บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

คำพยากรณ์สังฆมณฑล (๑)

คำพยากรณ์สังฆมณฑล (๒)

คำพยากรณ์สังฆมณฑล (๒)

—————————–

เรื่อง “คำพยากรณ์สังฆมณฑล” นี้ มาในคัมภีร์เถรคาถา

………………………………..

คำพยากรณ์สังฆมณฑล (ต่อ)

………………………………..

โกธนา อุปนาหี จ

มกฺขี ถมฺภี สฐา พหู

อิสฺสุกี นานาวาทา จ

ภวิสฺสนฺติ อนาคเต ฯ

ในกาลข้างหน้า ภิกษุเป็นอันมาก –

จักเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ 

ลบหลู่คุณท่าน หัวดื้อ โอ้อวด 

ริษยา ถือลัทธิต่างๆ กันออกไป

อญฺญาตมานิโน ธมฺเม

คมฺภีเร ตีรโคจรา

ลหุกา อครู ธมฺเม

อญฺญมญฺญมคารวา ฯ

จักเป็นผู้มีมานะในธรรมที่ยังไม่รู้ทั่วถึง (ว่าเรารู้จบแล้ว)

คิดว่าตื้นในธรรมที่ลึกซึ้ง

เป็นคนโลเล ไม่เคารพธรรม

ไม่มีความเคารพกันและกัน

พหู อาทีนวา โลเก

อุปฺปชฺชิสฺสนฺตฺยนาคเต

สุเทสิตํ อิมํ ธมฺมํ

กิลิสิสฺสนฺติ ทุมฺมตี ฯ

ในกาลข้างหน้า

โทษเป็นอันมากจักเกิดขึ้นในหมู่สัตวโลก

ก็เพราะภิกษุทั้งหลายผู้ไร้ปัญญา

จักทำพระธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงแล้วนี้ให้เศร้าหมอง

คุณหีนาปิ สงฺฆมฺหิ

โวหรนฺตา วิสารทา

พลวนฺโต ภวิสฺสนฺติ

มุขรา อสฺสุตาวิโน ฯ

ทั้งพวกภิกษุที่เลวทรามไร้คุณธรรม 

โวหารจัด ไม่เกรงกลัวใคร

ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน

ก็จักมีกำลังมากขึ้นในสังฆมณฑล 

คุณวนฺโตปิ สงฺฆมฺหิ

โวหรนฺตา ยถตฺถโต

ทุพฺพลา เต ภวิสฺสนฺติ

หิริมนา อนตฺถิกา ฯ

ฝ่ายภิกษุที่มีคุณความดีในสังฆมณฑล

มีโวหารถูกต้องตามพระธรรมวินัย

มีความละอายบาป ก็จักมีกำลังน้อยลง

พากันนิ่งเฉยทอดธุระ

รชตํ ชาตรูปญฺจ

เขตฺตํ วตฺถุํ อเชฬกํ

ทาสีทาสญฺจ ทุมฺเมธา

สาทิยิสฺสนฺตฺยนาคเต ฯ

ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายที่ทรามปัญญา

ก็จะพากันยินดี (ที่จะมีและครอบครอง) เงินทอง

ไร่นา ที่ดิน แพะแกะ

และคนใช้หญิงชาย

อุชฺฌานสญฺญิโน พาลา

สีเลสุ อสมาหิตา

อุนฺนฬา วิจริสฺสนฺติ

กลหาภิรตา มคา ฯ

จักเป็นคนโง่เขลา มุ่งแต่จะหาเรื่อง

ไม่ดำรงมั่นอยู่ในศีล

ถือตัว โหดร้าย 

เที่ยวยินดีแต่การทะเลาะวิวาท

อุทฺธตา จ ภวิสฺสนฺติ

นีลจีวรปารุตา

กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี

จริสฺสนฺตฺยริยา วิย ฯ

จักมีใจฟุ้งซ่าน นุ่งห่มแต่จีวรที่ย้อมสีเขียวแดง 

เป็นคนลวงโลก กระด้าง เป็นผู้จ้องหาแต่ลาภผล 

เที่ยวชูเขาคือมานะ 

ทำตนดั่งพระอริยเจ้าท่องเที่ยวไปอยู่

เตลสเณฺหหิ เกเสหิ

จปลา อญฺชนกฺขิกา

รถิยาย คมิสฺสนฺติ

ทนฺตวณฺณกปารุตา ฯ

เป็นผู้แต่งผมด้วยน้ำมัน ทำให้มีเส้นละเอียด

เหลาะแหละ ใช้ยาหยอดและทาตา

มีร่างกายคลุมด้วยจีวรที่ย้อมด้วยสีงา

สัญจรไปตามตรอกน้อยใหญ่

อเชคุจฺฉํ วิมุตฺเตหิ

สุรตฺตํ อรหทฺธชํ

ชิคุจฺฉิสฺสนฺติ กาสาวํ

โอทาเตสุ สมุจฺฉิตา ฯ

ผ้ากาสาวะอันพระอริยเจ้าผู้หลุดพ้นแล้วมิได้เกลียดชัง

ย้อมดีแล้ว เป็นธงชัยของพระอรหันต์

ภิกษุเหล่านั้นจักพากันเกลียดชัง

หลงใหลได้ปลื้มแต่ในผ้าขาวๆ

ลาภกามา ภวิสฺสนฺติ

กุสีตา หีนวีริยา

กิจฺฉนฺตา วนปตฺถานิ

คามนฺเตสุ วสิสฺสเร ฯ

จักเป็นผู้มุ่งแต่ลาภผล

เป็นคนเกียจคร้าน เสื่อมความเพียร

เห็นการอยู่ป่าอันสงัดเป็นความลำบาก

จักใคร่อยู่แต่ในเสนาสนะที่ใกล้บ้าน

เย เย ลาภํ ลภิสฺสนฺติ

มิจฺฉาชีวรตา สทา

เต เต ว อนุสิกฺขนฺตา

คมิสฺสนฺติ อสญฺญตา ฯ

ภิกษุเหล่าใดยินดีมิจฉาชีพได้ลาภเสมอๆ

ภิกษุทั้งหลายจักพากันประพฤติตามภิกษุเหล่านั้น

(เที่ยวคบหาคนใหญ่คนโตเป็นต้นเพื่อให้เกิดลาภแก่ตน)

จักดำรงชีวิตอย่างชนิดไม่สำรวมอินทรีย์

เย เย อลาภิโน ลาภํ

น เต ปุชฺชา ภวิสฺสเร

สุเปสเลปิ เต ธีเร

เสวิสฺสนฺติ น เต ตทา ฯ

อนึ่ง ในอนาคตกาล 

ภิกษุเหล่าใดไม่มีลาภ ไม่มีผลประโยชน์

ภิกษุเหล่านั้นจักไม่มีใครเคารพบูชา

ภิกษุที่เป็นนักปราชญ์ มีศีลเป็นที่รัก

จักไม่มีใครคบหาสมาคม

มิลกฺขุรชนํ รตฺตํ

ครหนฺตา สกํ ธชํ

ติตฺถิยานํ ธชํ เกจิ

ธาเรสฺสนฺตฺยวทาตกํ ฯ

(ภิกษุในอนาคต)

จักทรงผ้าที่ย้อมด้วยสีดำ

พากันติเตียนผ้าอันเป็นธงชัยของตนเสีย

บางพวกก็นุ่งห่มผ้าสีขาว

อันเป็นธงของพวกเดียรถีย์

อคารโว จ กาสาเว

ตทา เตสํ ภวิสฺสติ

ปฏิสงฺขา จ กาสาเว

ภิกฺขูนํ น ภวิสฺสติ ฯ

อนึ่ง ในอนาคตกาล 

ภิกษุเหล่านั้นจักไม่เคารพในผ้ากาสาวะ

จักไม่พิจารณาโดยอุบายอันแยบคาย –

ในเวลาที่ใช้สอยผ้ากาสาวะ

อภิภูตสฺส ทุกฺเขน

สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโต

ปฏิสงฺขา มหาโฆรา

นาคสฺสาสิ อจินฺติยา ฯ

(พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาช้างฉัททันต์)

ถูกหอกอาบยาพิษของพรานแทงทะลุร่าง

ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส

ส่งเสียงร้องก้องโกญจนาท (แต่) เมื่อใคร่ครวญแล้ว

ยังหักใจได้ (ไม่ทำร้ายพรานผู้อาศัยผ้ากาสาวะคลุมร่าง

ก็ภิกษุเหล่านั้นครองผ้ากาสาวะอยู่แท้ๆ

ไฉนจึงไม่งดเว้นจากทุจริตกรรมเล่า)

ฉทฺทนฺโต หิ ตทา ทิสฺวา

สุรตฺตํ อรหทฺธชํ

ตาวเทว ภณี คาถา

คโช อตฺโถปสญฺหิตา ฯ

ในคราวนั้นแล พญาช้างฉัททันต์ได้เห็น –

ผ้ากาสาวะที่ย้อมดีแล้ว อันเป็นธงชัยของพระอรหันต์

ในขณะนั้นเองก็ได้กล่าวคาถา –

อันประกอบด้วยประโยชน์ (ว่า -)

อนิกฺกสาโว กาสาวํ

โย วตฺถํ ปริทเหสฺสติ

อเปโต ทมสจฺเจน

น โส กาสาวมรหติ ฯ

ผู้ใดมีกิเลสดุจน้ำฝาดที่ยังคายไม่ออก 

ปราศจากทมะ (ความข่มใจ) และสัจจะ (ความสัจจริง)

จักนุ่งผ้ากาสาวะแล้วไซร้ 

ผู้นั้นหาควรที่จะนุ่งห่มผ้ากาสาวะไม่ 

โย จ วนฺตกสาวสฺส

สีเลสุ สุสมาหิโต

อุเปโต ทมสจฺเจน

ส เว กาสาวมรหติ ฯ

ส่วนผู้ใดคายกิเลสดุจน้ำฝาดออกแล้ว 

ดำรงอยู่ในศีลอย่างมั่นคง 

ประกอบด้วยทมะและสัจจะ 

ผู้นั้นสมควรแท้ที่จะนุ่งห่มผ้ากาสาวะ

(โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป)

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๒ ธันวาคม ๒๕๖๔

๑๕:๓๘

………………………………….

คำพยากรณ์สังฆมณฑล (๓)

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

………………………………….

คำพยากรณ์สังฆมณฑล (๑)

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *