อากิญจัญญายตนะ (บาลีวันละคำ 3,532)
อากิญจัญญายตนะ
อรูปพรหมชั้นที่สาม
อ่านว่า อา-กิน-จัน-ยา-ยะ-ตะ-นะ
“อากิญจัญญายตนะ” เขียนแบบบาลีเป็น “อากิญฺจญฺญายตน” อ่านว่า อา-กิน-จัน-ยา-ยะ-ตะ-นะ แยกศัพท์เป็น อากิญฺจญฺญ + อายตน
(๑) “อากิญฺจญฺญ”
อ่านว่า อา-กิน-จัน-ยะ รูปศัพท์เดิมคือ “อกิญฺจน” อ่านว่า อะ-กิน-จะ-นะ ประกอบรูปขึ้นจาก น + กิญฺจน
(ก) “น” บาลีอ่านว่า นะ เป็นศัพท์จำพวกนิบาต แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)
“น” เมื่อไปประสมกับคำอื่น มีกฎดังนี้ –
(1) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ให้แปลง น เป็น อ (อะ)
(2) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยสระ คือ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ให้แปลง น เป็น อน (อะ-นะ)
ในที่นี้ น + กิญฺจน “กิญฺจน” ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ จึงแปลง น เป็น อ
(ข) “กิญฺจน” อ่านว่า กิน-จะ-นะ รูปคำเดิมเป็น “กิญฺจิ” (กิน-จิ), มาจาก กึ (กิง, นิบาตบอกความถาม = อะไร) + จิ, แปลง อิ ที่ จิ เป็น ย แล้วแปลง ย เป็น น
: กิญฺจิ > กิญฺจย > กิญฺจน (กิน-จะ-นะ) (หรือจะว่า แปลง กิญฺจิ เป็น กิญฺจน ก็ได้) แปลว่า “อะไรบ้าง” หมายถึง บางสิ่งบางอย่าง, อะไรก็ได้ (something, anything)
: น + กิญฺจน = นกิญฺจน > อกิญฺจน (อะ-กิน-จะ-นะ) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ไม่มีอะไรเลย” หมายถึง ไม่มีอะไรเลย, ปราศจากกิเลสเครื่องกังวล (having nothing, being without a moral stain)
แปลง “อกิญฺจน” เป็น “อากิญฺจญฺญ” (อา-กิน-จัน-ยะ) ความหมายคงเดิม
(๒) “อายตน”
อ่านว่า อา-ยะ-ตะ-นะ รากศัพท์มาจาก –
(1) อา (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง) + ยตฺ (ธาตุ = พยายาม) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ)
: อา + ยตฺ = อายตฺ + ยุ > อน = อายตน (อา-ยะ-ตะ-นะ) แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่ผู้ต้องการผลพยายาม” (ผู้ต้องการผลอันใดอันหนึ่ง ไปลงมือพยายามทำกิจเพื่อผลนั้นในที่ใด ที่นั้นชื่อว่า “ที่เป็นที่ผู้ต้องการผลพยายาม”)
(2) อา (ผล)+ ตน (ธาตุ = ขยาย, แผ่ไป) + อ (อะ) ปัจจัย
: อาย + ตนฺ = อายตนฺ + อ = อายตน (อา-ยะ-ตะ-นะ) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ขยายผลของตนไป”
หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) แปล “อายตน” ว่า อายตนะ, ที่อยู่, ที่เกิด, ที่ประชุม, เหตุ, บ่อเกิด, เทวาลัย, เจดีย์, ลัทธิ
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายของ “อายตน” ไว้ดังนี้ –
(1) stretch, extent, reach, compass, region; sphere, locus, place, spot; position, occasion (ระยะ, เขต, ปริมณฑล, ดินแดน, ถิ่น, สถานที่, จุด; ตำแหน่ง, โอกาส)
(2) exertion, doing, working, practice, performance (ความพยามยาม, การกระทำ, การทำงาน, การปฏิบัติ, การประกอบ)
(3) sphere of perception or sense in general, object of thought, sense-organ & object; relation, order (ขอบเขตของความเข้าใจหรือความรู้สึกโดยทั่วๆ ไป, สิ่งที่คิดถึง, สิ่งที่รับรู้ และธรรมารมณ์; ความสัมพันธ์, ลำดับ)
ในที่นี้ “อายตน” ใช้ในความหมายตามข้อ (1)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ว่า –
“อายตนะ : (คำนาม) เครื่องรู้และสิ่งที่รู้ เช่น ตาเป็นเครื่องรู้ รูปเป็นสิ่งที่รู้, ในพระพุทธศาสนาหมายถึง จักษุ โสต ฆาน ชิวหา กาย ใจ เรียกว่า อายตนะภายใน เป็นเครื่องติดต่อกับอายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์. (ป., ส.).”
พึงทราบว่า ตามที่พจนานุกรมฯ บอกไว้นี้เป็นเพียงความหมายหนึ่งเท่านั้นของคำว่า “อายตน” ในบาลี
อากิญฺจญฺญ + อายตน = อากิญฺจญฺญายตน (อา-กิน-จัน-ยา-ยะ-ตะ-นะ) แปลว่า “ภูมิแห่งผู้บรรลุฌานกำหนดความไม่มีอะไรเป็นอารมณ์”
“อากิญฺจญฺญายตน” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อากิญจัญญายตนะ” (อา-กิน-จัน-ยา-ยะ-ตะ-นะ) คำนี้ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกความหมายคำว่า “อากิญจัญญายตนะ” ไว้ดังนี้ –
…………..
อากิญจัญญายตนะ : ฌานกำหนดภาวะที่ไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์, ภพของผู้เข้าถึงอากิญจัญญายตนฌาน (ข้อ ๓ ในอรูป ๔)
…………..
และที่คำว่า “อรูป” พจนานุกรมพุทธศาสน์ฯ มีคำอธิบายดังนี้ –
…………..
อรูป : ฌานมีอรูปธรรมเป็นอารมณ์ ได้แก่ อรูปฌาน, ภพของสัตว์ผู้เข้าถึงอรูปฌาน, ภพของอรูปพรหม มี ๔ คือ ๑. อากาสานัญจายตนะ (กำหนดที่ว่างหาที่สุดมิได้เป็นอารมณ์) ๒. วิญญาณัญจายตนะ (กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้เป็นอารมณ์) ๓. อากิญจัญญายตนะ (กำหนดภาวะที่ไม่มีอะไรๆ เป็นอารมณ์) ๔. เนวสัญญานาสัญญายตนะ (ภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่)
…………..
ขยายความ :
เพื่อให้เห็นที่มาของคำว่า “อากิญจัญญายตนะ” ชัดเจนขึ้น ขอนำคำอธิบายในคัมภีร์อรรถกถามาเสนอดังนี้ –
…………..
อากิญฺจญฺญายตนนฺติ เอตฺถ ปน …
ในคำว่า อากิญฺจญญายตน นี้ (มีคำอธิบายที่มาของชื่อ “อากิญจัญญายตนะ” ดังต่อไปนี้)
นาสฺส กิญฺจนนฺติ อกิญฺจนํ …
กิญจนะ (ความกังวล) ของผู้บรรลุฌานนั้นไม่มี เหตุนั้น ฌานนั้นจึงชื่อว่า อกิญจนะ (ไม่มีความกังวล)
อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ อสฺส อวสิฏฺฐํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ ฯ
อธิบายเพิ่มเติมว่า ฌานนั้นไม่มีอะไรๆ ที่ยังเหลืออยู่ ชั้นที่สุดแม้เพียงภังคขณะ (คือชั่วขณะที่จะดับไปก็ไม่ต้องพะวงถึง)
อกิญฺจนสฺส ภาโว อากิญฺจญฺญํ ฯ
ภาวะแห่งอกิญจนะ ชื่อว่า อากิญจัญญะ
อากาสานญฺจายตนวิญฺญาณาปคมสฺเสตํ อธิวจนํ ฯ
คำว่า “อากิญจัญญะ” นี้ เป็นชื่อของอากาสานัญจายตนฌานที่ปราศจากวิญญาณ (หมายความว่า วิญญาณัญจายตนฌาน ยังพิจารณาวิญญาณเป็นอารมณ์ พอมาถึงอากาสานัญจายตนฌานเปลี่ยนมาพิจารณาอากาศเป็นอารมณ์ จึงเรียกว่า “อากาสานัญจายตนฌานที่ปราศจากวิญญาณ”)
ตํ อากิญฺจญฺญํ อธิฏฺฐานฏฺเฐน อายตนมสฺสาติ อากิญฺจญฺญายตนํ …
อากิญจัญญะนั้นเป็นอายตนะแห่งฌานนั้น โดยคำว่า “อายตนะ” มีความหมายว่าเป็นที่ตั้งมั่น (หรือเป็นที่คงอยู่) ด้วยเหตุผลดังว่านี้ จึงชื่อว่า “อากิญจัญญายตนะ” (อากิญฺจญฺญ + อายตน; มีความหมายว่า ภูมิแห่งผู้ได้ฌานระดับที่ไม่มีความกังวลใดๆ เหลืออยู่)
อากาเส ปวตฺติตวิญฺญาณาปคมารมฺมณชฺฌานสฺเสตํ อธิวจนํ ฯ
คำว่า “อากิญจัญญายตนะ” นี้ เป็นชื่อของฌานที่เป็นไปในความว่างเปล่า ซึ่งมีความปราศจากวิญญาณเป็นอารมณ์
ตํ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส ตาย วิญฺญาณญฺจายตนสญฺญาย จิตฺตํ วิวิตฺตํ ฯ
ผู้บรรลุอากิญจัญญายตนฌานมีจิตสงัดจากวิญญานัญจายตนสัญญา (คือล่วงพ้นจากระดับวิญญานัญจายตนฌานไปแล้ว
ที่มา: สัทธัมมปัชโชติกา อรรถกถามหานิทเทส (คุหฏฺฐกสุตฺตนิทฺเทสวณฺณนา) หน้า 139-140
…………..
สญฺญคฺคนฺติ อากิญฺจญฺญายตนํ วุจฺจติ ฯ
อากิญจัญญายตนะ เรียกว่า สัญญัคคะ (แปลว่า ที่สุดแห่งสัญญา หรือยอดสัญญา; สัญญา = ความจำได้หมายรู้)
กสฺมา ฯ
เพราะเหตุอะไร?
โลกิยานํ กิจฺจการิกสมาปตฺตีนํ อคฺคตฺตา ฯ
เพราะเป็นองค์ที่สุดแห่งสมาบัติที่มีหน้าที่ทำกิจในระดับโลกิยะ
อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติยํ หิ ฐตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํปิ นิโรธํปิ สมาปชฺชนฺติ ฯ
ทั้งนี้เพราะผู้ดำรงอยู่ในอากิญจัญญายตนสมาบัติแล้วย่อมเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติบ้าง นิโรธสมาบัติบ้าง
(หมายความ บรรดาฌานในระดับโลกิยะ อากิญจัญญายตนะเป็นฌานสุดท้ายที่ยังมีกิจที่จะต้องทำ คือยังต้องพิจารณาอากาศบ้าง วิญญาณบ้าง เป็นอารมณ์ แต่พอมาถึงอากิญจัญญายตนฌาน ไม่ต้องมีอะไรเป็นอารมณ์ให้พิจารณา จึงเรียกว่าเป็น สัญญัคคะ)
อิติ สา โลกิยานํ กิจฺจการิกสมาปตฺตีนํ อคฺคตฺตา สญฺญคฺคนฺติ วุจฺจติ ฯ
อากิญจัญญายตนสมาบัตินั้นเรียกว่า สัญญัคคะ เพราะเป็นองค์ที่สุดแห่งสมาบัติที่มีหน้าที่ทำกิจในระดับโลกิยะ ด้วยประการฉะนี้
ที่มา: สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย ภาค 1 หน้า 509 (โปฏฺฐปาทสุตฺตวณฺณนา)
…………..
หมายเหตุ: คำอธิบายจากคัมภีร์ที่ยกมาเสนอในที่นี้ ขอให้ถือว่าเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น แม้จะเข้าใจยากหรืออ่านไม่รู้เรื่องเลย ก็ยังเป็นประโยชน์ด้วยเหตุผลที่ว่า-มีข้อมูลหลักฐานที่มีผู้นำมาวางไว้ตรงนี้ เมื่อมีโอกาสที่จะศึกษาตรวจสอบอีกในภายหลัง จะได้อาศัยข้อมูลนี้เป็นพื้นฐานก้าวไปสู่ข้อมูลอื่นๆ อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจที่กว้างขวางขึ้นไปอีก
…………..
“อากิญจัญญายตนะ” จัดอยู่ในภูมิที่เรียกว่า “อรูปาวจรภูมิ” ชั้นของพรหมผู้ท่องเที่ยวอยู่ในอรูป หรือชั้นของพวกที่ได้อรูปฌาน คือที่เรียกรวมว่า “อรูปพรหม” และเป็นอรูปพรหมชั้นที่สาม
ภูมิของอรูปพรหมมี 4 ระดับ คือ อากาสานัญจายตนภูมิ วิญญาณัญจายตนภูมิ อากิญจัญญายตนภูมิ เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
…………..
ดูก่อนภราดา!
: มีมาก ทุกข์มาก
: มีน้อย ทุกข์น้อย
: ไม่มีอะไรเลย ไม่ทุกข์อะไรเลย
#บาลีวันละคำ (3,532)
12-2-65
…………………………….