อาบัติ [2] (บาลีวันละคำ 1,233)
อาบัติ [2]
อ่านว่า อา-บัด
บาลีเป็น “อาปตฺติ” อ่านว่า อา-ปัด-ติ
“อาปตฺติ” รากศัพท์มาจาก อา (ทั่วไป) + ปทฺ (ธาตุ = ไป, ถึง) + ติ ปัจจัย, แปลง ทฺ ที่สุดธาตุเป็น ตฺ (ปทฺ > ปตฺ)
: อา + ปทฺ + ติ = อาปทฺติ > อาปตฺติ แปลตามศัพท์ว่า “การถึงทั่ว” คำแปลเก่าแปลว่า “ความต้อง”
ตำราเรียนขยายความว่า “กิริยาที่ล่วงละเมิดพระบัญญัตินั้น และมีโทษเหนือตนอยู่ ชื่อว่า อาบัติ แปลว่า ความต้อง” (วินัยมุข เล่ม 1 หน้า 11)
คำในภาษาไทยที่น่าจะออกมาจากคำนี้ คือ ผู้ต้องขัง ต้องคดี ต้องโทษ
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อาปตฺติ” ว่า an ecclesiastical offence (โทษทางวินัยของสงฆ์)
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ไทย-อังกฤษ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกไว้ว่า “อาบัติ (āpatti) an ecclesiastical offence; offence.”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“อาปตฺติ : (คำนาม) เคราะห์ร้าย; ทุกข์; โทษ; misfortune; affliction; fault.”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อาบัติ : (คำนาม) โทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทหรือข้อห้ามแห่งภิกษุ มี ๗ อย่าง คือ ปาราชิก สังฆาทิเสส ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ ทุพภาษิต มีโทษ ๓ สถาน คือ ๑. โทษสถานหนัก เรียกว่า ครุโทษ หรือ มหันตโทษ ทําให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติขาดจากความเป็นภิกษุ ได้แก่ อาบัติปาราชิก ซึ่งเรียกว่า ครุกาบัติ ๒. โทษสถานกลาง เรียกว่า มัชฌิมโทษ ทําให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติต้องอยู่กรรมก่อนจึงจะพ้นโทษ ได้แก่ อาบัติสังฆาทิเสส และ ๓. โทษสถานเบา เรียกว่า ลหุโทษ ทําให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติที่ตํ่ากว่าอาบัติสังฆาทิเสสต้องปลงอาบัติ คือ บอกอาบัติของตนแก่ภิกษุด้วยกัน ได้แก่ อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาษิต ซึ่งเรียกว่า ลหุกาบัติ. (ป., ส. อาปตฺติ).”
สรุปความหมายอย่างง่ายๆ เป็นพื้นฐานของการหาความรู้ต่อไปว่า –
๑. “อาบัติ” คือ ความผิดของพระที่เกิดจากการละเมิดศีล
๒. พระที่ทำผิดเช่นนั้น เรียกว่า “ต้องอาบัติ”
๓. กิริยาที่กระทำเพื่อให้พ้นโทษตามกระบวนการทางพระธรรมวินัย เรียกว่า “ปลงอาบัติ”
ดูเพิ่มเติมที่ : อาบัติ : บาลีวันละคำ (413) 2-7-56
: มีบาตรไม่โปรด
: มีโบสถ์ไม่ลง
: มีอาบัติไม่ปลง
: เป็นสงฆ์อยู่ได้อย่างไร
(จำมาจากหนังสือมนต์พิธี)
14-10-58