บาลีวันละคำ

ยถาสันถติกังคะ ธุดงค์ข้อที่ 12 (บาลีวันละคำ 4,121)

ยถาสันถติกังคะ ธุดงค์ข้อที่ 12

พอใจตามที่ได้ – ตามใจผู้จัด

…………..

ธุดงค์มี 13 ข้อ คือ –

1. ปังสุกูลิกังคะ ถือทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร 

2. เตจีวริกังคะ ถือทรงเพียงไตรจีวรเป็นวัตร 

3. ปิณฑปาติกังคะ ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร 

4. สปทานจาริกังคะ ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับเป็นวัตร 

5. เอกาสนิกังคะ ถือนั่งฉัน ณ อาสนะเดียวเป็นวัตร 

6. ปัตตปิณฑิกังคะ ถือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร 

7. ขลุปัจฉาภัตติกังคะ ถือห้ามภัตที่ถวายภายหลังเป็นวัตร 

8. อารัญญิกังคะ ถืออยู่ป่าเป็นวัตร 

9. รุกขมูลิกังคะ ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร 

10. อัพโภกาสิกังคะ ถืออยู่ที่แจ้งเป็นวัตร 

11. โสสานิกังคะ ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร 

12. ยถาสันถติกังคะ ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้ 

13. เนสัชชิกังคะ ถือการนั่งเป็นวัตร 

…………..

ยถาสันถติกังคะ” อ่านว่า ยะ-ถา-สัน-ถะ-ติ-กัง-คะ ประกอบด้วยคำว่า ยถาสันถติก + อังคะ

(๑) “ยถาสันถติก

เขียนแบบบาลีเป็น “ยถาสนฺถติก” อ่านว่า ยะ-ถา-สัน-ถะ-ติ-กะ ประกอบด้วยคำว่า ยถา + สนฺถต + อิก ปัจจัย

(ก) “ยถา” อ่านว่า ยะ-ถา เป็นคำจำพวกนิบาต แปลว่า ฉันใด, เหมือน, ตาม 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายของ “ยถา” ว่า as, like, in relation to, after (the manner of) (อย่าง, เหมือน, เกี่ยวกับ, ฉันใด, ตามอย่าง) 

หลักการใช้ ยถา :

– ถ้าใช้โดดๆ จะต้องมีข้อความที่มีคำว่า “เอวํ” หรือ “ตถา” มาคู่กัน เหมือนภาษาไทยว่า “ฉันใด” ต้องมี “ฉันนั้น” มารับ 

– ถ้าสมาสกับคำอื่น นิยมแปลว่า “ตาม-” เช่น “ยถากรรม” : ยถา + กมฺม = ยถากมฺม > ยถากมฺมํ > ยถากรรม แปลว่า “ตามกรรม

(ข) “สนฺถต” อ่านว่า สัน-ถะ-ตะ รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, ร่วมกัน) + ถรฺ (ธาตุ = ปูลาด, แผ่ไป) + ปัจจัย, แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น นฺ (สํ > สนฺ), ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (ถร > )

: สํ + ถรฺ = สํถรฺ + = สํถรฺต > สนฺถรฺต > สนฺถต แปลตามศัพท์ว่า “ปูลาดแล้ว” หมายถึง แผ่, ลาด, ปูลาด, ปกคลุม (spread, strewn with, covered)

สนฺถต” ที่มีใช้ในภาษาไทยคือคำว่า “สันถัต” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

สันถัต : (คำนาม) ผ้าที่พระภิกษุรองนั่ง. (ป. สนฺถต ว่า ปูแล้ว, ลาดแล้ว).”

ยถา + สนฺถต = ยถาสนฺถต (ยะ-ถา-สัน-ถะ-ตะ) แปลว่า “ตามที่ปูลาดไว้

(ค) ยถาสนฺถต + อิก = ยถาสนฺถติก แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อยู่ในเสนาสนะตามที่ปูลาดแล้ว” หมายความว่า เมื่อเป็นอาคันตุกะไปพักในที่ไหนๆ เขาจัดให้พัก ณ สถานที่แบบไหนอย่างไร ก็พอใจที่จะพักในสถานที่ตามที่จัดนั้น ไม่เรียกร้องให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงอันจะเป็นเหตุให้ผู้รับผิดชอบต้องยุ่งยาก

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายของ “ยถาสนฺถติก” ว่า accepting whatever seat is offered (ยอมรับที่นั่งที่จัดให้) 

(๒) “อังคะ

เขียนแบบบาลีเป็น “องฺค” อ่านว่า อัง-คะ รากศัพท์มาจาก องฺคฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป; รู้) + (อะ) ปัจจัย

: องฺคฺ + = องฺค (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “ร่างที่เดินได้” (2) “เหตุเป็นเครื่องรู้ที่เกิด” (คือทำให้รู้ต้นกำเนิด) (3) “ส่วนอันเขารู้ว่าเป็นส่วนย่อย

องฺค” ในบาลีหมายถึง –

(1) ส่วนของร่างกาย, อวัยวะ (a constituent part of the body, a limb)

(2) ชิ้นส่วน, ส่วนประกอบ (member, part)

(3) องค์ประกอบของทั้งหมด หรือของระบบ หรือส่วนย่อยที่ประกอบเข้าเป็นส่วนใหญ่ (a constituent part of a whole or system or collection)

ยถาสนฺถติก + องฺค = ยถาสนฺถติกงฺค (ยะ-ถา-สัน-ถะ-ติ-กัง-คะ) แปลว่า “องค์แห่งผู้ถือการอยู่ในเสนาสนะตามแต่เขาจัดให้” หมายถึง วิธีปฏิบัติธุดงค์ว่าด้วยการอยู่ในเสนาสนะตามแต่เขาจัดให้

ยถาสนฺถติกงฺค” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ยถาสันถติกังคะ” 

ขยายความ :

ยถาสันถติกังคะ” เป็นธุดงค์ข้อที่ 12 ในจำนวนธุดงค์ 13 ข้อ

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกความหมายของ “ธุดงค์” และ “ยถาสันถติกังคะ” ไว้ดังนี้ 

…………..

(1) ธุดงค์ : องค์คุณเครื่องกำจัดกิเลส, ข้อปฏิบัติเข้มงวด ที่สมัครใจสมาทานประพฤติประจำตัว ชั่วระยะกาลสั้น หรือยาว หรือแม้ตลอดชีวิต ก็ได้ เป็นอุบายขัดเกลากิเลส ส่งเสริมความมักน้อยสันโดษ เป็นต้น มี 13 ข้อ 

(2) ยถาสันถติกังคะ : องค์แห่งผู้ถือการอยู่ในเสนาสนะตามแต่เขาจัดให้ ไม่เลือกเสนาสนะเอาตามพอใจตัวเอง, คำสมาทานว่า “เสนาสนโลลุปฺปํ ปฏิกฺขิปามิ, ยถาสนฺถติกงฺคํ สมาทิยามิ” แปลว่า “ข้าพเจ้างดความอยากเอาแต่ใจในเสนาสนะ สมาทานองค์แห่งผู้ถือการอยู่ในเสนาสนะตามแต่เขาจัดให้” (ข้อ ๑๒ ใน ธุดงค์ ๑๓)

…………..

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [342] แสดง “ยถาสันถติกังคะ” ธุดงค์ข้อที่ 12 ไว้ดังนี้ –

…………..

12. ยถาสันถติกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้ คำสมาทานว่า “เสนาสนโลลุปฺปํ ปฏิกฺขิปามิ, ยถาสนฺถติกงฺคํ สมาทิยามิ” แปลว่า “ข้าพเจ้างดความอยากเอาแต่ใจในเสนาสนะ สมาทานองค์แห่งผู้—” — Yathāsanthatikaṅga: any-bed-user’s practice)

…………..

ในสมัยพุทธกาล ภารกิจสำคัญของภิกษุคือจาริกออกประกาศพระศาสนา ภิกษุแต่ละรูปจึงต้องเดินทางรอนแรมอยู่ตลอดเวลา แบบ “ค่ำไหนนอนนั่น” ไม่ได้พักประจำที่เหมือนภิกษุในปัจจุบัน

อารามของสงฆ์ที่มีผู้สร้างถวายไว้ตามสถานที่ต่างๆ จะต้องมีภิกษุที่ได้รับมอบหมายจากสงฆ์ให้ทำหน้าที่ดูแล ทั้งดูแลเสนาสนะ (ตัวอาคารสิ่งปลูกสร้าง) และดูแลเครื่องใช้ประจำเสนาสนะ มีชื่อเรียกภิกษุผู้ทำหน้าที่นี้ว่า “เสนาสนคาหาปกะ” (เส-นา-สะ-นะ-คา-หา-ปะ-กะ) แปลว่า “ผู้แจกเสนาสนะ”  หรือ “เสนาสนปัญญาปกะ” (เส-นา-สะ-นะ-ปัน-ยา-ปะ-กะ) แปลว่า “ผู้ปูลาดเสนาสนะ” 

เมื่อมีภิกษุจาริกมาถึงและขอพัก ภิกษุผู้ได้รับมอบหมายหน้าที่จะเป็นผู้จัดให้เข้าพักในเสนาสนะที่เห็นสมควร 

ภิกษุอาคันตุกะบางรูปอาจไม่ชอบเสนาสนะที่จัดให้และเรียกร้องขอพักตรงนั้นตรงโน้น ภิกษุผู้เป็นเจ้าหน้าที่ก็ต้องเปลี่ยนให้ตามต้องการ บางทีอาคันตุกะอาจเรียกร้องสิ่งนั้นสิ่งนี้เพิ่มขึ้นอีก อย่างที่เราเรียกกันว่า “เรื่องมาก” สร้างความลำบากให้แก่เจ้าหน้าที่

ด้วยสภาพดังกล่าวนี้ จึงมีภิกษุบางรูปไม่ต้องการรบกวนภิกษุผู้เป็นเจ้าหน้าที่ให้ต้องลำบากยุ่งยาก ถือเป็นหลักว่า เขาจัดให้อย่างไรก็พอใจอย่างนั้น เป็นการควบคุมความต้องการเกินขอบเขตของตน นับเป็นการขัดเกลาตนเองวิธีหนึ่ง 

การถือเช่นนี้จึงเป็นธุดงค์ข้อหนึ่ง คือ “ยถาสันถติกังคะ

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ถ้าไม่ได้สิ่งที่พอใจ

: ก็จงพอใจสิ่งที่ได้

#บาลีวันละคำ (4,121)

24-9-66 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *