สมาธิ [2] (บาลีวันละคำ 158)
สมาธิ [2]
เคยกล่าวถึง “สมาธิ” ในแง่ภาษาแล้ว (บาลีวันละคำ (43) 15-6-55) ครั้งนี้ขอกล่าวถึงในแง่ความเข้าใจ
– “สมาธิ” หมายถึงความมีใจตั้งมั่น, ความตั้งมั่นแห่งจิต, การทำให้ใจสงบแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน, การมีจิตกำหนดแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ, ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว คือมีจิตแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว
– “สมาธิ” เป็นการปฏิบัติทางจิตที่นิยมทำกันมาก่อนพระพุทธศาสนา ทำให้เข้าใจกันไปว่า “สมาธิไม่ใช่คำสอนในพระพุทธศาสนา”
– พระพุทธศาสนาก็สอนให้ปฏิบัติสมาธิ ดังหลักไตรสิกขา ที่รู้จักกันดี คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และพระพุทธพจน์ที่ตรัสว่า “สมาธึ ภิกฺขเว ภาเวถ = ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจงเจริญสมาธิเถิด”
– แต่สมาธิในพระพุทธศาสนาต้องใช้เป็นฐานเพื่อเจริญปัญญา หรือวิปัสสนา (การรู้แจ้งเห็นจริงจนเป็นอิสระจากกิเลสทั้งมวล) ต่อไป ไม่ใช่ติดอยู่แค่สมาธิ
– และ “วิปัสสนา” นี่แหละที่มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่นไม่มี
– หลักไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) กำหนดว่า ศีลต้องส่งให้ถึงสมาธิ สมาธิต้องส่งให้ถึงปัญญา ปัญญาส่งถึงการดับทุกข์ เพราะฉะนั้น อย่าติดอยู่แค่สมาธิ
– ขณะที่จิตเป็นสมาธิสูงสุด ดูเหมือนสุขสงบหมดกิเลส แต่พอออกจากสมาธิ กิเลสก็ฟูขึ้นอีก โบราณอุปมาว่า “สมาธิเหมือนหินทับหญ้า” ท่านสอนให้เจริญสมาธิ แต่ไม่ได้สอนให้ติดอยู่แค่สมาธิ
: ยกหินออก หญ้าก็งอกเหมือนเดิม
บาลีวันละคำ (158)
13-10-55
– สมาธิ ถ้าใช้ผิด ก็เหมือนยาเสพติด เสพแล้วสุขสงบดื่มด่ำ
แต่พอยาหมดฤทธิ์ กิเลสก็พ่นพิษเหมือนเดิม
สมาธิ (ประมวลศัพท์)
ความมีใจตั้งมั่น, ความตั้งมั่นแห่งจิต, การทำให้ใจสงบแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน, การมีจิตกำหนดแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ มักใช้เป็นคำเรียกง่ายๆ สำหรับอธิจิตตสิกขา; ดู เอกัคคตา, อธิจิตตสิกขา (ข้อ ๒ ในไตรสิกขา, ข้อ ๔ ในพละ ๕, ข้อ ๖ ในโพชฌงค์ ๗)
สมาธิ ๒ คือ
๑. อุปจารสมาธิ สมาธิจวนเจียน หรือสมาธิเฉียดๆ
๒. อัปปนาสมาธิ สมาธิแน่วแน่
(ประมวลศัพท์)
สมาธิ ๓ คือ
๑. สุญญตสมาธิ
๒. อนิมิตตสมาธิ
๓. อัปปณิหิตสมาธิ;
อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่
๑. ขณิกสมาธิ
๒. อุปจารสมาธิ
๓. อัปปนาสมาธิ
(ประมวลศัพท์)
เอกัคคตา
ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว คือ ความมีจิตต์แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว ได้แก่สมาธิ (พจนานุกรมเขียน เอกัคตา); ดู ฌาน
(ประมวลศัพท์)
อธิจิตต์
จิตอันยิ่ง, เรื่องของการเจริญสมาธิอย่างสูง หมายถึงฌานสมาบัติที่เป็นบาทแห่งวิปัสสนา หรือแม้สมาธิที่เจริญด้วยความรู้เข้าใจโดยมุ่งให้เป็นปัจจัยแห่งการก้าวไปในมรรค; ดู สิกขา
(ประมวลศัพท์)
อธิจิตตสิกขา
เรื่องอธิจิตต์อันจะต้องศึกษา, การศึกษาในอธิจิตต์, ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรมพัฒนาจิตใจอย่างสูง เพื่อให้เกิดสมาธิ ความเข้มแข็งมั่นคง พร้อมทั้งคุณธรรมและคุณสมบัติที่เกื้อกูลทั้งหลาย เช่น สติ ขันติ เมตตา กรุณา สดชื่น เบิกบาน เป็นสุข ผ่องใส อันจะทำให้จิตใจมีสภาพที่เหมาะแก่การใช้งาน เฉพาะอย่างยิ่ง ให้เป็นฐานแห่งการเจริญปัญญา (ข้อ ๒ ในสิกขา ๓ หรือไตรสิกขา) เรียกกันง่ายๆ ว่า สมาธิ; ดู สิกขา
(ประมวลศัพท์)
ฌาน
การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ, ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก;
ฌาน ๔ คือ
๑. ปฐมฌาน มีองค์ ๕ (วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา)
๒. ทุติยฌาน มีองค์ ๓ (ปีติ สุข เอกัคคตา)
๓. ตติยฌาน มีองค์ ๒ (สุข เอกัคคตา)
๔. จตุตถฌาน มีองค์ ๒ (อุเบกขา เอกัคคตา);
ฌาน ๕ ก็เหมือนอย่าง ฌาน ๔ นั่นเอง แต่ตามแบบอภิธรรม ท่านซอยละเอียดออกไป โดยเพิ่มข้อ ๒ แทรกเข้ามา คือ
๑. ปฐมฌาน มีองค์ ๕ (วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา)
๒. ทุติยฌาน มีองค์ ๔ (วิจาร ปีติ สุขเอกัคคตา)
ข้อ ๓, ๔, ๕ ตรงกับ ข้อ ๒, ๓, ๔ ในฌาน ๔ ตามลำดับ
(ประมวลศัพท์)
สมาธิ = สมาธิ ความสงบ, จิตตั้งมั่น (ศัพท์วิเคราะห์)
– เอการมฺมเณ สุฏฺฐุ อาธานํ สมาธิ การตั้งจิตไว้ด้วยดีในอารมณ์เดียว
สํ + อา บทหน้า ธา ธาตุ ในความหมายว่าตั้งขึ้น, ยกขึ้น อิ ปัจจัย, แปลงนิคหิตเป็น ม
– นานาลมฺพณวิกฺเขปวสปฺปวตฺตํ อธิสงฺขาตํ จิตฺตพฺยธํ สเมตีติ สมาธิ ภาวะที่ยังความฟุ้งซ่านแห่งจิตให้สงบ
สมุ ธาตุ ในความหมายว่าสงบ, ระงับ อาธิ ปัจจัย, ลบสระหน้า
สมาธิ ป. (พจนานุกรมศัพท์บาลี)
ความตั้งใจมั่น.