บาลีวันละคำ

ราชกรัณยสภา (บาลีวันละคำ 2,766)

ราชกรัณยสภา

ที่ปรึกษางานของแผ่นดิน

อ่านว่า ราด-ชะ-กะ-รัน-ยะ-สะ-พา

ประกอบด้วยคำว่า ราช + กรัณย + สภา

(๑) “ราช

บาลีอ่านว่า รา-ชะ แปลตามรากศัพท์ว่า –

(1) “ผู้รุ่งเรืองโดยยิ่งเพราะมีเดชานุภาพมาก” หมายความว่า ผู้เป็นพระราชาย่อมมีเดชานุภาพมากกว่าคนทั้งหลาย

(2) “ผู้ยังคนทั้งหลายให้ยินดี” หมายความว่า เป็นผู้อำนวยความสุขให้ทวยราษฎร์ จนคนทั้งหลายร้องออกมาว่า “ราชา ราชา” (พอใจ พอใจ)

ราช” หมายถึง พระราชา, พระเจ้าแผ่นดิน ใช้นำหน้าคำให้มีความหมายว่า เป็นของพระเจ้าแผ่นดิน, เกี่ยวกับพระเจ้าแผ่นดิน หรือเป็นของหลวง

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ราช ๑, ราช– : (คำนาม) พระเจ้าแผ่นดิน, พญา (ใช้แก่สัตว์) เช่น นาคราช คือ พญานาค สีหราช คือ พญาราชสีห์, คํานี้มักใช้ประกอบกับคําอื่น, ถ้าคําเดียวมักใช้ว่า ราชา.”

(๒) “กรัณย

อ่านว่า กะ-รัน-ยะ เป็นคำที่แปลงรูปมาจากคำบาลีว่า “กรณีย” (กะ-ระ-นี-ยะ) รากศัพท์มาจาก กรฺ (ธาตุ = ทำ) + อนีย ปัจจัย, แปลง เป็น (อนีย > อณีย)

: กรฺ + อนีย = กรนีย > กรณีย แปลตามศัพท์ว่า “ควรทำ” “พึงทำ” “สิ่งอันพึงทำ” หมายถึง กิจที่ควรทำ, สิ่งที่ควรทำ, ข้อผูกพัน, หน้าที่, การงาน (what ought to be done, duty, obligation; affairs, business)

กรณีย” ลบ อี ที่ –ณี– = กรณย อ่านเรียงพยัญชนะว่า กะ-ระ-นะ-ยะ

ศัพท์เดียวกันมีพยัญชนะเรียงกันตั้งแต่ 3 ตัว ให้ทำเป็นตัวสะกดเสียตัวหนึ่ง” – (สูตรนี้ผู้เขียนบาลีวันละคำได้ฟังมาจากท่านพระมหาถวิล (อาจารย์ถวิล เรืองจรูญ) อาจารย์ผู้สอนวิชาไวยากรณ์ตั้งแต่สมัยเริ่มเรียนบาลีเมื่อปี 2506)

ในที่นี้ท่านเอา เป็นตัวสะกด จึงเขียนเป็น “กรณฺย” (มีจุดใต้ ) อ่านว่า กะ-รัน-ยะ ใช้ในภาษาไทยเป็น “กรัณย” ต้องการออกเสียงว่า กะ-รัน จึงลงทัณฑฆาตที่ เขียนเป็น “กรัณย์

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

กรัณย์ : (คำนาม) กิจ. (คำวิเศษณ์) อันพึงทํา เช่น ราชกรัณย์. (ป. กรณีย).”

ในที่นี้มีคำว่า “สภา” มาสมาสข้างท้าย จึงไม่ลงทัณฑฆาตที่ คงเขียนเป็น “กรัณย-” อ่านว่า กะ-รัน-ยะ-

(๓) “สภา

อ่านว่า สะ-พา รากศัพท์มาจาก –

(1) สนฺต (คนดี) + ภา (ธาตุ = รุ่งเรือง) + กฺวิ ปัจจัย แปลง สนฺต เป็น , ลบ กฺวิ

: สนฺต > + ภา = สภา + กฺวิ = สภากฺวิ > สภา แปลตามศัพท์ว่า “ที่อันรุ่งเรืองด้วยคนดี

(2) สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, ร่วมกัน) + ภาสฺ (ธาตุ = พูด, กล่าว) + กฺวิ ปัจจัย, ลบนิคหิตที่ สํ (สํ > ), ลบ ที่สุดธาตุ (ภาสฺ > ภา) และลบ กฺวิ

: สํ > + ภาสฺ = สภาสฺ + กฺวิ = สภาสกฺวิ > สภาส > สภา แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่มาประชุมกันพูด

(3) สห (คำอุปสรรค = ร่วมกัน) + ภา (ธาตุ = พูด, กล่าว) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ ที่ สห (สห > ) และลบ กฺวิ

: สห > + ภา = สภา + กฺวิ = สภากฺวิ > สภา แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่พูดร่วมกัน

ตามความหมายเหล่านี้ “สภา” จึงเป็นเครื่องหมายของสังคมประชาธิปไตย คือ คนดีๆ มาปรึกษาหารือกันก่อนแล้วจึงลงมือทำกิจการต่างๆ

สภา” (อิตถีลิงค์) ทั้งบาลี สันสกฤต และภาษาไทยใช้รูปเดียวกัน

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า

สภา : (คำนาม) องค์การหรือสถานที่ประชุม เช่น สภาผู้แทนราษฎร สภาสตรีแห่งชาติ สภามหาวิทยาลัย วุฒิสภา. (ป., ส.).”

ในภาษาบาลี “สภา” หมายถึง “สถานที่” แต่ในภาษาไทยนอกจากหมายถึงสถานที่แล้ว ยังหมายถึง “องค์การ” (หรือองค์กร) คือศูนย์รวมกลุ่มบุคคลหรือกิจการที่ประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยงานอีกด้วย

ในที่นี้ “สภา” หมายถึง “สถานที่” คือพระที่นั่งองค์หนึ่งอันมีชื่อว่า “พระที่นั่งราชกรัณยสภา”

การประสมคำ :

ราช + กรัณย = ราชกรัณย (ราด-ชะ-กะ-รัน-ยะ-) แปลว่า “กิจอันควรทำของพระราชา” (พระราชาควรทำกิจอันใด กิจอันนั้นชื่อว่า “ราชกรัณย” = กิจอันควรทำของพระราชา)

ราชกรัณย + สภา = ราชกรัณยสภา (ราด-ชะ-กะ-รัน-ยะ-สะ-พา) แปลว่า “สภาอันเป็นที่ทำกิจอันควรทำของพระราชา

ราชกรัณยสภา” เป็นชื่อพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระบรมมหาราชวัง

เว็บไซ้ต์ http://www.rspg.org/royals/grandpalace/grandpalace10.htm

(อ่านเมื่อ 8 มกราคม 2563 เวลา 20:40) กล่าวถึง “พระที่นั่งราชกรัณยสภา” มีข้อความดังนี้ –

…………..

พระที่นั่งราชกรัณยสภา

พระที่นั่งราชกรัณยสภานี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นที่ประชุมปรึกษาราชการแผ่นดิน

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปครั้งแรกในรัตนโกสินทรศก 116 ตรงกับพุทธศักราช 2440 ได้มีพระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ดำรงพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์แรกแห่งประเทศสยาม สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ต่อมาเฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาประชุมที่ปรึกษาสำเร็จราชการแผ่นดิน ณ พระที่นั่งองค์นี้

ในรัชกาลปัจจุบัน (หมายถึงในรัชกาลที่ 9-ผู้เขียนบาลีวันละคำ) ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวช เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม จนถึงทรงลาสิกขาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2499 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประชุมหารือข้อราชการกับองคมนตรี ณ พระที่นั่งราชกรัณยสภาเช่นเดียวกัน ครั้นถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตามราชประเพณีเมื่อได้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน

…………..

ดูก่อนภราดา!

บ้านเมืองที่เจริญแล้ว —

: ใช้สภาเป็นที่ปรึกษางานของแผ่นดิน

: ไม่ใช่เป็นที่ทำมาหากินส่วนตัว

#บาลีวันละคำ (2,766)

8-1-63

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *