เรียนบาลีจากคำบูชา (บาลีวันละคำ 2,689)
เรียนบาลีจากคำบูชา
ผู้เขียนบาลีวันละคำผ่านไปทาง “ลานพระบรมรูปทรงม้า” (ตามคำเรียกของคนทั่วไป) ได้เห็นป้ายคำบูชาตั้งอยู่จึงได้ถ่ายภาพไว้
คำบูชานั้นมีภาษาบาลีอยู่หลายคำ เป็นคำอย่างที่เรียกว่า “มุขปาฐะ” คือจำกันมาจากปากต่อปาก บางคำบางส่วนสามารถสืบหาที่มาได้ แต่บางคำก็เป็นมุขปาฐะแท้ๆ ไม่ปรากฏที่มา และบอกไม่ได้ว่าทำไมจึงใช้คำเช่นนั้น
ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของป้ายคำบูชาชนิดนี้ก็คือ สะกดผิดแบบไม่ลืมหูลืมตา
ขอคัดเฉพาะคำบาลีบางส่วนมาลงไว้ในที่นี้ แล้วอธิบายเท่าที่จะทำได้พอเป็นความรู้สำหรับนักเลงบาลี
………….
(๑)
พระสยามมินทร์โธ วะโรอิติ พุทธะสังมิ
อิติอะระหังสหัสกายัง วะรัง พุทโธ นะโมพุทธายะ
………….
(๒)
พระสยามะมินโท วะโร อัตตัง พุทธะ
สังมิ อิติ อะระหัง วะรัง พุทโธ นะโม
พุทธายะ ปิโย เทวามนุสสานัง …
ปิโย นาคะสัมปันนานัง …
ปิโย พรหมานะมุตตะโม …
ปินันทิยัง นะมามินัง …
………….
(๓)
พระสยามมินโท วะโร อัตตัง พุทธะสังมิ
อิติ อะระหัง วะรัง พุทโธ นะโม พุทธายะ
ปิโย เทวามนัสสานัง …
ปิโย นาคะสัมปันนัง …
ปิโย พรหมานะมุตตะโม …
ปินันทิยัง นะมามินัง …
………….
(๔)
ปิโยเทวา มนุษย์สานัง
ปิโยพรหมมา นะมุ ตะโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง
ปินินชะลิยัง นะมามิหัง พระสยามมินทร์โธ วะโร
อิติพุทธะ สังมิ อิติอะระหัง สะหัสสะกายัง วะรัง พุทธโธ
นะโมพุทธายะ …
………….
อภิปราย :
๑ คำว่า “พระสยามมินทร์โธ” (ในวงเล็บ ๑ และ ๔) “พระสยามะมินโท” (ในวงเล็บ ๒) และ “พระสยามมินโท” (ในวงเล็บ ๓) ล้วนเป็นคำที่สะกดผิด
คำที่ออกเสียงแบบไทยๆ ว่า สะ-หฺยาม-มิน-โท สะกดเป็นบาลีว่า “สฺยามินฺโท” (สฺยาม- มีจุดใต้ สฺ ด้วย) ออกเสียงว่า เซียม-มิน-โท แปลว่า “ผู้เป็นใหญ่ในสยาม” หมายถึง พระมหากษัตริย์ของประเทศไทย ภาษาไทยสะกดเป็น “สยามินทร์” อ่านว่า สะ-หฺยา-มิน
เมื่อเอาว่า “สยามินทร์” ไปเขียนเป็นบาลีออกเสียงว่า สะ-หฺยาม-มิน-โท ผู้เขียนไม่เข้าใจอักขรวิธีของคำบาลี จึงสะกดไปตามที่คิดเอาเองเป็น “พระสยามมินทร์โธ” บ้าง “พระสยามะมินโท” บ้าง “พระสยามมินโท” บ้าง ดังที่เห็น
………….
๒ คำที่ออกเสียงว่า พุด-ทะ-สัง-มิ
– ในวงเล็บ ๑ และ ๓ สะกดเป็น “พุทธะสังมิ”
– ในวงเล็บ ๒ แยก “พุทธะ” กับ “สังมิ” ไว้คนละบรรทัด
– ในวงเล็บ ๔ อยู่บรรทัดเดียวกัน แต่แยก “พุทธะ” กับ “สังมิ” ออกเป็นคนละคำ
คำนี้ควรเขียนติดกันเป็นกลุ่มคำเดียวกัน สะกดเป็น “พุทธะสังมิ” เรียกกันว่า “หัวใจไตรสรณคมน์”
“พุท” ย่อมาจาก พุทธัง
“ธะ” ย่อมาจาก ธัมมัง
“สัง” ย่อมาจาก สังฆัง
“มิ” ย่อมาจาก คัจฉามิ
คำเต็มๆ –
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
แปลว่า “ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง”
จวนตัว จวนเจียน เข้าที่คับขัน ไม่มีเวลาที่จะว่ายาวๆ ก็จึงถอดหัวใจออกมาเป็นคำสั้นๆ ขึ้นต้น ลงท้าย จบพร้อมบริบูรณ์
“พุทธะสังมิ” ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะทางภาษาบาลีอย่างหนึ่งของคนไทย
………….
๓ คำที่ขึ้นต้นว่า “ปิโย” นั้น เอามาจากบทสวดที่เรียกว่า “พระอิติปิโสรัตนมาลา” เป็นวรรณกรรมภาษาบาลีที่ยกบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แต่ละพยางค์ขึ้นตั้งเป็นกระทู้ แล้วแต่งขยายความเป็นคาถา (บทร้อยกรอง) พยางค์ละ 1 คาถา เริ่มตั้งแต่ อิ- ติ- ปิ- โส- … เรื่อยไปจนจบสังฆคุณ
พยางค์ “ปิ-” ท่านแต่งเป็นคาถาว่าดังนี้ –
ปิโย เทวมนุสฺสานํ
ปิโย พฺรหฺมานมุตฺตโม
ปิโย นาคสุปณฺณานํ
ปิณินฺทฺริยํ นมามิหํ.
(ปิโย เทวะมะนุสสานัง
ปิโย พ๎รัห๎มานะมุตตะโม
ปิโย นาคะสุปัณณานัง
ปิณินท๎ริยัง นะมามิหัง.)
แปลว่า –
พระพุทธเจ้าพระองค์ใด
ทรงเป็นที่รักของทวยเทพยดาแลมนุษย์
ทรงเป็นที่รักสูงสุดของเหล่าพรหม
ทรงเป็นที่รักนิยมของบรรดานาคแลสุบรรณ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้มีพระอินทรีย์ดูดดื่มดวงหฤทัย
เหตุที่ยกคาถาบทนี้มาเป็นคำบูชาคงเป็นเพราะมีคำว่า “ปิโย” นำหน้าถึง 3 วรรค สอดคล้องกับพระนาม “พระปิยมหาราช” นั่นเอง
ความจริงคาถาบทนี้เป็นคำบูชาพระพุทธเจ้า ไม่ใช่บูชาพระปิยมหาราช
………….
คำอื่นๆ ที่เหลือ ถ้าไม่ใช่คำที่น่าจะพอเข้าใจกันได้ ก็เป็นคำที่เหลือกำลังที่ผู้เขียนบาลีวันละคำจะอธิบายได้ในที่นี้ จึงขอฝากท่านที่นิยมทางคาถาช่วยกันพิจารณาด้วยเถิด
แต่บทสรุปที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือ ชาวเราเปี่ยมด้วยศรัทธาในพระปิยมหาราช เป็นศรัทธาล้วนๆ คือศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ใจ
ถ้าได้ใช้ปัญญาเข้าประกอบกำกับอีกสักหน่อย คำบูชาพระองค์ท่านที่สร้างถวายด้วยศรัทธาก็จะบริสุทธิ์บริบูรณ์ดีกว่านี้
เราไม่ได้ขาดแคลนคนรู้ภาษาบาลี
แต่เราขาดแคลนผู้ที่จะเรียกคนรู้บาลีไปฉลองศรัทธา
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ศรัทธาที่ขาดปัญญากำกับ
ดั่งเดือนดาวตะวันดับ
เดินหลงในดงแดนไพร
: ปัญญาที่แล้งศรัทธาเลี้ยงใจ
เหมือนทางสว่างไสว
แต่เดินในดงแดนกันดาร
: ขอเชิญเมธีปรีชญาณ
บรรจงประสงค์ประสาน
ประสมสองให้ถูกส่วนเทอญ
#บาลีวันละคำ (2,689)
23-10-62