศีล; พระพุทธเจ้าตรัสประมวลหลักการทำบุญที่พึงศึกษาไว้ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ (ขุ.อิติ. ๒๕/๒๓๘/๒๗๐) ซึ่งพระอรรถกถาจารย์ได้แจกแจงให้เห็นตัวอย่างในการขยายความออกไปเป็น บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (เช่น สงฺคณี.อ.๒๐๘); ตรงข้ามกับ บาป, เทียบ กุศล, ดู บุญกิริยาวัตถุ, อุปธิ