เวชกรรม (บาลีวันละคำ 2,673)
เวชกรรม
กรรมของใคร
อ่านว่า เวด-ชะ-กำ
ประกอบด้วย เวช + กรรม
(๑) “เวช”
บาลีเป็น “เวชฺช” (เวด-ชะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) วิชฺชา (ความรู้ โดยเฉพาะวิชาที่เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษา) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อิ ที่ วิ-(ชฺชา) เป็น เอ (วิชฺชา > เวชฺชา), “ลบสระหน้า” คือ อา ที่ (วิชฺ)-ชา (วิชฺชา > วิชฺช)
: วิชฺชา + ณ = วิชฺชาณ > วิชฺชา > เวชฺชา > เวชฺช แปลตามศัพท์ว่า “ผู้รู้วิชาอายุรเวท”
(2) วิทฺ (ธาตุ = รู้) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณ (ณฺย > ย), แผลง อิ ที่ วิ-(ทฺ) เป็น เอ (วิทฺ > เวท), แปลง ทฺย (คือ ท ที่ วิทฺ และ ย ที่ ณฺย) เป็น ชฺช
: วิทฺ + ณฺย = วิทณฺย > วิทฺย > เวทฺย > เวชฺช แปลตามศัพท์ว่า “ผู้รู้การเยียวยา”
“เวชฺช” (ปุงลิงค์) หมายถึง หมอ, แพทย์, หมอยา, ศัลยแพทย์ (a physician, doctor, medical man, surgeon)
บาลี “เวชฺช” สันสกฤตเป็น “ไวทฺย”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ไวทฺย : (คำนาม) ‘แพทย์,’ หมอยา, หมอรักษาโรค; ผู้คงแก่เรียน; ผู้คงแก่เรียนในพระเวท; a physician; a learned man; one well versed in the Vedas; – (คำวิเศษณ์) อันเปนสัมพันธินแก่ยา; medical relating to medicine.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
(1) เวช, เวช– : (คำนาม) หมอรักษาโรค. (ป. เวชฺช; ส. ไวทฺย).
(2) ไวทย์ : (คำนาม) แพทย์. (ส.).
(๒) “กรรม”
บาลีเป็น “กมฺม” (กำ-มะ) สันสกฤตเป็น “กรฺมมนฺ” ไทยเขียนอิงสันสกฤตเป็น “กรรม”
“กมฺม” รากศัพท์มาจาก กรฺ (ธาตุ = กระทำ) + รมฺม (รำ-มะ) ปัจจัย, ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (กรฺ > ก) และ ร ที่ต้นปัจจัย (รมฺม > มฺม)
: กร > ก + รมฺม > มฺม : ก + มฺม = กมฺม (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “การกระทำ” หมายถึง การกระทำ, สิ่งที่ทำ, การงาน (the doing, deed, work) นิยมพูดทับศัพท์ว่า “กรรม”
เวชฺช + กมฺม = เวชฺชกมฺม แปลว่า “การงานของหมอ”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “เวชฺชกมฺม” ว่า medical practice or treatment (การปฏิบัติหรือการรักษาทางแพทย์)
“เวชฺชกมฺม” ใช้ในภาษาไทยเป็น “เวชกรรม” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“เวชกรรม : (คำนาม) การรักษาโรค.”
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ประมวลข้อควรรู้เกี่ยวกับ “เวชกรรม” ไว้ดังนี้ –
…………..
เวชกรรม : “กรรมของหมอ”, “การงานของแพทย์”, การบำบัดโรครักษาคนเจ็บไข้, อาชีพแพทย์, การทำตัวเป็นหมอปรุงยา ใช้ยาแก้ไขโรครักษาคนไข้;
การประกอบเวชกรรม ถือว่าเป็นมิจฉาชีพสำหรับพระภิกษุ (เช่น ที.สี.๙/๒๕/๑๕; ขุ.จู.๓๐/๗๑๓/๓๖๐) ถึงแม้จะไม่ทำเพื่อการเลี้ยงชีพหรือจะหาลาภ ก็เสี่ยงต่ออาบัติในข้อตติยปาราชิก (วินย.๑/๒๑๕/๑๕๘-๙) หรือไม่ก็เข้าข่ายกุลทูสกสิกขาบท (สังฆาทิเสส ข้อ ๑๓, วินย.๑/๖๒๔/๔๒๖ เรียกเวชกรรมว่า ‘เวชชิกา’)
อย่างไรก็ตาม ท่านก็ได้เปิดโอกาสไว้สำหรับการดูแลช่วยเหลือกันอันจำเป็นและสมควร ดังที่มีข้อสรุปในคัมภีร์ว่า ภิกษุไม่ประกอบเวชกรรม แต่ (มงคล.๑/๑๘๙ สรุปจาก วินย.อ.๑/๕๗๓-๗) พึงทำยาให้แก่คนที่ท่านอนุญาต ๒๕ ประเภท คือ
– บุคคล ๑๐ (สหธรรมิก ๕ คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี, ปัณฑุปลาสคือคนมาอยู่วัดเตรียมบวช ไวยาวัจกรของตน มารดา บิดา อุปฐากของมารดาบิดา)
– ญาติ ๑๐ (พี่ชาย น้องชาย พี่หญิง น้องหญิง น้าหญิง ป้า อาชาย ลุง อาหญิง น้าชาย; อนุชนมีบุตรนัดดาเป็นต้นของญาติเหล่านั้น ๗ ชั่วเครือสกุล ท่านก็จัดรวมเข้าในคำว่า “ญาติ ๑๐” ด้วย)
– คน ๕ (คนจรมา โจร คนแพ้สงคราม คนเป็นใหญ่ คนที่ญาติทิ้งจะไปจากถิ่น)
ถ้าเขาเจ็บป่วยเข้ามาวัด พึงทำยาให้เขา
ทั้งนี้ มีรายละเอียดในการที่จะต้องระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดหลายอย่าง ข้อสำคัญคือ ให้เป็นการทำด้วยเมตตาการุณย์แท้จริง มิใช่หวังลาภ ไม่ให้เป็นการรับใช้หรือประจบประแจง
…………..
ดูก่อนภราดา!
: การรักษาโรคเป็นหน้าที่ของหมอ
: การรักษาพระธรรมวินัยให้ดีพอเป็นหน้าที่ของพระ
#บาลีวันละคำ (2,673)
7-10-62