บาลีวันละคำ

ฉัพพัคคีย์ (บาลีวันละคำ 4,371)

ฉัพพัคคีย์

Gang of Six

อ่านว่า ฉับ-พัก-คี

ฉัพพัคคีย์” เขียนแบบบาลีเป็น “ฉพฺพคฺคิย” อ่านว่า ฉับ-พัก-คิ-ยะ แยกศัพท์เป็น + พคฺคิย

(๑) “” 

บาลีอ่านว่า ฉะ เป็นศัพท์จำพวกที่เรียกว่า “สังขยา” คือคำบอกจำนวน แปลว่า หก (จำนวน 6)

(๒) “พคฺคิย

รูปคำเดิมเป็น “วคฺคิย” อ่านว่า วัก-คิ-ยะ ประกอบด้วย วคฺค + อิย ปัจจัย

วคฺค” (วัก-คะ) รากศัพท์มาจาก –

(1) วชฺชฺ (ธาตุ = เว้น, ยกเว้น) + ปัจจัย, ลบ , แปลง ชฺช ที่ (ว)-ชฺช เป็น คฺค 

: วชฺช + = วชฺชณ > วชฺช > วคฺค แปลตามศัพท์ว่า “หมู่ที่เว้นสิ่งที่มีกำเนิดไม่เหมือนกัน” (คืออะไรที่ไม่เหมือนกันก็ไม่นับเข้าพวกด้วย)

(2) วชฺ (ธาตุ = ถึง) + ปัจจัย, แปลง ชฺ ที่ (ว)-ชฺ เป็น คฺ 

: วชฺ + = วชฺค > วคฺค แปลตามศัพท์ว่า “หมู่ที่ถึงการรวมกัน

วคฺค” ในบาลีใช้ในความหมายว่า – 

(1) หมู่, ส่วนหรือตอน, กลุ่ม, พวก (a company, section, group, party)

(2) วรรค, ตอน หรือบทของหนังสือ (a section or chapter of a canonical book)

ในภาษาไทย เอาคำว่า “วคฺค” มาใช้อิงรูปสันสกฤตเป็น “พรรค

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

พรรค, พรรค-, พรรค์ : (คำนาม) หมู่คนที่เข้ารวมกันเป็นพวกเป็นฝ่าย เช่น พรรคการเมือง, พวก เช่น คนพรรค์นั้น. (ส. วรฺค; ป. วคฺค).”

วคฺค + อิย = วคฺคิย แปลตามศัพท์ว่า “นับเนื่องในหมู่” หมายถึง เป็นพวก, เป็นกลุ่ม, เป็นหมู่ (belonging to a group, forming a company, a party of)

+ วคฺคิย แปลง เป็น แล้วซ้อน พฺ ระหว่างศัพท์ หรือจะว่า ซ้อน พฺ ระหว่างศัพท์แล้วแปลง เป็น ก็ได้ 

: + พฺ + วคฺคิย > พคฺคิย = ฉพฺพคฺคิย แปลตามศัพท์ว่า “ผู้นับเนื่องในหมู่หกคน

ฉพฺพคฺคิย” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ฉัพพัคคีย์

โปรดนึกเทียบกับคำที่เราคุ้นกันอยู่ คือ “ปญฺจวคฺคิย” (ปัน-จะ-วัก-คิ-ยะ) ที่เราเอามาใช้ในภาษาไทยเป็น “ปัญจวัคคีย์” แปลตามศัพท์ว่า “ผู้นับเนื่องในหมู่ห้าคน

ปัญจวัคคีย์” “ฉัพพัคคีย์” เป็นศัพท์จำพวกเดียวกัน

ขยายความ :

คัมภีร์อรรถกถาขยายความคำว่า “ฉพฺพคฺคิย > ฉัพพัคคีย์” ไว้ดังนี้ –

…………..

อสฺสชิปุนพฺพสุกาติ  อสฺสชิ  จ  ปุนพฺพสุโก  จ  ฉสุ  ฉพฺพคฺคิเยสุ  เทฺว  คณาจริยา  ฯ

คำว่า อสฺสชิปุนพฺพสุกา คือ พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะในบรรดาภิกษุฉัพพัคคีย์ 6 รูป ท่านทั้งสองเป็นคณาจารย์

ปณฺฑุโก  โลหิตโก  เมตฺติโย  ภุมฺมชโก  อสฺสชิ  ปุนพฺพสุโกติ  อิเม  ฉ  ชนา  ฉพฺพคฺคิยา  นาม  ฯ

ชนทั้ง 6 เหล่านี้ คือ ปัณฑุกะ 1 โลหิตกะ 1 เมตติยะ 1 ภุมมชกะ 1 อัสสชิ 1 ปุนัพพสุกะ 1 ชื่อว่าฉัพพัคคีย์

เตสุ  ปณฺฑุกโลหิตกา  อตฺตโน  ปริสํ  คเหตฺวา  สาวตฺถิยํ  วสนฺติ  ฯ

ในฉัพพัคคีย์เหล่านั้น พระปัณฑุกะและพระโลหิตกะพาบริวารของตนไปอยู่ ณ กรุงสาวัตถี

เมตฺติยภุมฺมชกา  ราชคเห  ฯ

พระเมตติยะพระภุมมชกะไปอยู่ ณ กรุงราชคฤห์

อิเม  เทฺว  ชนา  กีฏาคิริสฺมึ  อาวาสิกา  โหนฺติ  ฯ

อีก 2 ท่าน (คือ พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะ) เป็นเจ้าถิ่นอยู่ในกีฏาคิรีนิคม

ที่มา: ปปัญจสูทนี อรรถกถามัชฌิมนิกาย ภาค 3 หน้า 212-213 (กีฏาคิริสุตฺตวณฺณนา) 

…………..

โปรดสังเกตว่า อรรถกถาใช้คำว่า “ชนา” เรียกภิกษุกลุ่มนี้ ไม่ได้ใช้คำว่า “ภิกฺขู

ตามอรรถกถา น่าจะสรุปได้ว่า ภิกษุกลุ่มฉัพพัคคีย์เดิมทีเป็นชาวเมืองกีฏาคิรีนิคม ต่อมา พระปัณฑุกะและพระโลหิตกะไปอยู่กรุงสาวัตถี พระเมตติยะพระภุมมชกะไปอยู่กรุงราชคฤห์ คงเหลือพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะอยู่เป็นเจ้าถิ่นในกีฏาคิรีนิคม 

คำว่า “อาวาสิกา” ในอรรถกถา ไม่ได้หมายถึงเจ้าอาวาสหรือสมภาร ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า abbot แต่หมายถึง ผู้ที่อยู่ประจำในท้องถิ่นนั้น ๆ ตรงกันข้ามกับ “อาคันตุกะ” คือผู้ที่ผ่านไปผ่านมาและพำนักอยู่ชั่วคราว

พึงทราบว่า ภิกษุกลุ่มที่เรียกว่า “ฉัพพัคคีย์” เป็นกลุ่มภิกษุที่ประพฤติเหลวไหล เป็นต้นเหตุให้พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทหลายต่อหลายข้อ

ใช้คำให้เห็นภาพก็ว่า-เอ่ยชื่อ “ฉัพพัคคีย์” มีแต่คนเบือนหน้า

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ชื่อเสียกับชื่อเสียง

ดูใกล้เคียงกันเต็มที

: ชื่อชั่วกับชื่อดี

เลือกทำได้ตามใจตัว

#บาลีวันละคำ (4,371)

31-5-67

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *