สุโข ไม่ใช่ สุขโข (บาลีวันละคำ 3,804)
สุโข ไม่ใช่ สุขโข
หญ้าปากคอกอีกคำหนึ่ง
“สุโข” อ่านว่า สุ-โข รูปคำเดิมเป็น “สุข” อ่านว่า สุ-ขะ รากศัพท์มาจาก –
(1) สุ (คำอุปสรรค = ดี, งาม, สะดวก) + ขมฺ (ธาตุ = อดทน, อดกลั้น) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ ม ที่สุดธาตุ
: สุ + ขมฺ = สุขมฺ + กฺวิ = สุขมกฺวิ > สุขม > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ทนได้ง่าย”
(2) สุ (ดี, งาม, สะดวก) + ขนฺ (ธาตุ = ขุด) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ น ที่สุดธาตุ
: สุ + ขนฺ = สุขนฺ + กฺวิ = สุขนกฺวิ > สุขน > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ขุดความทุกข์ด้วยดี”
(3) สุ (ดี, งาม, สะดวก) + ขาทฺ (ธาตุ = เคี้ยวกิน) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ ท ที่สุดธาตุ, ลดเสียง อา ที่ ขา-(ทฺ) เป็น อะ
: สุ + ขาทฺ = สุขาทฺ + กฺวิ = สุขาทกฺวิ > สุขาท > สุขา > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่เคี้ยวกินความทุกข์ด้วยดี”
(4) สุขฺ (ธาตุ = สุขสบาย) + อ (อะ) ปัจจัย
: สุขฺ + อ = สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ยังบุคคลให้สุขสบาย”
(5) สุ (ง่าย, สะดวก) + ข (โอกาส)
: สุ + ข = สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ให้โอกาสได้ง่าย”
“สุข” เราแปลทับศัพท์กันจนอาจจะไม่เคยคิดว่าหมายถึงอะไร
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สุข” ไว้ดังนี้ –
(1) agreeable, pleasant, blest (เป็นที่พอใจ, รื่นรมย์, ได้รับพร)
(2) wellbeing, happiness, ease (ความผาสุก, ความสุข, ความสบาย)
(3) ideal, success (อุดมคติ, ความสำเร็จ)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สุข, สุข- : (คำนาม) ความสบายกายสบายใจ เช่น ขอให้อยู่ดีมีสุข เกิดมาก็มีสุขบ้างทุกข์บ้าง, มักใช้เข้าคู่กับคำ เป็น เช่น ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้เป็นสุข ๆ นะ. (คำวิเศษณ์) สบายกายสบายใจ เช่น เดี๋ยวนี้เขาอยู่สุขสบายดี. (ป., ส.).”
“สุข” ในบาลี ถ้าใช้เป็นคำนาม เป็นนปุงสกลิงค์ ถ้าใช้เป็นขยายคำนามหรือคำวิเศษณ์ (บาลีเรียก “วิเสสนะ”) เปลี่ยนลิงค์ไปตามคำนามที่ตนขยาย
– เป็น “สุโข” เช่น สุโข ปุญญสฺส อุจฺจโย = การสั่งสมบุญนำสุขมาให้
– เป็น “สุขา” เช่น สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี = ความพร้อมเพรียงของหมู่ ให้เกิดสุข
– เป็น “สุขํ” เช่น อพฺยาปชฺฌํ สุขํ โลเก = ความไม่เบียดเบียนเป็นสุขในโลก
คำที่มาจาก “สุข” ที่คุ้นปากคนไทยคำหนึ่งคือ “สุโข” แต่เมื่อพูดเป็นไทยๆ มักมีผู้เขียนเป็น “สุขโข” โดยเข้าใจว่าเป็นคำว่า สุข + โข
คำว่า “โข” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“โข : (ภาษาปาก) (คำวิเศษณ์) มาก. (กร่อนมาจาก อักโข ซึ่งตัดมาจาก อักโขภิณี).”
ที่คำว่า “อักโข” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อักโข : (คำวิเศษณ์) มาก, หลาย. (ตัดมาจาก อักโขภิณี).”
“อักโขภิณี” เขียนแบบบาลีเป็น “อกฺโขภิณี” แปลตามศัพท์ว่า “กองทัพที่ไม่อาจให้หวั่นไหวได้”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อกฺโขภิณี” ว่า one of the highest numerals [1 followed by 42 ciphers] (เลขที่สูงสุดตัวหนึ่ง [1 ตามด้วยเลขศูนย์ 42 ตัว])
ในภาษาไทย ศัพท์นี้ใช้เป็น “อักโขภิณี” และ “อักโขเภณี”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อักโขภิณี, อักโขเภณี : (คำนาม) จํานวนนับอย่างสูง คือ ๑ มีศูนย์ตาม ๔๒ ตัว; กองทัพอินเดียโบราณที่มีกระบวนรบพร้อมมูลตามกําหนด; ใช้ว่า อักเษาหิณี ก็มี. (ป.; ส. อกฺเษาหิณี).”
คำนี้ภาษาไทยนิยมใช้ตามรูปบาลีคือ “อักโขภิณี” และเมื่อใช้กันนานเข้าก็ตัดคำลงไปเหลือเพียง “อักโข”
เท่านั้นยังไม่พอ จาก “อักโข” กร่อนลงไปอีก เหลือเพียง “โข” พยางค์เดียวและกลายเป็นภาษาปากไปในที่สุด
สรุปว่า :
“โข” กร่อนมาจาก “อักโข”
“อักโข” ตัดมาจาก “อักโขภิณี”
“อักโขภิณี” บาลีเป็น “อกฺโขภิณี” หมายถึง ตัวเลขหรือจำนวนที่มากมายมหาศาล
เพราะฉะนั้น ถ้าเขียนเป็น “สุขโข” ก็อาจอธิบายได้ว่า มาจาก สุข + โข หมายความว่า มีความสุขมาก
แต่ข้อสำคัญอยู่ที่-ผู้เขียนควรรู้ว่าตนกำลังเขียนคำบาลี หรือกำลังเขียนคำที่เป็นภาษาปากแบบไทยๆ
อย่างไรก็ตาม “สุโข” (ข ไข่ ตัวเดียว) แบบบาลีก็มีความหมายไม่ต่างไปจาก “สุขโข” (ข ไข่ สองตัว) ที่เป็นภาษาปาก แต่ที่สำคัญก็คือเป็นคำที่ถูกต้อง ไม่ต้องอธิบายผิดให้เป็นถูก
…………..
ขยายความ :
“สุโข” ที่ใช้เป็นวิเสสนะในบาลี ที่นักธรรมและนักบาลีคุ้นกันดี เช่น “สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย”
“อุจฺจโย” เป็นคำนาม เป็นปุงลิงค์ รูปคำเดิมเป็น “อุจฺจย” (อุด-จะ-ยะ) แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) เอกวจนะ เปลี่ยนรูปเป็น “อุจฺจโย” “สุข” จึงเปลี่ยนรูปเป็น “สุโข” ตามคำนาม
ข้อความเต็มๆ ว่าดังนี้ –
…………..
ปุญฺญญฺเจ ปุริโส กยิรา
กยิราเถนํ ปุนปฺปุนํ
ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ
สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.
คนเราถ้าหากจะทำบุญ
ก็ควรทำบุญบ่อยๆ
ควรพอใจในการทำบุญนั้น
เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้
ที่มา: ปาปวรรค ธัมมปทคาถา พระไตรปิฎกเล่ม 25 ข้อ 19
…………..
“สุโข” อีกคำหนึ่งที่น่าจะได้ยินกันบ่อยๆ คือคำชักผ้าบังสุกุลที่ขึ้นต้นว่า “อนิจฺจา วต สงฺขารา” ข้อความเต็มๆ ว่าดังนี้ –
…………..
อนิจฺจา วต สงฺขารา
อุปฺปาทวยธมฺมิโน
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ
เตสํ วูปสโม สุโข.
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
มีการเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรมดา
สังขารทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
การเข้าไประงับดับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข
ที่มา: มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 147
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ไม่รู้ แก้ไม่ยาก
: ไม่รับรู้ แก้ไม่ง่าย
#บาลีวันละคำ (3,804)
11-11-65
…………………………….
……………………………