อริยวินัย
อริยวินัย
———
“อริยวินัย” หรืออารยวินัย เป็นคำที่มีใช้ในคัมภีร์ หมายถึงพระสัทธรรมคำสอนทั้งมวลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันจำแนกเป็นพระธรรมและพระวินัย กล่าวโดยความหมาย “อริยวินัย” ก็คือแบบแผนของพระอริยะ หรือระบบชีวิตหรือระบบการฝึกฝนอบรมของอารยชนนั่นเอง
ลักษณะเด่นของอริยวินัย คือ
(๑) ควบคุมตนด้วยตนเอง ความชั่วจะมีใครรู้เห็นหรือไม่รู้เห็น ก็ไม่ทำ ความดีจะมีใครรู้เห็นหรือไม่รู้เห็น ก็ทำ บุคคลอื่นและสิ่งแวดล้อมเป็นเพียงส่วนประกอบหรือส่วนเสริม
(๒) อริยวินัยเป็นระบบที่ให้เกียรติมนุษย์ด้วยกันอย่างยิ่ง เป็นระบบที่หวังว่าผู้เข้ามาเป็นสมาชิกของระบบย่อมเป็นบุคคลที่มีเกียรติ รู้จักผิดชอบชั่วดีได้ด้วยตนเอง กล้าที่จะเปิดเผยตัวเอง ยอมรับผิดได้ด้วยตัวเอง
(๓) ในระบบอริยวินัย ไม่มีกลไกตรวจจับผิดแบบตำรวจไล่จับผู้ร้าย หรือซุ่มซ่อนสอดแนมดูว่าใครละเมิดกฎ เพราะให้เกียรติสมาชิกของระบบว่า-เมื่อรู้ว่าอะไรผิดย่อมไม่ทำ จึงไม่จำเป็นต้องมีการจ้องจับผิดกัน และคนทำผิดย่อมจะเปิดเผยตัวเองไม่ต้องรอให้ใครโจท
(๔) ในระบบอริยวินัย ไม่มีการลงโทษด้วยวิธีทารุณกรรม เช่น เฆี่ยนตี ทรมาน หรือจำขัง หรือแม้แต่ประจานความผิดให้ได้อาย การลงโทษในอริยวินัยใช้วิธี “ทัณฑกรรม”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกไว้ว่า –
“ทัณฑกรรม : การลงอาชญา, การลงโทษ; ในที่นี้ หมายถึงการลงโทษสามเณรคล้ายกับการปรับอาบัติภิกษุ ได้แก่ กักบริเวณ ห้ามไม่ให้เข้า ห้ามไม่ให้ออกจากอาราม หรือการใช้ตักน้ำ ขนฟืน ขนทราย เป็นต้น”
การลงโทษแบบทัณฑกรรมอาจสรุปได้ ๒ วิธี คือ –
(๑) ให้ทำงานหรือทำประโยชน์แก่ส่วนรวมเพิ่มขึ้นจากหน้าที่ปกติ
(๒) ตัดสิทธิ์หรือระงับสิทธิ์บางอย่างเป็นการชั่วคราว เช่น ถึงลำดับที่จะได้รับนิมนต์ก็ให้ข้ามลำดับไปเป็นต้น
ทัณฑกรรม มิใช่ใช้ลงโทษแก่สามเณรเท่านั้น แม้พระภิกษุก็อาจถูกสงฆ์หรือพระอุปัชฌาย์อาจารย์ลงทัณฑกรรมได้เช่นกัน สมัยผมเป็นเด็กวัด เคยเห็นหลวงพ่อลงทัณฑกรรมพระลูกวัดรูปหนึ่งด้วยการให้ไป “ล้างถาน” คือทำความสะอาดส้วม!
เจตนาของทัณฑกรรมในอริยวินัยก็คือ เพื่อจะให้รู้สึกถึงความผิด ไม่ใช่กลั่นแกล้งประสงค์ร้าย
…………………..
อุปสรรคหรืออันตรายของระบบอริยวินัยก็คือ บุคคลประเภท “ทุมมังกุ”
“ทุมมังกุ” แปลตามศัพท์ว่าว่า “เก้อ ยาก” หมายถึง หน้าด้าน ไม่รู้จักอาย
ในพระไตรปิฎกส่วนพระวินัย จะพบข้อความที่แสดงวัตถุประสงค์หรือเจตนารมณ์ของการบัญญัติสิกขาบท (ศีล) ของภิกษุว่ามี ๑๐ ประการ
๑ ใน ๑๐ ประการนั้นคือ “ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหาย = เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก”
ในพระไตรปิฎกมีกล่าวไว้ว่า แต่เดิมพระพุทธเจ้าทรงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุสงฆ์ด้วยพระองค์เอง ต่อมาถึงวันอุโบสถคราวหนึ่ง พระสงฆ์ประชุมกันพร้อมแล้ว แต่พระองค์ไม่เสด็จมาเข้าร่วมประชุม ตรัสว่า “บริษัทไม่บริสุทธิ์” (คือมีภิกษุอลัชชีอยู่ในที่ประชุมสงฆ์นั้นด้วย)
ร้อนถึงพระมหาโมคคัลลานะอัครสาวกผู้เลิศในทางฤทธิ์ ตรวจดูจนพบตัวอลัชชีผู้นั้น ท่านขอร้องแต่โดยดีถึง ๓ ครั้งให้ออกไปเสีย แต่ภิกษุอลัชชีนั้นกลับนั่งนิ่งเฉย ในที่สุดพระมหาโมคคัลลานะต้อง “ใช้กำลัง” จับตัวออกไปจากที่ประชุม
ตั้งแต่บัดนั้นมา พระพุทธเจ้าก็มิได้ทรงเข้าร่วมอุโบสถสังฆกรรมกับภิกษุสงฆ์อีกเลย
(ดูรายละเอียดใน วินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๒ พระไตรปิฎกเล่ม ๗ ข้อ ๔๔๘)
ปัจจุบันถ้ามีกรณีเช่นนี้หรือทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้น เราจะได้บุคคลเช่นพระมหาโมคคัลลานะมาแต่ไหน หรือว่าใครควรจะทำหน้าที่แบบพระมหาโมคคัลลานะ?
……………….
อริยวินัย นอกจากจะมีลักษณะเด่นดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้นแล้ว ลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นระบบที่ใช้วัดใจสมาชิกได้ด้วยตัวเองว่า รักพระศาสนามากกว่า หรือว่ารักตัวเองมากกว่า
(๑) สมมุติว่า อยู่มาวันหนึ่ง มีพระเถระระดับบิ๊กในวงการสงฆ์ลุกขึ้นมาประกาศว่า อาตมาต้องอาบัติถึงอันติมวัตถุ จึงขอลาจากเพศสงฆ์ไป ณ บัดนี้
อะไรจะเกิดขึ้น?
(๒) กรณีเช่นที่สมมุตินี้ถ้าเกิดขึ้นจริง มีไหมที่จะมีคนออกมาบอกว่า-ไปบอกสังคมทำไม อยู่ไปเฉยๆ จะมีใครรู้อะไร ทำไมโง่อย่างนี้ ฯลฯ
กรณีในข้อ (๑) คงยากมากที่จะเกิดขึ้น
แต่กรณีในข้อ (๒) คาดว่าจะมีมากทีเดียว
……………….
สมัยเป็นเด็กวัดหนองกระทุ่ม อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี (๒๔๙๖-๒๕๐๐) ผมจำได้แม่นว่า มีพระรูปหนึ่งต้องอาบัติปฐมสังฆาทิเสส ท่านบอกแก่เพื่อนพระด้วยกัน เรื่องถึงหลวงปู่ (พระครูขันตยาภิรัต ป๋อง) หลวงปู่เรียกประชุมสงฆ์ สงฆ์ดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการในการออกจากอาบัติสังฆาทิเสส
ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรหรอก รู้แต่ว่าหลวงปู่สั่งให้หลวงพี่รูปนั้นไปอยู่ที่ศาลาปรกข้างป่าช้า อยู่รูปเดียวเหมือนถูกขังเดี่ยว มีพระหรือเณรเอาข้าวเช้าข้าวเพลไปส่งเท่านั้น ห้ามใครไปยุ่ง ยังเห็นภาพติดตามาจนถึงทุกวันนี้
แทนที่จะมีคนรังเกียจ กลับตรงกันข้าม มีแต่เสียงสรรเสริญว่า ท่านเป็นพระที่ซื่อตรงต่อพระธรรมวินัย
ผมไม่แน่ใจว่าชาววัดหนองกระทุ่มรุ่นหลังๆ รู้หรือจำเรื่องนี้กันได้บ้างหรือเปล่า
เสียดายที่ผมจำชื่อหลวงพี่รูปนั้นไม่ได้ แต่ยังระลึกถึงและนับถืออยู่จนทุกวันนี้ ไม่เคยลืมเลย
อริยวินัยเจริญรุ่งเรืองได้เพราะมีสมาชิกที่ซื่อตรงต่อพระธรรมวินัยแบบนี้
………………………………..
หมายเหตุ: มีศัพท์วิชาการ ๒ คำที่ไม่ได้แปล คือ “อันติมวัตถุ” และ “ปฐมสังฆาทิเสส” ผมเจตนาที่จะไม่แปลและไม่บอกความหมาย เพราะอยากให้ญาติมิตรที่อ่านเรื่องนี้มีอุตสาหะที่จะศึกษาสืบค้นหาความรู้ด้วยตัวเองบ้าง เป็นการขึ้นบันไดขั้นต้นในการช่วยกันรักษาพระศาสนา
………………………………..
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๓๐ เมษายน ๒๕๖๕
๑๗:๓๗
……………………………………..
อริยวินัย
…………………………………….