บาลีวันละคำ

ปริวาส (บาลีวันละคำ 415)

ปริวาส

บาลีอ่านว่า ปะ-ริ-วา-สะ ไทยอ่านว่า ปะ-ริ-วาด

ประกอบด้วย ปริ (รอบ) + วาส (การอยู่, การพักแรม) = ปริวาส

ปริวาส” มีความหมายว่า การอยู่ค้างคืน, การอยู่แรมคืน; เป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการที่ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสจะต้องประพฤติเพื่อให้พ้นผิด เรียกว่า “อยู่ปริวาส” คำเก่าเรียก “อยู่กรรม” (ทำในกรณีที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้ โดยต้องอยู่ปริวาสตามจำนวนวันที่ปกปิด)

อาบัติสังฆาทิเสสมีฐานความผิด 13 กรณี เช่น สำเร็จความใคร่ถึงน้ำกามหลั่ง เป็นต้น เป็นอาบัติหนักรองจากปาราชิก ยังไม่ขาดจากความเป็นพระ แต่จะพ้นผิดได้โดยให้สงฆ์ลงโทษแบบอารยชน เช่น

– อยู่ร่วมที่กับภิกษุอื่นไม่ได้ ต้องแยกบริเวณอยู่ต่างหาก (ซึ่งเป็นความหมายของคำว่า “ปริวาส”)

– ถูกตัดสิทธิ์ เช่นถูกตัดออกจากลำดับการรับนิมนต์ (ทำนองเดียวกับ เว้นวรรคทางการเมือง)

– ลดฐานะตัวเอง เช่น ถ้าเป็นพระผู้ใหญ่ ก็ต้องไปนั่งท้ายแถว, รับไหว้จากพระด้วยกันไม่ได้

– ประจานตัว เช่น ถ้ามีพระอาคันตุกะเข้ามาในวัด พระที่อยู่ปริวาสต้องไปรายงานตัวว่า ตนต้องอาบัติหนัก อยู่ในระหว่างถูกลงโทษ

ในคัมภีร์ “ปาริวาสิกขันธกะ” วินัยปิฎก ซึ่งเป็นเรื่องการอยู่ปริวาสโดยเฉพาะ ไม่ได้แสดงไว้ว่าภิกษุทั่วไปอยู่ปริวาสกันได้ด้วย

อยู่ปริวาส” เป็นการลงโทษพระที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อความบริสุทธิ์ของภิกษุทั่วไป ดังที่บางแห่งนิยมจัดเป็นกิจกรรมบุญกันในสมัยนี้

: นักเรียนทำผิด ครูสั่งให้วิ่งรอบสนาม 3 รอบเป็นการลงโทษ

: นักเรียนที่ไม่ได้ทำผิดเห็นว่าการวิ่งเป็นการออกกำลัง ทำให้ร่างกายแข็งแรง ก็เลยขอวิ่งด้วย

หรือว่าจะเข้าใจแบบนี้ ?

—————–

(เนื่องมาจากคำถามของ Sompong Duangsawai)

บาลีวันละคำ (415)

4-7-56

ปริวาส

(Sompong Duangsawai ๒๙ มิ.ย.๕๖)

รอโพสต์

ความคิดความเข้าใจของคุณ Suttichat Suttichat ทำให้ต้องตั้งคำถามว่า

๑ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วไม่รู้ว่าต้องอาบัติ มีได้หรือไม่

พูดเชิงเปรียบก็เหมือนกับว่า คนไปฆ่าเขาตายแล้วยังไม่รู้ว่าตัวทำผิด มีไหม

๒ การอยู่ปริวาสเพราะต้องอาบัติสังฆาทิเสสนั้น ใช้ในกรณีที่ต้องอาบัติแล้วปิดไว้ ภายหลังจึงมาบอกแก่ภิกษุอื่น (อาจเพราะละอายใจหรือเพราะเหตุใดๆ ก็ตาม) ปิดไว้กี่วัน ก็ต้องอยู่ปริวาสไปเท่าจำนวนวันที่ปิด

ถ้าคิดว่าใช้วิธีรวมๆ เอาไว้แล้วไปอยู่ปริวาสเสียทีเดียวเช่นนั้นถูกต้อง ก็จะต้องอยู่ปริวาสติดต่อกันเป็นปีจึงจะเท่าจำนวนวันที่ปิด ตัวอย่างเช่นในกรณีข้อ ๑ ภิกษุสำเร็จความใคร่ แล้วเพิ่งรู้ว่าต้องอาบัติสังฆาทิเสสเอาเมื่อล่วงไป ๓ ปี อย่างนี้ก็ต้องอยู่ปริวาสติดต่อกัน ๓ ปีจึงจะคุ้มวันที่ปิดไว้

วาส (บาลี-อังกฤษ)

๑ มีชีวิตอยู่, การพักแรม, ชีวิต

๒ บ้าน, เรือน, ที่อยู่

๓ สถานะ, สภาวะ,

๔ (คุณ) พักอยู่, ดำรงอยู่, อาศัยอยู่, ใช้เวลา

ปริวาส

๑ การพักแรม, การอยู่ชั่วคราว sojourn; stay, (in phrase vipassanā˚)*

๒ เวลาที่อยู่ปริวาส, การพิสูจน์ตนเอง period under probation, (living under) probation

๓ ระยะ, เวลา, การพักอยู่, ช่วงเวลา, ระยะเวลา period, time (lit. stay), interval, duration

*วิปสฺสนาปริวาสตฺถาย เพื่อต้องการอบรมวิปัสสนา

รูปนันทาเถรีวัตถุ (๑๒๒) ธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๕ หน้า ๑๐๖

กิเลเส  ปน  วิกฺขมฺเภตฺวา  วิปสฺสนาปริวาสํ  มคฺคปาตุภาวํ  สณิกํ  กุรุมานา

แต่ครั้นข่มกิเลสได้แล้ว ค่อยๆ ทำการข่ม (บ่ม?) วิปัสสนาไปให้มรรคปรากฏ

วิสุทธิมรรค ภาค ๓ หน้า ๓๑๔ – ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธินิเทส แปล ภาค ๓ ตอน ๒ หน้า ๑๙๗

ตตฺถ  โย  อาทิโต  กิเลเส  วิกฺขมฺภนฺโต  ทุกฺเขน  สสงฺขาเรน 

สปฺปโยเคน  กิลมนฺโต  วิกฺขมฺเภติ ฯ  ตสฺส  ทุกฺขาปฏิปทา  โหติ ฯ 

โย  ปน  วิกฺขมฺภิตกิเลโส  วิปสฺสนาปริวาส  วสนฺโต  จิเรน 

มคฺคปาตุภาว  ปาปุณาติ ฯ  ตสฺส  ทนฺธาภิฺา  โหติ ฯ อิติ 

โย โกจิ วาโร ทุกฺขาปฏิปโท ทนฺธาภิฺโติ (๑)  นาม กโต ฯ 

พึงทราบวินิจฉัยในคำเป็นต้นว่า  ทุกขาปฏิปทา  นั้นต่อไป.

โยคาจรบุคคลใด เมื่อข่มกิเลสทั้งหลายตั้งแต่เริ่มต้น ลำบากอยู่ด้วยการขวนขวายพร้อมกับสังขารอันยากเข็ญ จึงข่มไว้ได้ ปฏิปทาของท่านนั้นเป็นทุกขาปฏิปทา

ส่วนโยคาวจรบุคคลใดมีกิเลสข่มไว้แล้ว เมื่ออบรมวิปัสสนาอยู่ โดยกาลนานจึงถึงความปรากฏแห่งมรรค

การตรัสรู้ของท่านนั้นเป็น ทันธาภิญญา.

ด้วยประการตามที่กล่าวแล้ว วาระอย่างใดอย่างหนึ่งชื่อว่า ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ดังนี้เป็นต้น ท่านอธิบายไว้แล้ว.

ปริคฺคหิตรูปารูปสฺส  ปน  วิปสฺสนาปริวาเส  มคฺคปาตุภาวทนฺธตาย  

ทนฺธาภิฺา นาม โหติ ฯ 

ส่วนโยคาวจรบุคคลใดมีรูปและอรูปกำหนดได้แล้วในการเจริญวิปัสสนา เพราะความชักช้าแห่งความปรากฏของมรรค อภิญญาของโยคาวจรบุคคลนั้นจึงชื่อว่า ทันธาภิญญา.

ววฏฺาปิเต  จ  นามรูเป  วิปสฺสนาปริวาส  วสนฺโต  จิเรน  มคฺค อุปฺปาเทตุ สกฺโกติ ฯ 

ตสฺสาปิ ทุกฺขาปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นาม โหติ ฯ 

และเมื่อกำหนดแยกนามรูปได้แล้วเจริญวิปัสสนาอยู่โดยกาลนานจึงสามารถให้มรรค

เกิดขึ้นได้  ปฏิปทาของท่านแม้นั้นจึงเป็น ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา.

ปจฺจเย  จ  ปริคฺคเหตฺวา  วิปสฺสนาปริวาส  วสนฺโต  จิเรน มคฺค 

อุปฺปาเทติ เอวปิ ทุกฺขาปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นาม โหติ ฯ 

ครั้นกำหนดปัจจัยแทงตลอดลักษณะได้แล้วเจริญวิปัสสนาอยู่โดยกาลนานจึงยัง

มรรคให้เกิดขึ้น แม้ด้วยอาการอย่างนี้ก็ชื่อว่า ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา.

ปฏิวิทฺธลกฺขโณ  จ  วิปสฺสนาปริวาส  วสนฺโต  จิเรน มคฺค  อุปฺปาเทติ  เอวปิ 

ทุกฺขาปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นาม โหติ ฯ 

และท่านที่มีลักษณะอันแทงตลอดแล้วเจริญวิปัสสนาอยู่โดยกาลนานจึงยังมรรคให้เกิด

แม้ด้วยอาการอย่างนี้ก็ชื่อว่า ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา.

นิกนฺติฺจ  ปริยาทิยิตฺวา  วิปสฺสนาปริวาส  วสนฺโต  จิเรน  มคฺค  อุปฺปาเทติ 

เอวปิ  ทุกฺขาปฏิปทา  ทนฺธาภิฺา  นาม  โหติ ฯ

ครั้นครอบงำนิกันติได้แล้วเจริญวิปัสสนาอยู่ โดยกาลนานจึงยังมรรคให้เกิด

แม้ด้วยอาการอย่างนี้ก็ชื่อว่า ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา.

อัฏฐสาลินี จิตตุปปาทกัณฑ์ โลกุตตรกุสลวัณณนา หน้า ๔๒๒-๔๒๔

พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล เล่ม ๗๕ หน้า ๖๐๔-๖๐๕

probation (สอ เสถบุตร)

การทดลองดูความสามารถ, เพื่อทดลอง, พิสูจน์

probationer

๑ ผู้อยู่ในระหว่างการทดลองก่อนบวช อาจเป็นหญิงหรือชาย ในศาสนาคริสต์

๒ นักโทษในระหว่างทดลองความประพฤติ ก่อนได้ปล่อย

ปริวาส ป.(พจนานุกรมศัพท์บาลี)

ปริวาส, การอยู่แรมคืนเพื่อออกจากอาบัติ

ปริวาส (ประมวลศัพท์)

การอยู่ชดใช้ เรียกสามัญว่า อยู่กรรม, เป็นชื่อวุฏฐานวิธี (ระเบียบปฏิบัติสำหรับออกจากครุกาบัติ) อย่างหนึ่ง ซึ่งภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้ จะต้องประพฤติเป็นการลงโทษตนเองชดใช้ให้ครบเท่าจำนวนวันที่ปิดอาบัติ ก่อนที่จะประพฤติมานัตอันเป็นขั้นตอนปกติของการออกจากอาบัติต่อไป, ระหว่างอยู่ปริวาส ต้องประพฤติวัตรต่างๆ เช่น งดใช้สิทธิบางอย่าง ลดฐานะของตน และประจานตัวเป็นต้น; ปริวาส มี ๓ อย่าง คือ ปฏิจฉันนปริวาส สโมธานปริวาส และ สุทธันตปริวาส; มีปริวาสอีกอย่างหนึ่งสำหรับนักบวชนอกศาสนา จะต้องประพฤติก่อนที่จะบวชในพระธรรมวินัย เรียกว่า ติตถิยปริวาส ซึ่งท่านจัดเป็น อปฏิจฉันนปริวาส

ปริวาส

  [ปะริวาด] น. การอยู่ค้างคืน, การอยู่แรมคืน; ชื่อกรรมที่ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสต้องประพฤติ. (ป.).

อยู่กรรม, อยู่ปริวาส

  ก. อยู่ปฏิบัติปริวาสกรรมให้ครบตามวันที่กำหนด (ใช้แก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส), เข้าปริวาส หรือ เข้าปฏิวาสกรรม ก็ว่า.

กิจวัตร ๑๐ อย่างของภิกษุ

๑.ลงอุโบสถ

๒.บิณฑบาตเลี้ยงชีพ

๓.สวดมนต์ไหว้พระ

๔.กวาดอาวาสวิหารลานพระเจดีย์

๕.รักษาผ้าครอง

๖.อยู่ปริวาสกรรม*

๗.โกนผมปลงหนวดตัดเล็บ

๘.ศึกษาสิกขาบทและปฏิบัติพระอาจารย์

๙.เทศนาบัติ

๑๐.พิจารณาปัจจเวกขณะทั้ง ๔ เป็นต้น

กิจวัตร ๑๐ เหล่านี้เป็นกิจใหญ่  ควรที่ภิกษุจะต้องศึกษาให้ทราบความชัด และจำไว้เพื่อปฏิบัติสมควรแก่สมณสารูปแห่งตน

ภิกฺขูสุ  ปริวสนฺตีติ  เตเนว  ติตฺถิยปริวาสํ  วสนฺติ  น  อาปตฺติปริวาสํ.  อปริปุณฺณวสฺสตฺตา  ปน  ภิกฺขุภาวํ  ปฏฺฐยมานา  วสนฺติ.

ด้วยสองบทว่า   ภิกฺขูสุ  ปริวสนฺติ  ความว่า สามเณรทั้งสองอยู่ปริวาสอย่างเดียรถีย์ หาใช่อยู่ปริวาสเพื่อพ้นอาบัติไม่ แต่เพราะมีอายุยังไม่บริบูรณ์ สามเณรทั้งสองจึงอยู่ (ปริวาส เพราะ) ปรารถนาความเป็นภิกษุ (= อยู่ปริวาสเพื่อรอบวช)

สุมังคลวิลาสินี ภาค ๑ หน้า ๗๑ (อรรถกถาอัคคัญญสูตร)

ดูโพสในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย