บาลีวันละคำ

ฉินพรรษ (บาลีวันละคำ 4,453)

ฉินพรรษ

ไม่มีใช้ในภาษาไทย

แต่เรียนรู้ว่าเป็นภาษาพระวินัยก็ได้ประโยชน์

อ่านว่า ฉิน-นะ-พัด

แยกศัพท์เป็น ฉิน + พรรษ

(๑) “ฉิน

บาลีเป็น “ฉินฺน” อ่านว่า ฉิน-นะ รากศัพท์มาจาก ฉิทฺ (ธาตุ = ตัด, แบ่ง, ขาด) + ต ปัจจัย, แปลง ทฺต เป็น นฺน

: ฉิทฺ + = ฉิทฺต > ฉินฺน แปลตามศัพท์ว่า “ขาดแล้ว” หมายถึง ถูกตัด, ถูกทำลาย (cut off, destroyed)

(๒) “พรรษ

บาลีเป็น “วสฺส” อ่านว่า วัด-สะ รากศัพท์มาจาก วสฺสฺ (ธาตุ = ราด, รด) + (อะ) ปัจจัย

: วสฺสฺ + = วสฺส แปลตามศัพท์ว่า (1) “น้ำที่หลั่งรดลงมา” (2) “ฤดูเป็นที่ตกแห่งฝน” (3) “กาลอันกำหนดด้วยฤดูฝน” 

วสฺส” (ปุงลิงค์; นปุงสกลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –

(1) ฝน, ห่าฝน (rain, shower)

(2) ปี (a year)

(3) ความเป็นลูกผู้ชาย, ความแข็งแรง (semen virile, virility)

ในที่นี้ “วสฺส” มีความหมายตามข้อ (1)

บาลี “วสฺส” สันสกฤตเป็น “วรฺษ” เราเขียนอิงสันสกฤตเป็น “พรรษา” อ่านว่า พัน-สา

วสฺส -วรฺษ” ไทยเราน่าจะใช้เป็น “พรรษ” (พัด) แต่ที่เป็น “พรรษา” อาจเป็นเพราะ –

1 ในบาลีมักใช้ในรูปพหูพจน์ คือเป็น “วสฺสา” (สัน.วรฺษา) เราจึงใช้ตามที่คุ้นเป็น “พรรษา

2 คำที่หมายถึงฤดูฝนมีอีกคำหนึ่ง คือ “วสฺสาน” (วัด-สา-นะ) คำนี้อาจกร่อนเป็น “วสฺสา-” เราก็เลยใช้เป็น “พรรษา

ความจริง ที่ใช้เป็น “พรรษ” ก็มี แต่มักเป็นภาษาเขียน ไม่ใช่ภาษาพูด

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

พรรษา : ช่วงระยะเวลา ๓ เดือนในฤดูฝน เช่น เข้าพรรษา จําพรรษา; ปี เช่น บวช ๓ พรรษา, (ราชาศัพท์) มีพระชนมายุ ๒๕ พรรษา. (ส. วรฺษ; ป. วสฺส, วสฺสาน).”

ฉินฺน + วสฺส = ฉินฺนวสฺส (ฉิน-นะ-วัด-สะ) แปลว่า “ผู้มีกาลฝนขาดแล้ว” หมายถึง ภิกษุที่อยู่จำพรรษา กระทำเหตุที่ทำให้การอยู่จำพรรษานั้นผิดไปจากกฎเกณฑ์ที่พระวินัยกำหนดไว้ เช่น ในระหว่างเข้าพรรษาไปค้างแรมนอกเขตที่กำหนดจำพรรษาโดยไม่เข้าเกณฑ์ที่ได้รับยกเว้น หรือออกไปนอกเขตที่กำหนดจำพรรษาก่อนจะรุ่งอรุณ เป็นต้น เรียกสั้น ๆ ว่า “พรรษาขาด”

ฉินฺนวสฺส” แปลงรูปเป็นไทยเป็น “ฉินพรรษ” (ฉิน-นะ-พัด) 

เสียงดี รูปสวย แต่อย่าฉวยเอาไปตั้งเป็นชื่อคนเข้า เพราะความหมายไม่สู้ดี

ขยายความ :

ภิกษุที่เป็น “ฉินพรรษ” (พรรษาขาด) ย่อมเสียสิทธิ์ที่จะได้รับอานิสงส์จากการจำพรรษาตามพระวินัย เช่น ไม่มีสิทธิ์รับกฐินเป็นต้น แต่จำนวนพรรษาที่บวชมายังคงนับติดต่อกันไปได้

ภิกษุที่พรรษาขาดไม่มีสิทธิ์รับกฐิน เรื่องนี้ก็เป็นที่รับรู้กันทั่วไป ดังหลักฐานในคัมภีร์อรรถกถาพระวินัยแสดงไว้ว่า –

…………..

กฐินตฺถารํ  เก  ลภนฺติ  เก  น  ลภนฺตีติ  ฯ  

ถาม: ใครได้กรานกฐิน ใครไม่ได้?

คณนวเสน  ตาว  

ตอบ: ว่าด้วยอำนาจแห่งจำนวนก่อน  

ปจฺฉิมโกฏิยา  ปญฺจ  ชนา  ลภนฺติ  

ภิกษุห้ารูปเป็นอย่างต่ำย่อมได้กราน

อุทฺธํ  สตสหสฺสมฺปิ  ฯ  

อย่างสูงแม้แสนก็ได้

ปญฺจนฺนํ  เหฏฺฐา  น  ลภนฺติ  ฯ  

หย่อนห้ารูป ไม่ได้

วุตฺถวสฺสวเสน  

ว่าด้วยอำนาจภิกษุผู้จำพรรษา  

ปุริมิกาย  วสฺสํ  อุปคนฺตฺวา  ปฐมปวารณาย  ปวาริตา  ลภนฺติ  

ภิกษุผู้เข้าพรรษาต้น ปวารณาในวันปฐมปวารณาแล้ว ย่อมได้

ฉินฺนวสฺสา  วา  ปจฺฉิมิกาย  อุปคตา  วา  น  ลภนฺติ  

ภิกษุผู้มีพรรษาขาด หรือเข้าพรรษาหลัง ย่อมไม่ได้

อญฺญสฺมึ  วิหาเร  วุตฺถวสฺสาปิ  น  ลภนฺตีติ  มหาปจฺจริยํ  วุตฺตํ  ฯ

แม้ภิกษุที่จำพรรษาในวัดอื่นก็ไม่ได้. คัมภีร์มหาปัจจรีว่าไว้ดังนี้

ที่มา: สมันตปาสาทิกา ภาค 3 หน้า 210

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ขาดพรรษา ไม่มีสิทธิ์รับกฐิน

: ขาดศีล ไม่มีสิทธิ์เป็นสงฆ์

#บาลีวันละคำ (4,453)

21-8-67 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *