บาลีวันละคำ

ภูริทัตโต (บาลีวันละคำ 2,779)

ภูริทัตโต

อ่านว่า พู-ริ-ทัด-โต

ประกอบด้วยคำว่า ภูริ + ทัตโต

(๑) “ภูริ

อ่านว่า พู-ริ รากศัพท์มาจาก –

(1) ภู (ธาตุ = มี, เป็น) + ริ ปัจจัย

: ภู + ริ = ภูริ แปลตามศัพท์ว่า “ธรรมชาติที่มีอยู่เป็นอยู่” “สิ่งที่มีอยู่” “สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่

(2) ภู (แทนศัพท์ว่า “ภูต” = มีอยู่, เป็นอยู่) + รมฺ (ธาตุ = ยินดี) + อิ ปัจจัย, ลบ มฺ ที่สุดธาตุ (รมฺ > )

: ภู + รมฺ = ภูรมฺ > ภูร + อิ = ภูริ แปลตามศัพท์ว่า “ธรรมชาติที่ยินดีในประโยชน์ที่มีอยู่

ภูริ” (บาลีเป็น “ภูรี” อีกรูปหนึ่ง) (อิตถีลิงค์) ใช้ในความหมายดังนี้ –

(1) (เป็นคำนาม) ความรู้, ความเข้าใจ, พุทธิปัญญา (knowledge, understanding, intelligence)

(2) (เป็นคำนาม) โลก, แผ่นดิน (the earth)

(3) (เป็นคุณศัพท์) กว้าง, แผ่กว้าง, มากมาย, อุดม (wide, extensive, much, abundant)

(๒) “ทัตโต

รูปคำเดิมเป็น “ทัตต” เขียนแบบบาลีเป็น “ทตฺต” (ทัด-ตะ) รากศัพท์มาจาก ทา (ธาตุ = ให้) + ปัจจัย, ลบที่สุดธาตุ (ทา > ), ซ้อน ตฺ; นัยหนึ่งว่า แปลง ทา กับ เป็น ทตฺต

: ทา > + ตฺ + = ทตฺต แปลตามศัพท์ว่า “อัน-ให้แล้ว

– ใช้เป็นกริยาแปลว่า (สิ่งใดสิ่งหนึ่ง) อัน–ให้แล้ว (given or granted by –)

– ใช้ในฐานะเป็นนามหรือคุณศัพท์ หมายถึง สิ่งที่ให้, ของที่ให้หรือสังเวย, ของบริจาค (gift, donation, offering)

ภูริ + ทตฺต = ภูริทตฺต (พู-ริ-ทัด-ตะ) แปลตามศัพท์ว่า “-อันปัญญาเพียงดังแผ่นดินให้แล้ว

จินตนาการเป็นภาพว่า มีสิ่งหนึ่งเรียกชื่อว่า “ปัญญาเพียงดังแผ่นดิน

ปัญญานั้นได้ยื่น “ภูริทตฺต” ให้แก่ชาวโลก

ภูริทตฺต” จึงมีความหมายว่า “-อันปัญญาเพียงดังแผ่นดินให้แล้ว

ถ้าเป็นสิ่งของ ก็แปลว่า “สิ่งอันปัญญาเพียงดังแผ่นดินให้แล้ว

ถ้าเป็นบุคคล ก็แปลว่า “ผู้อันปัญญาเพียงดังแผ่นดินให้แล้ว

ภูริทตฺต” แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมิภัตติ) เอกพจน์ ปุงลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “ภูริทตฺโต” (ทตฺ– มีจุดใต้ ตฺ)

คำนี้ เขียนแบบบาลีเป็น “ภูริทตฺโต” เขียนแบบบาลีไทยหรือแบบคำอ่านเป็น “ภูริทัตโต

ขยายความ :

คำว่า “ภูริทตฺต” นี้เป็นนามของพระโพธิสัตว์ในชุดพระเจ้าสิบชาติ ปรากฏในภูริทัตตชาดก คือพระพุทธเจ้าเมื่อเสวยพระชาติเป็นนาคราชนามว่า “ภูริทัต

อรรถกถาภูริทัตตชาดก (ชาตกัฏฐกถา ภาค 10 หน้า 21) อธิบายความหมายของชื่อ “ภูริทัต” ว่า “ปฐวีสมาย  วิปุลาย  ปญฺญาย  สมนฺนาคโต” แปลว่า “ผู้ประกอบด้วยปัญญาอันกว้างขวางเสมอด้วยแผ่นดิน” แต่ในเรื่องนั้นท่านมีชื่อว่า “ทตฺต” หรือ “ทัตตะ” อยู่ก่อนแล้ว คำว่า “ภูริทัต” จึงหมายความว่า “ทัตตะผู้ประกอบด้วยปัญญาอันกว้างขวางเสมอด้วยแผ่นดิน

ในหมู่คนไทย เป็นที่เข้าใจกันว่า คำว่า “ภูริทัตโต” นี้เป็นนามฉายาของพระเถระรูปหนึ่ง ที่เราเรียกกันว่า “พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ปีพุทธศักราช 2563 อันเป็นอภิลักขิตสมัย 150 ปี ชาตกาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ประกาศเกียรติคุณท่านให้เป็นบุคคลสำคัญ ผู้มีผลงานดีเด่นระดับโลก สาขาสันติภาพ

คำประกาศเกียรติคุณนั้นเป็นภาษาที่ไพเราะ สมควรที่สาธุชนจะพึงสดับ ขอนำมาเสนอไว้ในที่นี้ ดังต่อไปนี้

…………..

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นพระมหาเถระในพระธรรมวินัยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอุดมบัณฑิต ณ ปัจจุบันสมัย เป็นปูชนียาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของคณะสงฆ์ไทย เป็นพระวิปัสสนาจารย์ใหญ่แห่งวงศ์กรรมฐาน เพียบพร้อมด้วยปรีชาญาณแห่งไตรสิกขา บริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยศีลาจารวัตร สง่างามด้วยเนกขัมมปฏิบัติเป็นเนติแบบแผนอันโสภณของหมู่สงฆ์ ดำรงสมณคุณอดุลยกิตติประวัติ มั่นคงในอจลพรหมจริยาภิรัตมิหวั่นไหวต่อโลกามิส อุทิศสรรพกำลังเพื่อสั่งสอนการปฏิบัติสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา กระทั่งขยายอาณาแพร่หลายไปสู่มหาชนทั่วโลกในปัจจุบัน มิจำกัดแต่ภายในประเทศ หากแผ่เผยขอบเขตแห่งคุณานุคุณ ไปค้ำจุนความสงบร่มเย็นถึงไพรัชทวีป มีอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ตลอดทั่วไปในภูมิภาคเอเชีย เป็นอาทิ

แม้หมู่ผู้มิได้เป็นสมาชิกแห่งพุทธบริษัท ครั้นได้น้อมนำคำสอนของท่านไปปฏิบัติตาม ก็บังเกิดความสงบพบวิธีทุเลาความเร่าร้อนในตัวตน คือสาเหตุซึ่งอำนวยผลเป็นหนทางใหม่ในชีวิต ผลิตสันติรสคือความสงบเยือกเย็นใจ เป็นที่ประจักษ์แจ้งอยู่ทั่วไปในหมู่ผู้ใฝ่ธรรม ฉะนี้แม้ที่สุดย่อมนำมาซึ่งสันติภาพแก่โลกได้อย่างยั่งยืน

ปฏิปทาและอนุศาสนีแห่งความสงบ เรียบง่าย สันโดษ ไม่เบียดเบียน มุ่งประโยชน์แห่งการดำรงชีวิตอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ ไม่เน้นสิ่งปลูกสร้างและถาวรวัตถุซึ่งเป็นปรปักษ์ต่อสิ่งแวดล้อม ไม่น้อมจิตไปในทางขวนขวายทะเยอทะยานอยากได้ความสุขภายนอก อันจำต้องพึ่งพาวัตถุธรรม หากเน้นย้ำการรักษาจิตใจตนเอง ดูใจตนเอง ไม่เพ่งโทษโกรธขึ้งถึงความบกพร่องของผู้อื่น ชี้แนะวิธีบำบัดทุกข์ด้วยการลดละความโลภ ความโกรธ และความหลงออกจากใจตน ดำเนินอุบายโกศลให้มหาชนเข้าถึงความสงบด้วยการเจริญสมาธิ เป็นบาทฐานแห่งสติชอบอันประกอบด้วยปัญญา ครองจริยาอยู่ในระเบียบวินัย ส่งผลให้มนุษยชาติทุเลาการวิวาทบาดหมาง มุ่งบำเพ็ญเพียรเพื่อหนทางทุเลาความเร่าร้อนแห่งกิเลส เป็นเหตุให้ผู้คนหันมาสนใจศึกษาแนวทางที่ท่านได้ดำเนินนำ ศาสนธรรมอันท่านได้จุดประกายแห่งปัญญาไว้ แผ่ขยายความสว่างไสวออกไปสู่สังคมโลกได้จนปรากฏผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังเป็นคุรุฐานียบุคคลผู้ประเสริฐของพระเถรานุเถระฝ่ายวิปัสสนาธุระ เป็นต้นสายแห่งพระอาราม อาราม และสำนัก จำนวนเรือนพัน ซึ่งมีฉันทจริตติดตามต่อประทีปทางปัญญา มุ่งมั่นดำเนินกรณียกิจนานา เพื่อความวัฒนาสถาพรแห่งพระพุทธธรรม ให้กำจรไปสู่บรรดามหาชนทั่วไป ไม่จำกัดเพศ วัย เผ่าพันธุ์ วรรณะ ศาสนา และความเชื่อ เอื้อเฟื้อให้บังเกิดสันติภาพเอิบอาบดวงจิตของปัจเจกบุคคล ขยายผลไปสู่สันติภาพในโลกได้ตราบเท่าทุกวันนี้

โอวาทานุสาสนี วิถีจริยาสัมมาปฏิบัติ และกัลยาณประวัติอันงามพิสุทธิ์ ยังคงเสถียรสถิตประดิษฐานสมรรถภาพอันประเสริฐ เป็นบ่อเกิดแห่งความผาสุกสันติคุณแห่งมวลมนุษยชาติ ด้วยเหตุดั่งนี้ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ จึงประกาศเกียรติคุณ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นผู้มีผลงานดีเด่นระดับโลก สาขาสันติภาพ เนื่องในอภิลักขิตสมัย ๑๕๐ ปีชาตกาล

ขอกิตติประวัติอัจฉริยคุณแห่ง พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จงดำรงอยู่คู่พระบวรพุทธศาสนา เป็นดวงประทีปทางปัญญาของชาวโลกสืบไป ตราบนิจนิรันดร

…………..

หมายเหตุ:

คำประกาศเกียรติคุณนี้คัดลอกจากโพสต์ของ Chakkrit Rachain Maneewan โพสต์เมื่อ 20 มกราคม 2563

ผู้เขียนบาลีวันละคำขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้

…………..

ดูก่อนภราดา!

: มีปัญญาหนาแน่นเท่าแผ่นพิภพ

: เพราะรู้จบกระบวนจิตปิดอกุศล

: รู้อะไรในพิภพจบสกล

: ใจของตนไม่รู้จักก็ดักดาน

#บาลีวันละคำ (2,779)

21-1-63

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย