ฤดูกาล (บาลีวันละคำ 3,869)
ฤดูกาล
หญ้าปากคอกอีกคำหนึ่ง
อ่านว่า รึ-ดู-กาน
ประกอบด้วยคำว่า ฤดู + กาล
(๑) “ฤดู”
บาลีเป็น “อุตุ” อ่านว่า อุ-ตุ รากศัพท์มาจาก –
(1) อิ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ตุ ปัจจัย, แปลง อิ เป็น อุ
: อิ + ตุ = อิตุ > อุตุ แปลตามศัพท์ว่า “กาลเวลาที่เป็นไปประจำ”
(2) อร (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ตุ ปัจจัย, แปลง อร เป็น อุ
: อรฺ + ตุ = อรตุ > อุตุ แปลตามศัพท์ว่า “กาลเวลาเป็นที่เป็นไปแห่งหิมะเป็นต้น”
ความหมายนี้ “อุตุ” หมายถึง ฤดูกาล, เวลา, อากาศ, อุณหภูมิ
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อุตุ” ในความหมายนี้ว่า good or proper time, season (เวลาที่ดีหรือเหมาะเจาะ, ฤดูกาล)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
(1) อุตุ ๑ : (คำนาม) ฤดู. (ป.; ส. ฤตุ).
(2) อุตุ ๒ : (ภาษาปาก) (คำวิเศษณ์) สบาย (ใช้แก่กริยานอน) เช่น นอนหลับอุตุ.
นอกจากนี้ “อุตุ” ในบาลียังแปลว่า “โลหิตที่เป็นไปประจำ” อีกความหมายหนึ่ง หมายถึง ระดู, เลือดประจำเดือน (the menses)
“อุตุ” ในความหมายนี้ ภาษาไทยใช้ว่า “ระดู” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ระดู : (คำนาม) เลือดประจําเดือนที่ถูกขับถ่ายจากมดลูกออกมาทางช่องคลอด.”
บาลี “อุตุ” สันสกฤตเป็น “ฤตุ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
“ฤตุ : (คำนาม) ฤดู, เทศกาล; ฤดู, โลหิตประจำเดือนของสตรี; เดือน; แสง; a season; the menses; a month; light.”
นอกจากใช้เป็น “อุตุ” ตามรูปบาลีแล้ว เรายังใช้ตามรูปสันสกฤตเป็น “ฤดู” (รึ-ดู) ด้วย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ฤดู : (คำนาม) ส่วนของปีซึ่งแบ่งโดยถือเอาภูมิอากาศเป็นหลัก มักแบ่งออกเป็น ๓ ช่วง คือ ฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน หรือเป็น ๔ ช่วง คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ที่แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ ฤดูแล้งกับฤดูฝน ก็มี, เวลาที่กําหนดสําหรับงานต่าง ๆ เช่น ฤดูเก็บเกี่ยว ฤดูทอดกฐิน ฤดูถือบวช, เวลาที่เหมาะ เช่น ฤดูสัตว์ผสมพันธุ์; คราว, สมัย, เช่น ฤดูนํ้าหลาก. (ส. ฤตุ; ป. อุตุ).”
(๒) “กาล”
บาลีอ่านว่า กา-ละ รากศัพท์มาจาก กลฺ (ธาตุ = นับ, คำนวณ) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ (ยืดเสียง) อะ ที่ ก-(ลฺ) เป็น อา (กล > กาล)
: กลฺ + ณ = กลณ > กล > กาล แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องนับประมาณอายุเป็นต้น” “ถูกนับว่าล่วงไปเท่านี้แล้ว” “ยังอายุของเหล่าสัตว์ให้สิ้นไป” หมายถึง เวลา, คราว, ครั้ง, หน
“กาล” ที่หมายถึง “เวลา” (time) ในภาษาบาลียังใช้ในความหมายที่ชี้ชัดอีกด้วย คือ :
(ก) เวลาที่กำหนดไว้, เวลานัดหมาย, เวลาตายตัว (appointed time, date, fixed time)
(ข) เวลาที่เหมาะสม, เวลาที่สมควร, เวลาที่ดี, โอกาส (suitable time, proper time, good time, opportunity)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กาล ๑, กาล– : (คำนาม) เวลา, คราว, ครั้ง, หน. (ป., ส.).”
อุตุ + กาล = อุตุกาล (อุ-ตุ-กา-ละ) แปลว่า “เวลาที่หมุนเวียนไปตามฤดู”
ขยายความ :
“อุตุกาล” เป็นศัพท์ที่มีใช้ในบาลี ในคัมภีร์กฐินขันธกะ วินัยปิฎก มีข้อความตอนหนึ่งว่า –
…………..
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อุตุกาลํ เอโก วสิ ฯ
สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งอยู่รูปเดียวตลอดฤดูกาล
ที่มา: กฐินขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 5 ข้อ 164
…………..
อรรถกถาไขความคำว่า “อุตุกาลํ” ว่า –
…………..
อุตุกาลนฺติ วสฺสานโต อญฺญํ กาลํ ฯ
คำว่า อุตุกาลํ หมายถึง กาลอื่นจากฤดูฝน
ที่มา: สมันตปาสาทิกา ภาค 3 หน้า 268
…………..
ที่นำมาเสนอนี้ พอเป็นทางดำริถึงความหมายของศัพท์เฉพาะในบริบทนี้เท่านั้น ในบริบทอื่น “อุตุกาล” อาจมีความหมายเป็นอย่างอื่นได้อีก
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อุตุกาล” ว่า seasonable, favourable time [of the year] (ถูกตามฤดูกาล, เวลาที่เหมาะหรือดี [พูดถึงปี])
ในภาษาไทย มีคำว่า “ฤดูกาล” ซึ่งตรงกับ “อุตุกาล” ในบาลี พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ดังนี้ –
“ฤดูกาล : (คำนาม) เวลา, คราว, เช่น ฝนไม่ตกตามฤดูกาล.”
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ทำนาทำสวน ต้องสมควรแก่ฤดูเดือนปี
: ทำความดี ทำได้ทุกฤดูกาล
#บาลีวันละคำ (3,869)
15-1-66
…………………………….
……………………………