นตฺถิสนฺติปรํสุขํ (บาลีวันละคำ 2,208)
นตฺถิสนฺติปรํสุขํ
ช่วยกันเขียนให้ถูก
และแปลอย่าให้ผิด
“นตฺถิสนฺติปรํสุขํ” อ่านว่า นัด-ถิ-สัน-ติ-ปะ-รัง-สุ-ขัง
เป็นพุทธภาษิตที่ค่อนข้างคุ้นหูคุ้นปากชาวพุทธ
ในที่นี้เขียนติดกันเป็นพืดเพื่อให้ลองฝึกแยกคำตามหลักที่ว่า ภาษาบาลีเขียนแยกเป็นคำๆ แบบเดียวกับภาษาอังกฤษ
“นตฺถิสนฺติปรํสุขํ” มีคำอยู่ 4 คำ คือ :
(๑) “นตฺถิ”
อ่านว่า นัด-ถิ เป็นคำกริยา (กิริยาอาขยาต) รูปคำเดิมมาจาก น + อตฺถิ
(ก) “อตฺถิ” (อัด-ถิ) สูตรการ “ทำตัว” ว่า อสฺ (ธาตุ = มี, เป็น) + อ ปัจจัย ประจำหมวด ภู ธาตุ (กัตตุวาจก) + ติ วัตตมานาวิภัตติ, ลบ สฺ ที่สุดธาตุ (อสฺ > อ), ลบ อ ปัจจัย, แปลง ติ เป็น ตฺถิ
: อสฺ + อ = อส + ติ = อสฺติ > อติ > อตฺถิ แปลว่า “ย่อมมี” “ย่อมเป็น”
(ข) “น” (นะ) (คำนิบาต = ไม่, ไม่ใช่) + อตฺถิ = นตฺถิ แปลว่า “ย่อมไม่มี” “ย่อมไม่เป็น”
ข้อสังเกต :
เราทราบแล้วว่า “น” คำนี้เมื่อไปรวมในแบบสมาสกับคำอื่น ต้องแปลงรูปตามกฎ คือ –
ถ้าคำที่ “น” ไปสมาสด้วยขึ้นต้นด้วยสระ ให้แปลง “น” เป็น “อน”
ถ้าคำที่ “น” ไปสมาสด้วยขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ให้แปลง “น” เป็น “อ”
ในที่นี้ คำที่ “น” ไปรวมด้วยขึ้นต้นด้วยสระ (คือ อตฺถิ ขึ้นต้นด้วย อ-) ถ้าใช้สูตรดังกล่าว ต้องแปลง “น” เป็น “อน” : น > อน + อตฺถิ = อนตฺถิ
แต่ในที่นี้ “น” คงรูปเป็น “น” ไม่แปลงเป็น “อน”
: น + อตฺถิ = นตฺถิ
เหตุผลคือ
(1) “อตฺถิ” เป็นคำกริยา และคำกริยาในภาษาบาลีมีรูปสำเร็จในตัวเอง (ไม่ไปสมาสเพื่อเป็นคำเดียวกันกับคำอื่น)
(2) ว่ากันตามหลักจริงๆ “นตฺถิ” ก็คือ “น” สนธิกับ “อตฺถิ” เพราะฉะนั้น “นตฺถิ” ก็คือ “น” คำหนึ่ง กับ “อตฺถิ” อีกคำหนึ่งนั่นเอง
(๒) “สนฺติ”
อ่านว่า สัน-ติ รากศัพท์มาจาก สมฺ (ธาตุ = สงบ) + ติ ปัจจัย, แปลง มฺ ที่สุดธาตุเป็น นฺ (สมฺ > สน)
: สมฺ + ติ = สมฺติ > สนฺติ แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่กิเลสสงบ” หมายถึง ความราบรื่น, ความสงบ (tranquillity, peace)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สันติ : (คำนาม) ความสงบ เช่น อยู่ร่วมกันโดยสันติ. (ป.; ส. ศานฺติ).”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“ศานฺติ : (คำนาม) ความสงบ; บรมสุข; tranquillity; felicity.”
ในทางธรรม “สนฺติ” หมายถึง นิพพาน
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต ขยายความคำว่า “สันติ” ไว้ว่า –
“สันติ : ความสงบ, ความระงับดับหายหมดไปแห่งความพลุ่งพล่านเร่าร้อนกระวนกระวาย, ภาวะเรียบรื่นไร้ความสับสนวุ่นวาย, ความระงับดับไปแห่งกิเลสที่เป็นเหตุให้เกิดความเร่าร้อนว้าวุ่นขุ่นมัว, เป็นไวพจน์หนึ่งของ นิพพาน.”
(๓) “ปรํ”
อ่านว่า ปะ-รัง รากศัพท์มาจาก ป (แทนศัพท์ว่า “ปกฏฺฐ” = สูงสุด) + รา (ธาตุ = ถือเอา) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ และสระที่สุดธาตุ (รา > ร)
: ป + รา = ปรา + ณ = ปราณ > ปรา > ปร แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ถือเอาความสูงสุด” หมายถึง สูงสุด, พิเศษสุด, เป็นเลิศ, ดีที่สุด (highest, most excellent, superior, best)
(๔) “สุขํ”
อ่านว่า สุ-ขัง เป็นคำที่เราคุ้นกันดี เช่นในคำว่า อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ
“สุขํ” คำเดิมเป็น “สุข” (สุ-ขะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) สุ (ดี, งาม, สะดวก) + ขมฺ (ธาตุ = อดทน, อดกลั้น) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ ม ที่สุดธาตุ
: สุ + ขมฺ = สุขม + กฺวิ = สุขมกฺวิ > สุขม > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ทนได้ง่าย”
(2) สุ (ดี, งาม, สะดวก) + ขนฺ (ธาตุ = ขุด) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ น ที่สุดธาตุ
: สุ + ขนฺ = สุขน + กฺวิ = สุขนกฺวิ > สุขน > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ขุดความทุกข์ด้วยดี”
(3) สุ (ดี, งาม, สะดวก) + ขาทฺ (ธาตุ = เคี้ยวกิน) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ ท ที่สุดธาตุ, ลดเสียง อา ที่ ขา-(ทฺ) เป็น อะ
: สุ + ขาทฺ = สุขาท + กฺวิ = สุขาทกฺวิ > สุขาท > สุขา > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่เคี้ยวกินความทุกข์ด้วยดี”
(4) สุขฺ (ธาตุ = สุขสบาย) + อ ปัจจัย
: สุขฺ + อ = สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ยังบุคคลให้สุขสบาย”
(5) สุ (ง่าย, สะดวก) + ข (โอกาส)
: สุ + ข = สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ให้โอกาสได้ง่าย”
“สุข” เราแปลทับศัพท์กันจนอาจจะไม่เคยคิดว่าหมายถึงอะไร
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สุข” ไว้ดังนี้ –
(1) agreeable, pleasant, blest (เป็นที่พอใจ, รื่นรมย์, ได้รับพร)
(2) wellbeing, happiness, ease (ความผาสุก, ความสุข, ความสบาย)
(3) ideal, success (อุดมคติ, ความสำเร็จ)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สุข, สุข– : (คำนาม) ความสบายกายสบายใจ เช่น ขอให้อยู่ดีมีสุข เกิดมาก็มีสุขบ้างทุกข์บ้าง, มักใช้เข้าคู่กับคำ เป็น เช่น ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้เป็นสุข ๆ นะ. (คำวิเศษณ์) สบายกายสบายใจ เช่น เดี๋ยวนี้เขาอยู่สุขสบายดี. (ป., ส.).”
การแยกศัพท์ :
“นตฺถิสนฺติปรํสุขํ” แยกศัพท์ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
(๑) “นตฺถิ” แปลว่า “ย่อมไม่มี”
(๒) “สนฺติปรํ” (เขียนติดกัน) แปลว่า “อันยิ่งกว่าสันติ”
(๓) “สุขํ” แปลว่า “ความสุข”
เขียนเต็มๆ ที่ถูกต้องเป็น “นตฺถิ / สนฺติปรํ / สุขํ”
แปลว่า “ความสุขอันยิ่งกว่าสันติย่อมไม่มี”
“สันติ” ในที่นี้ท่านหมายถึงพระนิพพาน
ขยายความ :
บาลีบทนี้ พบว่าเมื่อนำไปเขียนหรือนำไปพูด มักคลาดเคลื่อน 2 ข้อ คือ –
(1) เขียนแยกคำไม่ถูกต้อง
คือมักแยกเป็น นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ (4 คำ)
ที่ผิดก็คือแยก “สนฺติ” เป็นคำหนึ่ง และ “ปรํ” เป็นอีกคำหนึ่ง
ที่ถูกต้อง “สนฺติ” กับ “ปรํ” ต้องเขียนติดกันเป็นคำเดียว คือ “สนฺติปรํ”
(2) แปลไม่ถูกต้อง
เท่าที่พบ มักแปลกันว่า “สุขอื่นนอกจากความสงบไม่มี” นั่นคือ –
แปล “สนฺติ” ว่า “ความสงบ” เป็นคำแปลที่ไม่ผิด
แปล “ปรํ” “อื่น” เป็นคำแปลที่คลาดเคลื่อน
รวมกันเป็นคำแปลว่า “อื่นจากความสงบ” ก็คือ นอกจากความสงบ
เมื่อรวมทั้งประโยคจึงเป็น “สุขอื่นนอกจากความสงบไม่มี” ซึ่งเป็นคำแปลที่ผิดความจริง
คำว่า “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ” (เป็นคาถา 1 บาทหรือ 1 วรรค) มาในพระไตรปิฎก คัมภีร์อรรถกถาอธิบายว่า –
………..
สนฺติปรํ สุขนฺติ: นิพฺพานโต อุตฺตรึ อญฺญํ สุขํปิ นตฺถิ. อญฺญํ หิ สุขํ สุขเมว, นิพฺพานํ ปน ปรมสุขนฺติ อตฺโถ.
แปลว่า: สองบทว่า สนฺติปรํ สุขํ ความว่า แม้สุขอื่นยิ่งกว่าพระนิพพานย่อมไม่มี. อธิบายว่า ความจริงสุขอย่างอื่นก็เป็นสุขเหมือนกัน, แต่พระนิพพานเป็นสุขที่ยอดเยี่ยม (กว่าสุขอื่นๆ).
ที่มา: อัญญตรกุลทาริกาวัตถุ, ธัมมปทัฏฐกถา ภาค 6 หน้า 125
………..
ถ้าแปลว่า “สุขอื่นนอกจากความสงบก็ไม่มี” ก็ย่อมผิดความจริง ความจริงก็คือสุขอื่นๆ ก็ยังมี ไม่ใช่ไม่มี เช่นสุขของคฤหัสถ์ 4 อย่าง พระพุทธองค์ก็ตรัสสอนไว้เอง จะว่า “สุขอื่นไม่มี” ได้อย่างไร
ประเด็นอยู่ตรงที่-แม้สุขอื่นๆ จะมีอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่มีสุขใดที่ยอดเยี่ยมไปกว่าสันติ สันติ (คือพระนิพพาน) จึงเป็นสุขที่ยอดเยี่ยมกว่าสุขอื่นๆ
เพราะฉะนั้น “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ” จึงต้องแปลว่า สุขอื่น “ยิ่งกว่า” สันติไม่มี (ไม่มีสุขอื่นยิ่งกว่าสันติ)
ไม่ใช่ – สุขอื่น “นอกจาก” สันติไม่มี (ไม่มีสุขอื่นนอกจากสันติ) – ซึ่งผิดความจริง
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สนฺติปรํ” ว่า higher than calm (สูงกว่าความสงบ) หมายความว่า สุขอื่นๆ ก็มี แต่สุขที่จะ “สูงกว่าความสงบ” ไม่มี
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้าเอาภาพที่เราร้องไห้และหัวเราะ
ตั้งแต่วันที่เราเกิดจนถึงวันนี้
มาตัดต่อสลับกัน แล้วฉายดู
: ท่านจะเห็นคนบ้าคนหนึ่ง
#บาลีวันละคำ (2,208)
29-6-61
นตฺถิสนฺติปรํสุขํ
ช่วยกันเขียนให้ถูก
และแปลอย่าให้ผิด
“นตฺถิสนฺติปรํสุขํ” อ่านว่า นัด-ถิ-สัน-ติ-ปะ-รัง-สุ-ขัง
เป็นพุทธภาษิตที่ค่อนข้างคุ้นหูคุ้นปากชาวพุทธ
ในที่นี้เขียนติดกันเป็นพืดเพื่อให้ลองฝึกแยกคำตามหลักที่ว่า ภาษาบาลีเขียนแยกเป็นคำๆ แบบเดียวกับภาษาอังกฤษ
“นตฺถิสนฺติปรํสุขํ” มีคำอยู่ 4 คำ คือ :
(๑) “นตฺถิ”
อ่านว่า นัด-ถิ เป็นคำกริยา (กิริยาอาขยาต) รูปคำเดิมมาจาก น + อตฺถิ
(ก) “อตฺถิ” (อัด-ถิ) สูตรการ “ทำตัว” ว่า อสฺ (ธาตุ = มี, เป็น) + อ ปัจจัย ประจำหมวด ภู ธาตุ (กัตตุวาจก) + ติ วัตตมานาวิภัตติ, ลบ สฺ ที่สุดธาตุ (อสฺ > อ), ลบ อ ปัจจัย, แปลง ติ เป็น ตฺถิ
: อสฺ + อ = อส + ติ = อสฺติ > อติ > อตฺถิ แปลว่า “ย่อมมี” “ย่อมเป็น”
(ข) “น” (นะ) (คำนิบาต = ไม่, ไม่ใช่) + อตฺถิ = นตฺถิ แปลว่า “ย่อมไม่มี” “ย่อมไม่เป็น”
ข้อสังเกต :
เราทราบแล้วว่า “น” คำนี้เมื่อไปรวมในแบบสมาสกับคำอื่น ต้องแปลงรูปตามกฎ คือ –
ถ้าคำที่ “น” ไปสมาสด้วยขึ้นต้นด้วยสระ ให้แปลง “น” เป็น “อน”
ถ้าคำที่ “น” ไปสมาสด้วยขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ให้แปลง “น” เป็น “อ”
ในที่นี้ คำที่ “น” ไปรวมด้วยขึ้นต้นด้วยสระ (คือ อตฺถิ ขึ้นต้นด้วย อ-) ถ้าใช้สูตรดังกล่าว ต้องแปลง “น” เป็น “อน” : น > อน + อตฺถิ = อนตฺถิ
แต่ในที่นี้ “น” คงรูปเป็น “น” ไม่แปลงเป็น “อน”
: น + อตฺถิ = นตฺถิ
เหตุผลคือ
(1) “อตฺถิ” เป็นคำกริยา และคำกริยาในภาษาบาลีมีรูปสำเร็จในตัวเอง (ไม่ไปสมาสเพื่อเป็นคำเดียวกันกับคำอื่น)
(2) ว่ากันตามหลักจริงๆ “นตฺถิ” ก็คือ “น” สนธิกับ “อตฺถิ” เพราะฉะนั้น “นตฺถิ” ก็คือ “น” คำหนึ่ง กับ “อตฺถิ” อีกคำหนึ่งนั่นเอง
(๒) “สนฺติ”
อ่านว่า สัน-ติ รากศัพท์มาจาก สมฺ (ธาตุ = สงบ) + ติ ปัจจัย, แปลง มฺ ที่สุดธาตุเป็น นฺ (สมฺ > สน)
: สมฺ + ติ = สมฺติ > สนฺติ แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่กิเลสสงบ” หมายถึง ความราบรื่น, ความสงบ (tranquillity, peace)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สันติ : (คำนาม) ความสงบ เช่น อยู่ร่วมกันโดยสันติ. (ป.; ส. ศานฺติ).”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“ศานฺติ : (คำนาม) ความสงบ; บรมสุข; tranquillity; felicity.”
ในทางธรรม “สนฺติ” หมายถึง นิพพาน
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต ขยายความคำว่า “สันติ” ไว้ว่า –
“สันติ : ความสงบ, ความระงับดับหายหมดไปแห่งความพลุ่งพล่านเร่าร้อนกระวนกระวาย, ภาวะเรียบรื่นไร้ความสับสนวุ่นวาย, ความระงับดับไปแห่งกิเลสที่เป็นเหตุให้เกิดความเร่าร้อนว้าวุ่นขุ่นมัว, เป็นไวพจน์หนึ่งของ นิพพาน.”
(๓) “ปรํ”
อ่านว่า ปะ-รัง รากศัพท์มาจาก ป (แทนศัพท์ว่า “ปกฏฺฐ” = สูงสุด) + รา (ธาตุ = ถือเอา) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ และสระที่สุดธาตุ (รา > ร)
: ป + รา = ปรา + ณ = ปราณ > ปรา > ปร แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ถือเอาความสูงสุด” หมายถึง สูงสุด, พิเศษสุด, เป็นเลิศ, ดีที่สุด (highest, most excellent, superior, best)
(๔) “สุขํ”
อ่านว่า สุ-ขัง เป็นคำที่เราคุ้นกันดี เช่นในคำว่า อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ
“สุขํ” คำเดิมเป็น “สุข” (สุ-ขะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) สุ (ดี, งาม, สะดวก) + ขมฺ (ธาตุ = อดทน, อดกลั้น) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ ม ที่สุดธาตุ
: สุ + ขมฺ = สุขม + กฺวิ = สุขมกฺวิ > สุขม > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ทนได้ง่าย”
(2) สุ (ดี, งาม, สะดวก) + ขนฺ (ธาตุ = ขุด) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ น ที่สุดธาตุ
: สุ + ขนฺ = สุขน + กฺวิ = สุขนกฺวิ > สุขน > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ขุดความทุกข์ด้วยดี”
(3) สุ (ดี, งาม, สะดวก) + ขาทฺ (ธาตุ = เคี้ยวกิน) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ ท ที่สุดธาตุ, ลดเสียง อา ที่ ขา-(ทฺ) เป็น อะ
: สุ + ขาทฺ = สุขาท + กฺวิ = สุขาทกฺวิ > สุขาท > สุขา > สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่เคี้ยวกินความทุกข์ด้วยดี”
(4) สุขฺ (ธาตุ = สุขสบาย) + อ ปัจจัย
: สุขฺ + อ = สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ยังบุคคลให้สุขสบาย”
(5) สุ (ง่าย, สะดวก) + ข (โอกาส)
: สุ + ข = สุข แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ให้โอกาสได้ง่าย”
“สุข” เราแปลทับศัพท์กันจนอาจจะไม่เคยคิดว่าหมายถึงอะไร
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สุข” ไว้ดังนี้ –
(1) agreeable, pleasant, blest (เป็นที่พอใจ, รื่นรมย์, ได้รับพร)
(2) wellbeing, happiness, ease (ความผาสุก, ความสุข, ความสบาย)
(3) ideal, success (อุดมคติ, ความสำเร็จ)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สุข, สุข– : (คำนาม) ความสบายกายสบายใจ เช่น ขอให้อยู่ดีมีสุข เกิดมาก็มีสุขบ้างทุกข์บ้าง, มักใช้เข้าคู่กับคำ เป็น เช่น ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้เป็นสุข ๆ นะ. (คำวิเศษณ์) สบายกายสบายใจ เช่น เดี๋ยวนี้เขาอยู่สุขสบายดี. (ป., ส.).”
การแยกศัพท์ :
“นตฺถิสนฺติปรํสุขํ” แยกศัพท์ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
(๑) “นตฺถิ” แปลว่า “ย่อมไม่มี”
(๒) “สนฺติปรํ” (เขียนติดกัน) แปลว่า “อันยิ่งกว่าสันติ”
(๓) “สุขํ” แปลว่า “ความสุข”
เขียนเต็มๆ ที่ถูกต้องเป็น “นตฺถิ / สนฺติปรํ / สุขํ”
แปลว่า “ความสุขอันยิ่งกว่าสันติย่อมไม่มี”
“สันติ” ในที่นี้ท่านหมายถึงพระนิพพาน
ขยายความ :
บาลีบทนี้ พบว่าเมื่อนำไปเขียนหรือนำไปพูด มักคลาดเคลื่อน 2 ข้อ คือ –
(1) เขียนแยกคำไม่ถูกต้อง
คือมักแยกเป็น นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ (4 คำ)
ที่ผิดก็คือแยก “สนฺติ” เป็นคำหนึ่ง และ “ปรํ” เป็นอีกคำหนึ่ง
ที่ถูกต้อง “สนฺติ” กับ “ปรํ” ต้องเขียนติดกันเป็นคำเดียว คือ “สนฺติปรํ”
(2) แปลไม่ถูกต้อง
เท่าที่พบ มักแปลกันว่า “สุขอื่นนอกจากความสงบไม่มี” นั่นคือ –
แปล “สนฺติ” ว่า “ความสงบ” เป็นคำแปลที่ไม่ผิด
แปล “ปรํ” “อื่น” เป็นคำแปลที่คลาดเคลื่อน
รวมกันเป็นคำแปลว่า “อื่นจากความสงบ” ก็คือ นอกจากความสงบ
เมื่อรวมทั้งประโยคจึงเป็น “สุขอื่นนอกจากความสงบไม่มี” ซึ่งเป็นคำแปลที่ผิดความจริง
คำว่า “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ” (เป็นคาถา 1 บาทหรือ 1 วรรค) มาในพระไตรปิฎก คัมภีร์อรรถกถาอธิบายว่า –
………..
สนฺติปรํ สุขนฺติ: นิพฺพานโต อุตฺตรึ อญฺญํ สุขํปิ นตฺถิ. อญฺญํ หิ สุขํ สุขเมว, นิพฺพานํ ปน ปรมสุขนฺติ อตฺโถ.
แปลว่า: สองบทว่า สนฺติปรํ สุขํ ความว่า แม้สุขอื่นยิ่งกว่าพระนิพพานย่อมไม่มี. อธิบายว่า ความจริงสุขอย่างอื่นก็เป็นสุขเหมือนกัน, แต่พระนิพพานเป็นสุขที่ยอดเยี่ยม (กว่าสุขอื่นๆ).
ที่มา: อัญญตรกุลทาริกาวัตถุ, ธัมมปทัฏฐกถา ภาค 6 หน้า 125
………..
ถ้าแปลว่า “สุขอื่นนอกจากความสงบก็ไม่มี” ก็ย่อมผิดความจริง ความจริงก็คือสุขอื่นๆ ก็ยังมี ไม่ใช่ไม่มี เช่นสุขของคฤหัสถ์ 4 อย่าง พระพุทธองค์ก็ตรัสสอนไว้เอง จะว่า “สุขอื่นไม่มี” ได้อย่างไร
ประเด็นอยู่ตรงที่-แม้สุขอื่นๆ จะมีอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่มีสุขใดที่ยอดเยี่ยมไปกว่าสันติ สันติ (คือพระนิพพาน) จึงเป็นสุขที่ยอดเยี่ยมกว่าสุขอื่นๆ
เพราะฉะนั้น “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ” จึงต้องแปลว่า สุขอื่น “ยิ่งกว่า” สันติไม่มี (ไม่มีสุขอื่นยิ่งกว่าสันติ)
ไม่ใช่ – สุขอื่น “นอกจาก” สันติไม่มี (ไม่มีสุขอื่นนอกจากสันติ) – ซึ่งผิดความจริง
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สนฺติปรํ” ว่า higher than calm (สูงกว่าความสงบ) หมายความว่า สุขอื่นๆ ก็มี แต่สุขที่จะ “สูงกว่าความสงบ” ไม่มี
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้าเอาภาพที่เราร้องไห้และหัวเราะ
ตั้งแต่วันที่เราเกิดจนถึงวันนี้
มาตัดต่อสลับกัน แล้วฉายดู
: ท่านจะเห็นคนบ้าคนหนึ่ง
#บาลีวันละคำ (2,208)
29-6-61