อานาปานสติ – 1 ในอนุสติ 10 (บาลีวันละคำ 4,043)
อานาปานสติ – 1 ในอนุสติ 10
สติกำหนดลมหายใจเข้าออก
อ่านว่า อา-นา-ปา-นะ-สะ-ติ
ประกอบด้วย อานาปาน + สติ
(๑) “อานาปาน”
อ่านว่า อา-นา-ปา-นะ แยกศัพท์เป็น อาน + อปาน
(ก) “อาน” อ่านว่า อา-นะ รากศัพท์มาจาก อนฺ (ธาตุ = มีชีวิต) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ อ-(นฺ) เป็น อา (อนฺ > อาน)
: อนฺ + ณ = อนฺณ > อน > อาน (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ลมเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายมีชีวิตอยู่” หมายถึง ลมหายใจออก, การหายใจออก (breathing out, exhalation)
(ข) “อปาน” อ่านว่า อะ-ปา-นะ รากศัพท์มาจาก อป (คำอุปสรรค = ปราศ, หลีก ในที่นี้ตัดมาจาก “อปคต” = ออกไป, นอกไปจาก) + อาน (ลมหายใจออก)
: อป + อาน = อปาน (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ลมที่นอกจากลมหายใจออก” หมายถึง ลมหายใจเข้า, การหายใจเข้า (inhaled breath, inhalation)
อาน + อปาน = อานาปาน (อา-นา-ปา-นะ) แปลว่า การหายใจออกและการหายใจเข้า, การปล่อยลมหายใจออกและการสูดลมหายใจเข้า (exhaled & inhaled breath, respiration & inspiration)
หมายเหตุ:
“อาน” = ลมหายใจออก
“อปาน” = ลมหายใจเข้า
เมื่อรวมกันเป็น “อานาปาน” จึงควรแปลว่า “ลมหายใจออกและลมหายใจเข้า” หรือ “การหายใจออกและการหายใจเข้า”
แต่พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อานาปาน” ว่า inhaled & exhaled breath, inspiration & respiration (การหายใจเข้าและหายใจออก, การสูดลมหายใจเข้าและการปล่อยลมหายใจออก) จึงเป็นคำแปลที่สลับคำ ไม่ตรงกับบาลี
แต่คำว่า “หายใจเข้าออก” ก็เป็นที่พูดกันติดปาก (ไม่พูดว่า “หายใจออกเข้า”)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อานาปาน-, อานาปานะ : (คำนาม) ลมหายใจเข้าออก ในคําว่า อานาปานัสสติ. (ป., ส.).”
(๒) “สติ”
อ่านว่า สะ-ติ รากศัพท์มาจาก สรฺ (ธาตุ = คิด, ระลึก; เบียดเบียน) + ติ ปัจจัย, ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (สรฺ > ส)
: สรฺ + ติ = สรติ > สติ แปลตามศัพท์ว่า (1) “กิริยาที่ระลึกได้” (2) “ธรรมชาติเป็นเหตุให้ระลึกได้” (3) “ผู้เบียดเบียนความประมาท”
“สติ” หมายถึง ความระลึกได้, การจำได้, สติ; ความตั้งใจ, การมีใจตื่นอยู่, ความตระหนัก, ความระมัดระวัง, ความเข้าใจ, การครองสติ, มโนธรรม, ความมีสติถึงตนเอง (memory, recognition, consciousness, intentness of mind, wakefulness of mind, mindfulness, alertness, lucidity of mind, self-possession, conscience, self-consciousness)
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ดังนี้ –
“สติ : ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้ว แม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒, ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗, ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕, ข้อ ๓ ในพละ ๕, ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณธรรม ๑๐).”
บาลี “สติ” สันสกฤตเป็น “สฺมฤติ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“สฺมฤติ : (คำนาม) ‘สมฤดี,’ ความระลึก, ความจำ; กฎหมาย; หนังสือกฎหมาย; ธรรมศาสตร์; ความปรารถนา, ความใคร่; มติ, ความเข้าใจ; recollection; memory; law; a law book; code of laws; wish, desire; understanding.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “สติ” ตามบาลี “สมฤดี” (สม-รึ-ดี) และ “สมฤๅดี” (สม-รือ-ดี) ตามสันสกฤต บอกไว้ดังนี้ –
(1) สติ : (คำนาม) ความรู้สึก, ความรู้สึกตัว, เช่น ได้สติ ฟื้นคืนสติ สิ้นสติ, ความรู้สึกผิดชอบ เช่น มีสติ ไร้สติ, ความระลึกได้ เช่น ตั้งสติ กำหนดสติ. (ป.; ส. สฺมฺฤติ).
(2) สมฤดี, สมฤๅดี : (คำนาม) ความรู้สึกตัว, ใช้เป็น สมปฤดี สมปฤๅดี หรือ สมประดี ก็มี. (ส. สฺมฤติ; ป. สติ).
อานาปาน + สติ ซ้อน สฺ (อานาปาน + สฺ + สติ)
: อานาปาน + สฺ + สติ = อานาปานสฺสติ (อา-นา-ปา-นัด-สะ-ติ) แปลตามศัพท์ว่า “การระลึกถึงลมหายใจเข้าออก” (mindfulness on breathing)
บาลีเป็น “อาปานสฺสติ” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “อานาปานัสสติ” ตามรูปบาลี บอกไว้ว่า –
“อานาปานัสสติ : (คำนาม) สติที่กําหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออก.”
ข้อสังเกต :
บรรดาอนุสติทั้ง 10 ข้อ มี 2 ข้อเท่านั้นที่เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 คือ “สังฆานสติ” และ “อานาปานัสสติ” เฉพาะ “อานาปานัสสติ” เก็บไว้รูปเดียวคือ “อานาปานัสสติ” ไม่ได้เก็บเป็น “อานาปานสติ”
ในที่นี้ใช้เป็น “อานาปานสติ”
“อานาปานสติ” เป็น 1 ในอนุสติ 10 คือ –
1. พุทธานุสติ = ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า
2. ธัมมานุสติ = ระลึกถึงคุณพระธรรม
3. สังฆานุสติ = ระลึกถึงคุณพระสงฆ์
4. สีลานุสติ = ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา
5. จาคานุสติ = ระลึกถึงความเผื่อแผ่เสียสละที่มีในตน
6. เทวตานุสติ = ระลึกถึงคุณธรรมอันทำบุคคลให้เป็นเทวดา
7. มรณสติ = ระลึกถึงความตายอันจะต้องมีมาถึงตนเป็นธรรมดา
8. กายคตาสติ = “สติอันไปในกาย” คือมีสติรู้เท่าทันสภาวะกายของตนมิให้หลงใหลมัวเมา
9. อานาปานสติ = สติกำหนดลมหายใจเข้าออก
10. อุปสมานุสติ = ระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบ คือพระนิพพาน
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต มีทั้ง “อานาปานสติ” และ “อานาปานัสสติ” บอกไว้ดังนี้ –
(1) อานาปานสติ : การมีสติกำกับดูรู้ลมหายใจเข้าออก (ข้อ ๙ ใน อนุสติ ๑๐, ข้อ ๑๐ ใน สัญญา ๑๐), เป็นบรรพที่ ๑ ของกายานุปัสสนาสติปัฏฐานด้วย แต่มีชื่อเรียกให้สั้นว่า อานาปานบรรพ.
(2) อานาปานัสสติ : การมีสติทันดูรู้ลมหายใจเข้าออก (หนังสือเก่ามักเขียนอย่างนี้).
…………..
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [335] อนุสติ 10 แสดงความหมายของ “อานาปานสติ” ไว้ดังนี้ –
…………..
9. อานาปานสติ (สติกำหนดลมหายใจเข้าออก — Ānāpānasati: mindfulness on breathing)
…………..
ขยายความ :
วิธีเจริญอานาปานสติ กล่าวตามรูปแบบที่พระพุทธองค์ตรัสไว้สำหรับผู้ปฏิบัติในระยะเริ่มฝึก เป็นดังนี้ –
…………..
อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺฐเปตฺวา ฯ โส สโตว อสฺสสติ สโต ปสฺสสติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ป่าก็ดี อยู่โคนไม้ก็ดี อยู่ในที่สงบสงัดก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
ที่มา: เวสาลีสูตร สังยุตนิกาย มหาวารวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 19 ข้อ 1354
…………..
สรุปหลักปฏิบัติตามพระพุทธดำรัสนี้ก็คือ “มีสติทุกลมหายใจ” กล่าวคือ –
หายใจออก ก็ใช้สติกำหนดลมหายใจออก
หายใจเข้า ก็ใช้สติกำหนดลมหายใจเข้า
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง –
หายใจออก ก็รู้ตัวว่ากำลังหายใจออก
หายใจเข้า ก็รู้ตัวว่ากำลังหายใจเข้า
พูดง่าย ทำยาก แต่ถ้าฝึกทำมากๆ ก็ทำได้ง่าย
มีพุทธดำรัสตรัสสรรเสริญอานาปานสติไว้ดังนี้ –
…………..
อยํปิ โข ภิกฺขเว อานาปานสฺสติสมาธิ ภาวิโต พหุลีกโต สนฺโต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน จ ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสตินี้แล อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว เป็นสภาพสงบ ประณีต บำรุงใจ อยู่เป็นสุข และกำราบอกุศลธรรมอันชั่วช้าที่บังเกิดขึ้นแล้วๆ ให้อันตรธานสงบไปโดยพลัน
ที่มา: เวสาลีสูตร สังยุตนิกาย มหาวารวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 19 ข้อ 1352
…………..
ดูก่อนภราดา!
: มีสติทุกลมหายใจ
: มีสันติทุกลมหายใจ
#บาลีวันละคำ (4,043)
8-7-66
…………………………….
…………………………….