พาน ไม่ใช่ พาล (บาลีวันละคำ 4,531)

พาน ไม่ใช่ พาล
ศึกษาความหมายให้เข้าใจก่อนใช้
(๑) “พาน”
พ-า-น หนู สะกด เป็นคำไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “พาน” ไว้ 5 คำ บอกไว้ดังนี้ –
(1) พาน ๑ : (คำนาม) ภาชนะมีเชิงประเภทหนึ่ง มีหลายชนิด บางชนิดมีรูปทรงคล้ายจาน บางชนิดมีรูปทรงคล้ายขัน เชิงมีรูปร่างต่าง ๆ กัน ใช้สำหรับใส่สิ่งของมีดอกไม้ธูปเทียนเป็นต้น.
(2) พาน ๒ : (คำนาม) ตอน, บั้น, (ใช้แก่สิ่งของบางชนิด) เช่น พานท้ายปืน พานท้ายเรือ.
(3) พาน ๓ : (คำนาม) ฐานของนมหรือเต้านมเกิดเป็นไตแข็งขึ้นเริ่มอาการแห่งความเป็นหนุ่มสาว, เรียกอาการของนมหรือเต้านมที่มีลักษณะเช่นนั้นว่า นมขึ้นพาน หรือ นมแตกพาน.
(4) พาน ๔ : (คำวิเศษณ์) ทำท่าว่า เช่น พานจะเป็นลม พานจะตาย พานจะโกรธ, พี่ก็พานแก่ชราหูตามัว. (สังข์ทอง).
(5) พาน ๕ : (คำกริยา) พบปะ มักใช้เข้าคู่กับคำ พบ เป็น พบพาน หรือ พานพบ, เช่น ไม่ได้พบพานเสียนาน; ขวาง, กีดขวาง, ขึงขวาง, เช่น เอาเชือกมาพานไว้ เมื่อคนมาปะทะก็จะล้มลง, กั้นไว้ เช่น พานคนข้างหลังไว้, ระให้หมดไป เช่น เอาไม้กวาดพานหยากไย่.
(๒) “พาล”
พ-า-ล ลิง สะกด เป็นคำบาลี ภาษาไทยอ่านว่า พาน ภาษาบาลีอ่านว่า พา-ละ รากศัพท์มาจาก –
(1) พลฺ (ธาตุ = ป้องกัน, ระวัง) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, “ทีฆะต้นธาตุด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ณ” คือ อะ ที่ พ-(ลฺ) เป็น อา (พลฺ > พาล)
: พลฺ + ณ = พลณ > พล > พาล แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อันบิดามารดาคอยระวัง”
(2) ทฺวิ (สอง = บิดามารดา) + ลา (ธาตุ = ถือเอา) + อ (อะ) ปัจจัย, แปลง ทฺวิ เป็น พา, “ลบสระหน้า” คือ อา ที่ ลา (ลา > ล)
: ทฺวิ + ลา = ทฺวิลา + อ = ทฺวิลา > ทฺวิล > พาล แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อันบิดามารดาต้องพาไปด้วย”
“พาล” ตามนัยนี้หมายถึง เด็กอ่อน, เด็กน้อย
(3) พลฺ (ธาตุ = มีชีวิต) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, “ทีฆะต้นธาตุด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ณ” คือ อะ ที่ พ-(ลฺ) เป็น อา (พลฺ > พาล)
: พลฺ + ณ = พลณ > พล > พาล แปลตามศัพท์ว่า “ผู้มีชีวิตอยู่เพียงหายใจเข้าออก”
(4) ทฺวิ (สอง = ประโยชน์) + ลุ (ธาตุ = ตัด) + อ (อะ) ปัจจัย, แปลง ทฺวิ เป็น พา, “ลบสระหน้า” คือ อุ ที่ ลุ (ลุ > ล)
: ทฺวิ + ลุ = ทฺวิลุ + อ = ทฺวิลุ > ทฺวิล > พาล แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ตัดประโยชน์สองอย่าง” (คือตัดประโยชน์ตนเองและประโยชน์ผู้อื่น)
“พาล” ตามนัยนี้หมายถึง คนพาล, คนโง่, ผู้อ่อนด้อยทางความคิด
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “พาล” ไว้ดังนี้ –
1. ignorant (often with ref. to ignorance in a moral sense, of the common people, the puthujjana), foolish (as contrasted with paṇḍita (งี่เง่า [มักเกี่ยวกับความโง่หรือไม่รู้ของสามัญชนหรือปุถุชนในทางศีลธรรม], โง่ [ซึ่งตรงข้ามกับ ปณฺฑิต]); lacking in reason, devoid of the power to think & act right (ขาดเหตุผล, ไม่มีความสามารถที่จะคิดและที่จะกระทำให้ถูก)
(2) young, new; newly risen (of the sun) (หนุ่ม, ใหม่; ขึ้นใหม่ ๆ [พูดถึงดวงอาทิตย์])
(3) a child; in wider application meaning a youth under 16 years of age (เด็ก; ใช้อย่างกว้าง ๆ โดยหมายถึงเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “พาล” ไว้ 2 คำ บอกไว้ดังนี้ –
(1) พาล ๑ : (คำนาม) ขน. (ป., ส.).
(2) พาล ๒, พาลา : (คำที่ใช้ในบทกลอน) (คำวิเศษณ์) อ่อน, เด็ก, รุ่น. (ส., ป.); ชั่วร้าย, เกเร, เกะกะ, เช่น คนพาล. (คำกริยา) หาเรื่องทำให้วุ่นวาย, หาเรื่องทำให้เดือดร้อน, เช่น พาลหาเรื่อง พาลหาเหตุ. (คำนาม) คนชั่วร้าย, คนเกเร, เช่น คบคนพาลพาลพาไปหาผิด. (ป.).
หมายเหตุ: พาล ๑ เป็นคำที่แผลงมาจาก “วาล” (วา-ละ) แปลว่า ขน มักหมายถึง ขนของสัตว์ ถ้าเป็นขนของคน นิยมใช้คำว่า “โลม” (โล-มะ) “วาล” แผลง ว เป็น พ จึงเป็น “พาล” เป็นคนละคำกับ “พาล” ที่ประสงค์ในที่นี้
ขยายความ :
มีคำพูดซึ่งต้องใช้คำว่า “พาน” แต่มักมีผู้ใช้คำว่า “พาล” เช่น –
“ครูสอนไม่สนุก เลยพานไม่ชอบครู”
มักจะเขียนว่า –
“ครูสอนไม่สนุก เลยพาลไม่ชอบครู”
“พานไม่ชอบครู” คือ “พาน” ๔ ที่หมายถึง “ทำท่าว่า” ไม่ใช่ “พาล” ที่หมายถึง “ชั่วร้าย, เกเร, เกะกะ” หรือ “หาเรื่องทำให้วุ่นวาย, หาเรื่องทำให้เดือดร้อน”
“พาน” ที่หมายถึง “ทำท่าว่า” เป็นอาการที่เกิดกับจิตใจหรืออารมณ์ของตัวเอง
“พาล” ที่หมายถึง “ชั่วร้าย, เกเร, เกะกะ” หรือ “หาเรื่องทำให้วุ่นวาย, หาเรื่องทำให้เดือดร้อน” เป็นอาการที่แสดงออกทางกิริยาวาจากับคนอื่น
“พานโกรธ” มักจะเขียนเป็น “พาลโกรธ” “พานจะเป็นลม” มักจะเขียนเป็น “พาลจะเป็นลม” ซึ่งเป็นการใช้คำผิดความหมาย
พาน = ทำท่าว่า (ยังไม่ได้แสดงออกกับใคร)
พาล = อาการเกเรเกะกะ (แสดงออกกับคนอื่น)
พานไม่ชอบครู คือ ทำท่าว่า (พาน) ไม่ชอบครู
ไม่ใช่แสดงอาการเกเรเกะกะ (พาล) กับครู
พานโกรธ คือ ทำท่าว่า (พาน) จะโกรธ
ไม่ใช่แสดงอาการเกเรเกะกะ (พาล) กับใครว่าฉันโกรธนะ
พานจะเป็นลม คือ ทำท่าว่า (พาน) จะเป็นลม
ไม่ใช่แสดงอาการเกเรเกะกะ (พาล) กับใครว่าฉันจะเป็นลมละนะ
“พาล” ตามคำนิยามในพนานุกรมฯ ที่ว่า “หาเรื่องทำให้วุ่นวาย, หาเรื่องทำให้เดือดร้อน, เช่น พาลหาเรื่อง พาลหาเหตุ” เช่นนี้ เป็นอาการที่เลยขั้น “ทำท่าว่า” อยู่ในใจตัวเองออกไปเป็นการแสดงอาการทางกิริยาวาจากับคนอื่น เข้าลักษณะ “หาเรื่องทำให้วุ่นวาย, หาเรื่องทำให้เดือดร้อน” จึงใช้คำว่า “พาล” เป็น พาลหาเรื่อง พาลหาเหตุ
ถ้าใช้ว่า พานหาเรื่อง พานหาเหตุ (พาน น หนู) จะหมายถึง เพียงแต่มีอาการกรุ่นอยู่ในใจ ยังไม่ได้แสดงออกมาทางกิริยาวาจา
“พานจะเป็นลม” ใช้ พาน น หนู เพราะเป็นอาการ “ทำท่าว่า” ที่เกิดกับตัวเอง
ถ้าใช้ “พาลจะเป็นลม” (พาล ล ลิง) จะกลายเป็นว่า หาเรื่องทำให้วุ่นวายหรือหาเรื่องทำให้เดือดร้อนด้วยการเป็นลม ซึ่งไม่ใช่ความหมายที่ต้องการจะสื่อ
…………..
ดูก่อนภราดา!
: คำไม่มีระเบียบวินัย ไม่ใช่คำงาม
: คนไม่มีระเบียบวินัย ไม่ใช่คนงาม
#บาลีวันละคำ (4,531)
7-11-67
…………………………….
…………………………….
