บาลีวันละคำ

บุพพาราม ไม่ใช่ “บุปผาราม” (บาลีวันละคำ 2,588)

บุพพาราม ไม่ใช่ “บุปผาราม

อย่าเอานามไปพัลวันกัน

บุพพาราม” อ่านว่า บุบ-พา-ราม แยกคำเป็น “บุพพ + อาราม

(๑) “บุพพ

บาลีเป็น “ปุพฺพ” (ปุบ-พะ) รากศัพท์มาจาก ปุพฺพฺ (ธาตุ = เต็ม) + ปัจจัย

: ปุพฺพฺ + = ปุพฺพฺ แปลตามศัพท์ว่า “ส่วนที่เต็ม

ปุพฺพฺ” ในบาลีที่ใช้เป็นคุณศัพท์ มีความหมายดังนี้ –

(1) อดีต, แต่ก่อน, ก่อน (previous, former, before)

(2) ตะวันออก (“ทิศเบื้องหน้า”) (the East)

ปุพฺพ” สันสกฤตเป็น “ปูรฺว

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

ปูรฺวฺว, ปูรฺว : (คำวิเศษณ์) ประถม, แรก, ก่อน; ฝ่ายตวันออก; ทั้งสิ้น, สกล; first, former, prior, initial; eastern, entire; – (คำบุรพบท) ข้างน่า; before, in front of; – (คำนามพหูพจน์) บรรพบุรุษ; ทิศตวันออก; โบราณคดี; ancestors, fore-fathers; the east; an ancient tradition.”

ในภาษาไทยใช้ตามบาลีเป็น “บุพ-” หรือ “บุพพ-” ก็มี ใช้อิงสันสกฤตเป็น “บุรพ-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) ก็มี

เฉพาะที่ใช้เป็น “บุพ-” และ “บุพพ-” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

บุพ-, บุพพ– : (คำวิเศษณ์) ก่อน, ทีแรก; เบื้องต้น, เบื้องหน้า. (ป. ปุพฺพ; ส. ปูรฺว).”

(๒) “อาราม

บาลีอ่านว่า อา-รา-มะ รากศัพท์มาจาก อา (ทั่วไป, ยิ่ง) + รมฺ (ธาตุ = ยินดี) + ปัจจัย, ลบ , “ทีฆะต้นธาตุ” คือ อะ ที่ -(มฺ) เป็น อา (รมฺ > ราม)

: อา + รมฺ = อารมฺ + = อารมณ > อารม > อาราม แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่มายินดี

อาราม” ในภาษาบาลีมีความหมายดังนี้ –

(1) คำนาม : สถานที่อันน่ารื่นรมย์, สวน, อุทยาน (a pleasure-ground, park, garden)

(2) คำนาม : ความยินดี, ความชอบใจ, ความรื่นรมย์ (pleasure, fondness of, delight)

(3) คำคุณศัพท์ : ชอบใจ, เพลิดเพลิน, สบอารมณ์ (delighting in, enjoying, finding pleasure in)

นักบวชสมัยพุทธกาลพอใจที่จะพักอาศัยอยู่ตามป่าไม้ซึ่งปกติเป็นที่ร่มรื่น อันเป็นความหมายของ “อาราม” ดังนั้น คำว่า “อาราม” จึงหมายถึงสถานที่พักอาศัยของนักบวชด้วย

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

(1) อาราม ๑ : (คำนาม) วัด; สวนเป็นที่น่ารื่นรมย์. (ป., ส.).

(2) อาราม ๒ : (คำนาม) ความยินดี, ความรื่นรมย์, ความเพลิดเพลิน.

ในที่นี้ “อาราม” หมายถึง วัด

ปุพฺพ + อาราม = ปุพฺพาราม (ปุบ-พา-รา-มะ) เขียนในภาษาไทยเป็น “บุพพาราม” (บุบ-พา-ราม) แปลว่า “อารามอันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก

บุพพาราม” เป็นชื่อวัดที่นางวิสาขาสร้างถวายไว้ในพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองสาวัตถี เพราะเหตุที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกนั่นเองจึงได้นามว่า “บุพพาราม” ในขณะที่ทางฟากตะวันตกของเมืองมีวัดพระเชตวัน หรือ “เชตวนาราม” ที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย

พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษาที่เมืองสาวัตถีรวมทั้งสิ้น 25 พรรษา โดยประทับสลับไปมาระหว่าง “เชตวนาราม” กับ “บุพพาราม” ตามหลักฐานปรากฏว่า ประทับที่ “เชตวนาราม” 19 พรรษา ประทับที่ “บุพพาราม” 6 พรรษา

ในภาษาไทย คำว่า “บุพพาราม” มักมีผู้ออกเสียงเป็น “บุปผาราม” แล้วแต่งเรื่องอธิบายว่า นางวิสาขาปลูกดอกไม้ไว้ในวัดเป็นที่สวยงามน่ารื่นรมย์มาก จึงได้ชื่อว่า “บุปผาราม

ถ้าไม่พิจารณาให้รอบคอบ ก็คงจะมีผู้เชื่อตามไปเป็นอันมาก

ชื่อ “บุพพาราม” นี้ ฝรั่งที่ทำพจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ยังบอกความหมายได้ชัดเจนว่า “Eastern Park”, Name of a locality east of Sāvatthi (“อุทยานทางทิศตะวันออก”, ชื่อของวัดบุพพารามซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองสาวัตถี) – ไม่เกี่ยวกับนางวิสาขาปลูกดอกไม้แต่ประการใดทั้งสิ้น

คำว่า “บุปผาราม” คำแรกคือ “บุปผา” ที่นิยมใช้กันเช่นนี้ในภาษาไทย แต่ภาษาบาลีเป็น “ปุปฺผ” อ่านว่า ปุบ-ผะ โปรดสังเกตว่า –ผะ ไม่ใช่ –ผา รากศัพท์มาจาก ปุปฺผฺ (ธาตุ = แย้ม, บาน) + ปัจจัย

: ปุปฺผฺ + = ปุปฺผ (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่แย้มบาน” หมายถึง ดอกไม้

นอกจากแปลว่า ดอกไม้ แล้ว “ปุปฺผ” คำนี้ยังแปลว่า “สิ่งที่เบ่งบานเหมือนดอกไม้” หมายถึง ระดู หรือเลือดประจำเดือนของสตรีอีกด้วย

ปุปฺผ + อาราม = ปุปฺผาราม > บุปผาราม แปลตามศัพท์ว่า “สวนดอกไม้” เป็นชื่อวัดหลายแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ นัยว่าวัดนี้เดิมชื่อ “วัดดอกไม้” เมื่อยกขึ้นเป็นพระอารามหลวง จึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบุปผาราม

บุปผาราม” ไม่เกี่ยวข้องกับ “บุพพาราม” ที่เมืองสาวัตถีแต่ประการใดทั้งสิ้น กรุณาอย่าเอาไปพัลวันกันให้ผิดเพี้ยนไปเลย

…………..

ดูก่อนภราดา!

: คำเพี้ยนก็เพียงแค่เปลี่ยนความหมาย

: คนเพี้ยนนี่สิร้าย อาจเปลี่ยนโลกได้เหลือคาดคะเน

#บาลีวันละคำ (2,588)

14-7-62

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *