บาลีวันละคำ

จีวรุปฺปาโท (บาลีวันละคำ 4,172)

จีวรุปฺปาโท

อานิสงส์กฐินที่ไม่มีใครนึกถึง

…………..

ภิกษุผู้ได้กรานกฐินแล้วย่อมได้อานิสงส์ (คือข้อยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพระวินัย) 5 ประการ (เหมือนอานิสงส์การจำพรรษา) คือ 

(1) จาริกไปไม่ต้องบอกลา 

(2) จาริกไปไม่ต้องเอาไตรจีวรไปครบสำรับ 

(3) ฉันคณโภชน์และปรัมปรโภชน์ได้ 

(4) เก็บอดิเรกจีวรได้ตามปรารถนา 

(5) จีวรอันเกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของได้แก่พวกเธอ

อานิสงส์กฐินทั้ง 5 ข้อนี้ควรแก่การศึกษาให้เข้าใจ

คำหนึ่งที่น่ารู้คือ “จีวรอันเกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของได้แก่พวกเธอ” หมายความว่าอย่างไร?

จีวรอันเกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของได้แก่พวกเธอ” แปลมาจากคำบาลีว่า –

โย  จ  ตตฺถ  จีวรุปฺปาโท  โส  เนสํ  ภวิสฺสติ” 

(โย  จะ  ตัตถะ  จีวะรุปปาโท  โส  เนสัง  ภะวิสสะติ)

แปลยกศัพท์ (แปลโดยพยัญชนะ) ดังนี้ –

…………..

= อีกประการหนึ่ง

จีวรุปฺปาโท = อันว่าการเกิดขึ้นแห่งจีวร (อันว่าจีวรที่เกิดขึ้น)

ตตฺถ = ในที่นั้น

โย = ใด 

โส (จีวรุปฺปาโท) = อันว่าการเกิดขึ้นแห่งจีวรนั้น (อันว่าจีวรที่เกิดขึ้นนั้น)

ภวิสฺสติ = จักมี

เนสํ (ภิกฺขูนํ) = แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น

…………..

แปลโดยอรรถหรือแปลเอาความว่า –

จีวรอันเกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของได้แก่พวกเธอ

…………..

คำบาลีที่เป็นหลัก คือ “จีวรุปฺปาโท” อ่านว่า จี-วะ-รุบ-ปา-โท แยกศัพท์เป็น“จีวร + อุปฺปาโท 

(๑) “จีวร” 

บาลีอ่านว่า จี-วะ-ระ รากศัพท์มาจาก จิ (ธาตุ = ก่อ, สะสม) + อีวร ปัจจัย, “ลบสระหน้า” คือ อิ ที่ จิ (จิ > )

: จิ > + อีวร = จีวร (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ผ้าอันท่านก่อขึ้นจากท่อนผ้า” หมายความว่า “ผ้าที่เย็บต่อกันเป็นชิ้นๆ” 

จีวรพระจึงไม่ใช่เนื้อเดียวกันทั้งผืน แต่เป็นผ้าที่เป็นชิ้นๆ เอามาเย็บต่อกันเป็นผืน

ภาษาบาลี “จีวร” หมายถึงผ้าทุกผืนที่พระใช้นุ่งห่ม (the yellow robe of a Buddhist monk or novice) แต่เรียกแยกออกไปแต่ละชนิด กล่าวคือ – 

(1) ผ้านุ่ง เรียก “อันตรวาสก” (อัน-ตะ-ระ-วา-สก) คือที่เราเรียกกันว่า “สบง”

(2) ผ้าห่ม เรียก “อุตตราสงค์” (อุด-ตะ-รา-สง) นี่คือที่เราเรียกกันว่า “จีวร”

(3) ผ้าห่มซ้อน (ผ้าห่มผืนที่สอง) เรียกว่า “สังฆาฏิ” (สัง-คา-ติ)

รวมผ้าทั้ง 3 ผืนเข้าด้วยกันเรียกว่า “ไตรจีวร

(๒) “อุปฺปาโท” 

รูปคำเดิมเป็น “อุปฺปาท” อ่านว่า อุบ-ปา-ทะ รากศัพท์มาจาก อุ (คำอุปสรรค = ขึ้น, นอก) + ปทฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ปัจจัย, ลบ , ซ้อน ปฺ ระหว่างอุปสรรคกับธาตุ (อุ + ปฺ + ปทฺ), ทีฆะ อะ ต้นธาตุเป็น อา (ปทฺ > ปาท)

: อุ + ปฺ + ปทฺ = อุปฺปทฺ + = อุปฺปทณ > อุปฺปท > อุปฺปาท แปลตามศัพท์ว่า “การขึ้นไป” หมายถึง การอุบัติ, การปรากฏขึ้น, การเกิด (coming into existence, appearance, birth) 

อุปฺปาท” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อุบาท” (อุ-บาด) และ “อุปบาท” (อุบ-บาด) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

อุบาท, อุปบาท : (คำนาม) การบังเกิด, กําเนิด, มักใช้เป็นส่วนท้ายสมาส เช่น พุทธุบาท (พุทธ + อุบาท), พุทธุปบาท (พุทธ + อุปบาท). (ป. อุปฺปาท; ส. อุตฺปาท).”

จีวร + อุปฺปาท = จีวรุปฺปาท (จี-วะ-รุบ-ปา-ทะ) แปลว่า (1) “การเกิดขึ้นของจีวร” (2) “จีวรที่เกิดขึ้น” 

จีวรุปฺปาท” แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) เอกวจนะ ปุงลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “จีวรุปฺปาโท” 

ขยายความ :

หนังสือ วินัยมุขเล่ม 3 พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส อธิบายอานิสงส์ข้อนี้ไว้ ขอยกข้อความตามต้นฉบับมาให้ดูเพื่อศึกษาสำนวนเก่า ดังนี้ –

…………..

ภิกษุผู้อยู่ในสงฆ์ย่อมมีสิทธิในอันจะได้รับลาภอันสงฆ์แจกเสมอหน้ากัน ถ้าไม่ได้อานิสงส์กฐิน มีจีวรเกิดขึ้น จำจะแจกทั่วถึงแก่ภิกษุอาคันตุกะผู้มาอยู่เมื่ออกพรรษาแล้ว ของน้อยไม่พอแจก จะต้องแจกตามลำดับ อาคันตุกะผู้แก่พรรษากว่าอาจได้ก่อนพวกเจ้าอาวาส เมื่อมีพระพุทธานุญาตอานิสงส์กฐินประการนี้ เป็นอันจำกัดจีวรลาภให้ได้เป็นพิเศษแก่พวกเจ้าอาวาสผู้ได้กรานกฐิน ถ้าของน้อยไม่ทั่วกัน เจ้าอาวาสจะได้รับแจก ถ้าของมากพอกัน อาคันตุกะจะพลอยได้ด้วยก็เพราะความเผื่อแผ่ของเจ้าอาวาสผู้อปโลกน์กันให้ ไม่ได้ด้วยอำนาจสิทธิ. ส่วนของอื่นเป็นต้นว่าอาหาร ไม่ได้จำกัดไว้ อาคันตุกะควรได้รับแจกด้วย. ทรงพระอนุญาตอานิสงส์นี้ไม่ใช่เพื่อหวงลาภ เพื่อประทานอำนาจแก่เจ้าอาวาส ควรปฏิบัติให้ถูกพระพุทธาธิบาย ใช้อำนาจนั้นเป็นเครื่องผูกไมตรีกับอาคันตุกะ.

ที่มา: วินัยมุขเล่ม 3 หน้า 82

…………..

หมายเหตุ: มีคำหนึ่งที่ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง คือคำว่า “เจ้าอาวาส” คำนี้ไม่ได้หมายถึง “สมภาร” หรือตำแหน่ง “เจ้าอาวาส” (the abbot) ดังที่เข้าใจกันในบัดนี้ แต่หมายถึง ภิกษุเจ้าถิ่น คือพระที่อยู่ประจำในวัดนั้น ๆ คำบาลีว่า “อาวาสิก” ท่านแปลตรงตัวว่า “เจ้าอาวาส” เทียบกับ “อาคันตุกะ” ก็คือ “เจ้าของบ้าน” นั่นเอง

…………..

ตามหลักพระวินัย เมื่อมีผู้ถวายปัจจัยสี่แด่สงฆ์ในวัดใด ๆ ต้องแจกสิ่งของนั้นตามลำดับอาวุโส ถ้าประจวบกับมีพระอาคันตุกะมาถึงวัดนั้นในเวลานั้น พระอาคันตุกะย่อมมีสิทธิ์ได้รับแจกด้วย ถ้าพระอาคันตุกะมีพรรษามากกว่า ย่อมได้รับแจกก่อน ถ้าของมีน้อย พระที่อยู่ประจำวัดนั้น ๆ อาจไม่ได้รับ นี่คือหลักทั่วไป

แต่ถ้าภิกษุในวัดนั้นได้กรานกฐิน (ที่เราเรียกกันว่าได้รับกฐิน) จะได้รับสิทธิพิเศษ คือ ได้รับแจกสิ่งของก่อนพระอาคันตุกะ อานิสงส์ข้อนี้จึงเป็นหลักประกันว่า อย่างไรเสียพระประจำวัดก็มีโอกาสได้รับก่อน ถ้าของมีพอดี ๆ พระประจำวัดย่อมได้รับแจกครบ ถ้าของมีมากพอจึงจะไปถึงพระอาคันตุกะ 

คำว่า “จีวรอันเกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของได้แก่พวกเธอ” มีความหมายดังแสดงมานี้

…………..

ดูก่อนภราดา!

ถ้าเป็นห่วงกันและกัน

ก็เชื่อมั่นว่าจะไม่มีใครอด

: เมื่อเป็นเจ้าของบ้าน 

อย่าลืมเป็นห่วงว่าแขกจะอด

: เมื่อเป็นแขก

ก็อย่าลืมเป็นห่วงว่าเจ้าของบ้านจะอด

#บาลีวันละคำ (4,172)

14-11-66 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *