บาลีวันละคำ

รัชกาล (บาลีวันละคำ 1,620)

รัชกาล

อ่านว่า รัด-ชะ-กาน

ประกอบด้วย รัช + กาล

(๑) “รัช

บาลีเป็น “รชฺช” (รัด-ชะ) รากศัพท์มาจาก ราช (พระราชา) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณฺ (ณฺย > ), รัสสะ อา ที่ รา-(ช) เป็น อะ (ราช > รช), แปลง ที่ (รา)- กับ ที่ ณฺ ปัจจัย) เป็น ชฺช (ชฺ+ = ชฺช)

: ราช + ณฺย = ราชณฺย > รชณฺย > รชย > รชฺช แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นแห่งพระราชา

รชฺช” (นปุงสกลิงค์) หมายถึง –

(1) ความเป็นพระราชา, ความเป็นเจ้า, อาณาจักร, จักรพรรดิ; รัชสมัย, ราชบัลลังก์ (kingship, royalty, kingdom, empire; reign, throne) (2) ความเป็นเอกราช, อำนาจอธิปไตย (sovereignty)

ขอให้สังเกตขั้นตอนการกลายรูปของ “รชฺช”จะผ่านการเป็น “ราชณฺย” ด้วย

ราชณฺย” อ่านว่า รา-ชัน-ยะ ถ้าเขียนแบบไทย การันต์ที่ ก็จะเป็น “ราชัณย์” ตรงกับรูปคำสันสกฤตที่เป็น “ราชนฺย” (ขั้นตอนนี้ “-ชัณ-” บาลีเป็น เณร) นี่ก็คือคำที่พูดกันในภาษาไทยว่า รา-ชัน นั่นเอง

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –

(สะกดตามต้นฉบับ)

ราชนฺย : (คำนาม) ‘ราชนย์,’ กษัตริย์, นรผู้ไสนิกหรือกษัตริยวรรณ; นามของอัคนิ; ต้นไม้; a Kshatriya, a man of the military or regal tribe; a name of Agni; a tree.”

ราชา > ราชณฺย ( > ราชนฺย) > รชฺช > รัช

รชฺช” ใช้ในภาษาไทยเป็น “รัช” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

รัช ๒, รัช– : (คำนาม) ความเป็นพระราชา, ราชสมบัติ. (ป. รชฺช).”

(๒) “กาล

บาลีอ่านว่า กา-ละ รากศัพท์มาจาก กลฺ (ธาตุ = นับ, คำนวณ) + ปัจจัย, ลบ , ทีฆะ (ยืดเสียง) อะ ที่ -(ลฺ) เป็น อา (กล > กาล)

: กลฺ + = กลณ > กล > กาล แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องนับประมาณอายุเป็นต้น” “ถูกนับว่าล่วงไปเท่านี้แล้ว” “ยังอายุของเหล่าสัตว์ให้สิ้นไป” หมายถึง เวลา, คราว, ครั้ง, หน

กาล” ที่หมายถึง “เวลา” (time) ในภาษาบาลียังใช้ในความหมายที่ชี้ชัดอีกด้วย คือ :

(ก) เวลาที่กำหนดไว้, เวลานัดหมาย, เวลาตายตัว (appointed time, date, fixed time)

(ข) เวลาที่เหมาะสม, เวลาที่สมควร, เวลาที่ดี, โอกาส (suitable time, proper time, good time, opportunity)

รชฺช + กาล = รชฺชกาล > รัชกาล แปลตามศัพท์ว่า “เวลาแห่งความเป็นพระราชา

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

รัชกาล : (คำนาม) เวลาที่ครองราชสมบัติของพระมหากษัตริย์องค์หนึ่ง ๆ, โดยอนุโลมใช้หมายถึงองค์พระมหากษัตริย์ในรัชกาลนั้น ๆ เช่น รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้น.”

อภิปราย :

ในสมัยรัตนโกสินทร์ที่มีพระมหากษัตริย์แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์สืบราชสันตติวงศ์มายาวนาน เรานิยมใช้คำว่า “รัชกาล” ต่อด้วยลำดับที่ เช่น “รัชกาลที่ ๑” “รัชกาลที่ ๒” ก็เป็นอันเข้าใจกันว่าหมายถึง “องค์พระมหากษัตริย์” ในรัชกาลนั้นๆ

แต่ในประวัติศาสตร์ที่มีการเปลี่ยนราชวงศ์อยู่บ่อยๆ ถ้าพูดว่า “รัชกาลที่ ๑” “รัชกาลที่ ๒” ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์พระองค์ไหน จึงต้องเอ่ยถึงด้วยการระบุพระนาม

คำว่า “รัชกาล” บางทีก็ใช้คำว่า “รัชสมัย” แทน โดยระบุพระนามพระมหากษัตริย์ต่อท้าย เช่น “ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

……………

การนับวันเริ่มรัชกาล ถ้าเป็นการสืบราชสันตติวงศ์ โดยปกติย่อมนับตั้งแต่วันที่พระมหากษัตริย์พระองค์ก่อนเสด็จสวรรคต หรือทรงพ้นจากสถานะพระมหากษัตริย์ด้วยเหตุอื่น เช่นกรณีทรงสละราชสมบัติเป็นต้น

ถ้ามิเช่นนั้น ก็เริ่มนับตั้งแต่วันที่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงรับสถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์

……………

: ครู่เดียวที่ทุกข์ทับคับแค้น ช่างแสนยาวนาน

: ร้อยปีที่สุขสำราญ เหมือนครู่เดียว

ดูก่อนภราดา!

บัณฑิตเห็นประจักษ์แจ้งฉะนี้แล้ว

ย่อมขวนขวายเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชน

ยิ่งกว่าที่จะปรารถนาให้ตนมีอายุยืนยาว

10-11-59