เรียนบาลีแบบใช้งานในชีวิตประจำวัน (๐๐๑)
เรียนบาลีแบบใช้งานในชีวิตประจำวัน (๐๒๕)
เรียนบาลีแบบใช้งานในชีวิตประจำวัน (๐๒๕)
————————————–
ภะวะตุสัพ
ถึงเราจะไม่ได้สวดเอง แต่ก็ควรฟังออก
………
“ภะวะตุสัพ” เป็นคำบาลีที่ชาวพุทธคุ้นหูมากที่สุด แต่ก็มีลักษณะเหมือน “หญ้าปากคอก” มากที่สุดด้วย คือคุ้นมาก แต่รู้จักน้อย
“ภะวะตุสัพ” เป็นคำขึ้นต้นบทสวดที่ชื่อว่า “สัพพมงคลคาถา” หรือ “มังคลโสตถิคาถา” มักเรียกกันสั้นๆ เป็นเสมือนภาษาปากว่า “ภะวะตุสัพ” ข้อความเต็มๆ มีดังนี้ –
เขียนแบบบาลี:
…………………….
ภวตุ สพฺพมงฺคลํ
รกฺขนฺตุ สพฺพเทวตา
สพฺพพุทฺธานุภาเวน
สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต.
ภวตุ สพฺพมงฺคลํ
รกฺขนฺตุ สพฺพเทวตา
สพฺพธมฺมานุภาเวน
สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต.
ภวตุ สพฺพมงฺคลํ
รกฺขนฺตุ สพฺพเทวตา
สพฺพสงฺฆานุภาเวน
สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต.
…………………….
เขียนแบบคำอ่าน:
…………………….
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุภาเวนะ
สะทา โสตถี ภะวันตุ เต.
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะธัมมานุภาเวนะ
สะทา โสตถี ภะวันตุ เต.
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะสังฆานุภาเวนะ
สะทา โสตถี ภะวันตุ เต.
…………………….
แปลเป็นคำๆ:
สพฺพมงฺคลํ = อันว่าสรรพมงคล (มงคลทั้งปวง)
ภวตุ = จงมี
(เต = แก่ท่าน)
สพฺพเทวตา = อันว่าเทวดาทั้งปวง
รกฺขนฺตุ = จงรักษา
(ตํ = ซึ่งท่าน)
…………………….
ชวนสังเกตแทรก:
เต = แก่ท่าน
ตํ = ซึ่งท่าน
บาลีต่างกันตรงไหน
…………………….
สพฺพพุทฺธานุภาเวน
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง
โสตฺถี = อันว่าความสวัสดีทั้งหลาย
ภวนฺตุ = จงมี
เต = แก่ท่าน
สทา = ในกาลทุกเมื่อ
สพฺพมงฺคลํ = อันว่าสรรพมงคล (มงคลทั้งปวง)
ภวตุ = จงมี
(เต = แก่ท่าน)
สพฺพเทวตา = อันว่าเทวดาทั้งปวง
รกฺขนฺตุ = จงรักษา
(ตํ = ซึ่งท่าน)
สพฺพธมฺมานุภาเวน
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง
โสตฺถี = อันว่าความสวัสดีทั้งหลาย
ภวนฺตุ = จงมี
เต = แก่ท่าน
สทา = ในกาลทุกเมื่อ
สพฺพมงฺคลํ = อันว่าสรรพมงคล (มงคลทั้งปวง)
ภวตุ = จงมี
(เต = แก่ท่าน)
สพฺพเทวตา = อันว่าเทวดาทั้งปวง
รกฺขนฺตุ = จงรักษา
(ตํ = ซึ่งท่าน)
สพฺพสงฺฆานุภาเวน
ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง
โสตฺถี = อันว่าความสวัสดีทั้งหลาย
ภวนฺตุ = จงมี
เต = แก่ท่าน
สทา = ในกาลทุกเมื่อ
…………..
แปลรวม:
……………………….
ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน
ขอเหล่าเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง
ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง
ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อเทอญ
……………………….
โปรดสังเกตว่า –
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
……………………….
สะทา โสตถี ภะวันตุ เต.
จะมีซ้ำกันทั้ง ๓ บท
บทที่ต่างกันคือ
บทที่ ๑: สัพพะพุทธานุภาเวนะ
บทที่ ๒: สัพพะธัมมานุภาเวนะ
บทที่ ๓: สัพพะสังฆานุภาเวนะ
การมีบทซ้ำๆ กันเช่นนี้คิดได้ ๒ แง่
แง่หนึ่ง
(1) ซ้ำซาก
(2) น่าเบื่อหน่าย
(3) เสียเวลา
แง่หนึ่ง –
(1) เป็นการย้ำคำเพื่อให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง
(2) เป็นโอกาสเจริญสติได้มากขึ้น
(3) พิสูจน์ความอดทนทั้งของผู้สวดและของผู้ฟัง ชีวิตจริงมีสิ่งที่ต้องทนมากกว่านี้และหนักกว่านี้อีกหลายเท่า ถ้าแค่นี้ทนสวดไม่ได้ ทนฟังไม่ไหว แล้วจะไปทำอะไรได้
…………..
“ภะวะตุสัพ” เป็นบทสุดท้ายในจำนวนบทสวดต่างๆ ที่พระสงฆ์นำมาสวดในการเจริญพระพุทธมนต์หรือในพิธีอนุโมทนา
พอขึ้นบท “ภะวะตุสัพ” ชาวบ้านที่คุ้นกับการฟังพระสวดมนต์ก็จะรู้ว่าการสวดมนต์หรือการอนุโมทนากำลังจะจบ คือพอจบบท “ภะวะตุสัพ” ที่ลงท้ายว่า “ภะวันตุ เต” ก็เป็นอันจบ (มีบางกรณีที่พระจะขึ้นบท “นักขัตตะยักขะภูตานัง” ต่อจากบท “ภะวะตุสัพ” เป็นการปิดท้ายอีกทีหนึ่ง)
ต่อไปนี้ เมื่อได้ยินพระสวดบท “ภะวะตุสัพ” นอกจากจะรู้ว่าพระท่านสวดคำให้พรแล้ว เราคงพอจะรู้ความหมายของคำให้พรนั้นด้วย
คำแนะนำ:
เมื่อพระสวดถึงคำว่า “สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต” แปลว่า “ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ” ซึ่งมีซ้ำกัน ๓ เที่ยว ผู้ฟังควรน้อมมือประนมก้มศีรษะรับทั้ง ๓ เที่ยว เป็นการแสดงว่าเราตั้งใจฟังพรของพระและมีใจยินดีน้อมรับพรนั้น
คนส่วนมากจะนั่งประนมมือฟังเฉยๆ
พระพูดกับเราว่า “มีความสุขสวัสดีนะโยมนะ”
เราก็นั่งเฉย!!
ภาพออกมาเป็นแบบนั้น
เมื่อก่อนคงอ้างได้ว่า ก็พระสวดเป็นบาลี ฉันฟังไม่รู้เรื่องนี่
ตอนนี้พอรู้เรื่องบ้างแล้ว ยังจะนั่งประนมมือเฉยๆ เหมือนเดิมอีกไหม?
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔
๑๕:๕๒
…………………………….
เรียนบาลีแบบใช้งานในชีวิตประจำวัน (๐๒๖)
…………………………….
เรียนบาลีแบบใช้งานในชีวิตประจำวัน (๐๒๔)