Month: พฤษภาคม 2013

บาลีวันละคำ

พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา (บาลีวันละคำ 362)

พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา
(นามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์)

พระนามนี้แยกเป็นคำบาลีได้ดังนี้
“พุทฺธ” (พุด-ทะ) = แปลทับศัพท์ว่า “พระพุทธเจ้า” ความหมายคือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
“มหา” (มะ-หา) = มาก, ใหญ่, ยิ่งใหญ่
“วชิร” (วะ-ชิ-ระ) เราทับศัพท์ว่า “เพชร” จนไม่ได้นึกถึงความหมายจริงๆ
วชิร ตามรากศัพท์แปลว่า “สิ่งที่ไปได้เรื่อย” (คือไม่มีอะไรขัดขวางการไป) หรือ “สิ่งที่ไปอย่างไม่มีอะไรขัดขวาง” โดยความมุ่งหมายแล้วคำนี้หมายถึงอสนีบาต หรือ สายฟ้า ซึ่งถือว่าเป็น “อาวุธพระอินทร์”
“อุตตโมภาส” = อุตฺตม + โอภาส
อุตฺตม (อุด-ตะ-มะ) = “อย่างที่สุด”, สูงสุด, ใหญ่ที่สุด, ดีที่สุด
โอภาส (โอ-พา-สะ) = ประกาย, แสงสว่าง, ความรุ่งโรจน์, ความโชติช่วง, ความปรากฏ
“ศาสดา” บาลีเป็น “สตฺถา” (สัด-ถา) แปลทับศัพท์ตามรูปสันสกฤตว่า “พระศาสดา”แปลตามความหมายว่า “พระบรมครู”

Read More
บาลีวันละคำ

รูปธรรม (บาลีวันละคำ 361)

รูปธรรม

อ่านว่า รูบ-ปะ-ทำ
ประกอบด้วยคำว่า รูป + ธรรม

“รูป” บาลีอ่านว่า รู-ปะ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ประกาศสภาพของตน” (คือสามารถรู้สี สัณฐานเป็นต้นได้ง่าย) และ “สิ่งที่ต้องเสื่อมไป”
ความหมายสามัญที่เข้าใจกันคือ สิ่งที่รับรู้ได้ด้วยตา, สิ่งที่เป็นรูปร่างพร้อมทั้งลักษณะอาการของมัน, ร่างกาย เช่น รูปตัวคน รูปตัวสัตว์

“ธรรม” บาลีเป็น “ธมฺม” (ทำ-มะ) แปลตามศัพท์ว่า “สภาพที่ทรงไว้” (ดูความหมายอื่นๆ ที่คำว่า “วัฒนธรรม”)

รูป + ธรรม = รูปธรรม หมายถึง สิ่งที่รู้ได้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส และสิ่งที่สามารถสัมผัสได้ด้วยกาย

ในภาษาไทยมักเข้าใจกันว่า “รูป” คือ ภาพถ่าย ภาพเขียน แต่ในทางธรรม “รูป” หมายถึง สิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตา และในความหมายที่ละเอียด แม้เสียง กลิ่น รส และสัมผัสทางกาย ซึ่งล้วนแต่ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ด้วยตา ก็อยู่ในจำพวก “รูป” เรียกว่า “รูปธรรม”

“รูปธรรม” นำมาใช้ในภาษาไทยสมัยใหม่ ในความหมายว่า สิ่งที่สามารถแสดงออกมาให้ปรากฏเป็นจริงเป็นจังมิใช่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น, สิ่งที่สามารถปฏิบัติได้, เช่น ต้องทําโครงการพัฒนาชนบทให้เป็นรูปธรรมด้วยการจัดให้มีนํ้ากินนํ้าใช้เป็นต้น

: “รูปธรรม” ใช้ในความหมายใหม่ อย่าลืมความหมายเก่า
พัฒนาตามเขา อย่าลืมรากเหง้าของตัวเอง

Read More
บาลีวันละคำ

ภาพพจน์ (บาลีวันละคำ 360)

ภาพพจน์
(บาลีไทย-ศัพท์บัญญัติ)

“ภาพพจน์” อ่านว่า พาบ-พด ประกอบด้วยคำว่า ภาพ + พจน์

“ภาพ” บาลีเป็น “ภาว” (พา-วะ) แปลว่า ความมี, ความเป็น, ภาวะ (condition), ธรรมชาติ, การปลูกฝัง หรือการผลิตผลด้วยความคิด, ภาวะทางใจ

“พจน์” บาลีเป็น “วจน” (วะ-จะ-นะ) แปลว่า คำพูด, การเปล่งเสียง, ถ้อยคำ, การร้องเรียก

ภาว + วจน แปลง ว เป็น พ = ภาพพจน การัต์ที่ น = ภาพพจน์

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ว่า “ภาพพจน์” บัญญัติเทียบคำอังกฤษว่า figure of speech ให้ความหมายไว้ 2 นัย คือ –

(1) ถ้อยคำที่เป็นสํานวนโวหารทําให้นึกเห็นเป็นภาพ

(2) ถ้อยคำที่เรียบเรียงอย่างมีชั้นเชิงเป็นโวหาร มีเจตนาให้มีประสิทธิผลต่อความคิด ความเข้าใจ ให้จินตนาการและถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างกว้างขวางลึกซึ้งกว่าการบอกเล่าที่ตรงไปตรงมา

โปรดสังเกตว่า “ภาพ” ในคำนี้ แม้จะเป็นบาลี แต่เราเอามาให้ความหมายใหม่ คือ
(1) รูปที่ปรากฏเห็นหรือนึกเห็น เช่น ภาพทิวทัศน์ ภาพในฝัน
(2) สิ่งที่วาดขึ้นเป็นรูปหรือสิ่งที่ถ่ายแบบไว้ เช่น ภาพสีน้ำมัน ภาพถ่าย
ซึ่งไม่ใช่ความหมายในภาษาบาลี

: จะ “สร้างภาพ” หรือ “สร้างภาพพจน์” ก็ไม่งามหมดจดเท่ากับทำได้จริงอย่างจริงใจ

Read More
บาลีวันละคำ

โสทรเชษฐภคินี (บาลีวันละคำ 359)

โสทรเชษฐภคินี

อ่านว่า โส-ทอน-เชด-ถะ-พะ-คิ-นี

ประกอบด้วยคำว่า โสทร + เชษฐ + ภคินี

“โสทร” บาลีอ่านว่า โส-ทะ-ระ ประกอบขึ้นจากคำว่า สมาน + อุทร

“สมาน” (สะ-มา-นะ) แปลว่า เสมอกัน, เท่ากัน, เหมือนกัน ลดรูปเหลือเพียง “ส”

“อุทร” แปลว่า ท้อง แปลง อุ เป็น โอ = โอทร : ส + โอทร = โสทร แปลตามศัพท์ว่า “ท้องเสมอกัน” หมายถึงเกิดในท้องเดียวกัน คือมีพ่อและแม่คนเดียวกัน

“เชษฐ” บาลีเป็น “เชฏฺฐ” (เชด-ถะ) แปลว่า ดีกว่า (สิ่งหรือผู้อื่น), ดีที่สุด, เลิศ, ยอด; หัวปี; พี่ชายหรือพี่สาวคนโต, แก่กว่า, แก่ที่สุด

“ภคนี” แปลว่า พี่สาว หรือน้องสาว (ในที่นี้มีคำว่า เชษฐ ขยายอยู่ข้างหน้า จึงต้องหมายถึง “พี่สาว”)

โสทร + เชษฐ + ภคินี = โสทรเชษฐภคินี จึงมีความหมายว่า “พี่สาวคนโตที่ร่วมท้องเดียวกัน”

วันที่ 6 พฤษภาคม เป็นวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงเป็นพระโสทรเชษฐภคินีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสองพระองค์ (ประสูติ 6 พฤษภาคม 2466)

Read More
บาลีวันละคำ

ฉัตรมงคล (บาลีวันละคำ 358)

ฉัตรมงคล

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 กำหนดให้อ่านคำนี้ว่า ฉัด-ตฺระ-มง-คน และให้ความหมายว่า “พระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตร ทําในวันซึ่งตรงกับวันบรมราชาภิเษก”

“ฉัตรมงคล” เขียนเป็นคำบาลีว่า “ฉตฺตมงฺคล” อ่านว่า ฉัด-ตะ-มัง-คะ-ละ ประกอบด้วยคำว่า ฉตฺต + มงฺคล
“ฉตฺต” แปลว่า ร่ม ทับศัพท์เป็นรูปสันสกฤตว่า ฉัตร
ในภาษาไทย “ร่ม” กับ “ฉัตร” มีความหมายต่างกัน
“ร่ม” คือ สิ่งที่ใช้สำหรับกางกันแดด กันฝน มีด้ามสำหรับถือ
ส่วน “ฉัตร” คือ เครื่องสูงชนิดหนึ่ง มีรูปคล้ายร่มที่ซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้น ๆ ชั้นบนมีขนาดเล็กกว่าชั้นล่างลดหลั่นกันไปโดยลําดับ สําหรับแขวน ปัก ตั้ง หรือเชิญเข้ากระบวนแห่เป็นเกียรติยศ

“มงฺคล” แปลว่า มีฤกษ์งามยามดี, รุ่งเรือง, มีโชคดี, มหกรรมหรืองานฉลอง
ตามหลักพระพุทธศาสนา หมายถึง ธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญ

ตามวัฒนธรรมของชมพูทวีป ตำแหน่งที่พระราชาทรงแต่งตั้ง (รวมทั้งตำแหน่งพระราชาด้วย) จะมี “ฉัตร” ประจำตำแหน่ง ในวาระที่ได้รับฉัตรจะมีพิธีเฉลิมฉลอง เรียกพิธีนี้ว่า “ฉตฺตมงฺคล”

“ฉตฺตมงฺคล – ฉัตรมงคล” เป็นคำที่มีใช้ในคัมภีร์ และเป็นวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณกาล

ฉัตรเอย ฉัตรมงคล….ชุบชูชนม์ชุ่มชื่นฉ่ำ
ขอพรพระแผ่นำ………เป็นฉัตรธรรมคุ้มไทยเทอญ

Read More
บาลีวันละคำ

คำลาข้าวพระพุทธ (บาลีวันละคำ 357)

คำลาข้าวพระพุทธ

มีคำถามว่า คำลาข้าวพระพุทธ คำไหนถูก ระหว่าง “เสสัง มังคะลัง ยาจามิ” กับ “เสสัง มังคะลา ยาจามิ” และทั้งสองประโยคนี้แปลต่างกันหรือไม่ อย่างไร

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ว่า “ลาข้าวพระ : ทําพิธีอย่างหนึ่งเมื่อถอนสํารับพระพุทธ โดยยกมือประนมกล่าวคําว่า เสสํ มงฺคลํ ยาจามิ แล้วยกสํารับออกมา”

ถ้าถือตามนี้ คำลาข้าวพระพุทธที่ถูกต้องก็คือ “เสสํ มงฺคลํ ยาจามิ” (เสสัง มังคะลัง ยาจามิ)

เสสํ มงฺคลํ ยาจามิ แปลทีละคำดังนี้ –

แบบที่ 1 ยาจามิ ข้าพเจ้าขอ มงฺคลํ ซึ่งมงคล เสสํ ที่เหลือ = ขอมงคลที่เหลือ

แบบที่ 2 ยาจามิ ข้าพเจ้าขอ เสสํ ซึ่งส่วนที่เหลือ มงฺคลํ อันเป็นมงคล = ขอส่วนที่เหลืออันเป็นมงคล

แต่มีบางท่าน ใช้คำลาข้าวพระพุทธว่า “เสสํ มงฺคลา ยาจามิ” (เสสัง มังคะลา ยาจามิ) คือต่างกันที่คำว่า “มงฺคลํ” กับ “มงฺคลา”

เสสํ มงฺคลา ยาจามิ แปลทีละคำว่า –

ยาจามิ ข้าพเจ้าขอ เสสํ ส่วนที่เหลือ มงฺคลา จากสิ่งอันเป็นมงคล = ขอส่วนที่เหลือจากสิ่งอันเป็นมงคล

Read More
บาลีวันละคำ

เปาโรหิตย์ (บาลีวันละคำ 356)

เปาโรหิตย์

บาลีมีคำว่า “ปุโรหิต” อ่านว่า ปุ-โร-หิ-ตะ ใช้ในภาษาไทยรูปเดียวกัน อ่านว่า ปุ-โร-หิด แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เกื้อกูลแก่เมือง”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ให้ความหมาย “ปุโรหิต” ว่า “พราหมณ์ที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ในทางนิติ คือ ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี”

แต่ฝรั่งแปลความหมายของ “ปุโรหิต” ไปอีกทางหนึ่งว่า “ผู้มีตำแหน่งข้างหน้า” คืออยู่ข้างหน้าสุดเมื่อเข้าเฝ้าพระราชา เรียกเต็มๆ ว่า “ปุโรหิตาจารย์” คืออาจารย์ประจำราชสำนัก ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นอัครมหาเสนาบดี (the prime minister) ได้ด้วย

“ปุโรหิต” เขียนตามรูปสันสกฤตเป็น “เปาโรหิต” (อุ เป็น เ-า เทียบกับคำอื่นๆ ที่เราคุ้น เช่น ยุว = เยาว, คุรุ = เคารพ, อุรส (โอรส) = เอารส, ปุราณ (โบราณ) = เบาราณ)

“เปาโรหิต” ดำเนินกรรมวิธีทางไวยากรณ์เป็น “เปาโรหิตย์” (มี ย์ การันต์ ทำนองเดียวกับ บัณฑิต = บัณฑิตย์ เทียบคำฝรั่งอาจเข้าใจง่ายขึ้น เช่น happy เป็น happiness, succeed เป็น succession)

“เปาโรหิตย์” แปลว่า “ความเป็นปุโรหิต” หรือ มาจากตระกูลปุโรหิต คือผู้มีสติปัญญาสามารถทำประโยชน์เกื้อกูลแก่บ้านเมืองได้

: ถึงปัญญาจะพิการ ก็บริหารบ้านเมืองได้
: ถ้ารู้จักใช้ปุโรหิต

Read More
บาลีวันละคำ

สิงขร (บาลีวันละคำ 355)

สิงขร

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ว่า “สิงขร” (สิง-ขอน) คือ “สิขร”
ดูที่คำว่า “สิขร” บอกคำแปลไว้ว่า จอม, ยอด, หงอน; ยอดเขา

บาลีมีคำว่า “สิขา” แปลว่า เปลวไฟ, ผมจุก, หงอน, ยอดแหลม
จาก “สิขา” ดำเนินกรรมวิธีทางไวยากรณ์เป็น “สิขร” (สิขา + ร) แปลตามศัพท์ว่า “ส่วนที่เกิดแหลมขึ้นไป”
“สิขร” แปลว่า ยอด, ยอดเขา, ยอดแหลม, สุดยอด, ปลายดาบหรือด้านคมของดาบ, ผมจุก, ผมเป็นขมวด, ดอกไม้ตูม

โปรดสังเกตว่า ในภาษาบาลี “สิขร” หมายถึง “ยอดของภูเขา” ไม่ได้หมายถึงภูเขาทั้งลูก ถ้าจะให้หมายถึง “ภูเขา” จะต้องเป็น “สิขรี” (สิ-ขะ-รี) แปลว่า “ภูมิภาคที่ประกอบด้วยยอด” หรือ “ภูมิภาคที่มียอดแหลม” ซึ่งหมายถึงภูเขาทั้งลูก

Read More
บาลีวันละคำ

กบฏ – ขบถ (บาลีวันละคำ 354)

กบฏ – ขบถ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ว่า
“กบฏ : ประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร, ทรยศ; การประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร, ความทรยศ; ผู้ประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร, ผู้ทรยศ, ขบถ ก็ว่า”
และบอกไว้อีกว่า ภาษาสันสกฤตมีคำว่า “กปฏ” แปลว่า ความคด, ความโกง

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า “กปฏ” (กะ-ปะ-ตะ) = มายา, ความโกง, การล่อลวงหรือตลบตะแลง

พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด ศัพท์วิเคราะห์ ของพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) มีคำว่า “กปฏ” (กะ-ปะ-ตะ) แปลว่า กบฏ, ขบถ, ความคดโกง. แสดงกระบวนการทางไวยากรณ์ว่า กุจฺฉิเตน อากาเรน ปฏตีติ กปโฏ = ภาวะที่เป็นไปด้วยอาการอันน่าเกลียด คือไม่ตรง ชื่อว่า “กปฏ”
ประกอบศัพท์ขึ้นจาก กุ บทหน้า ปฏ ธาตุ ในความหมายว่าไป, เป็นไป แปลง กุ เป็น กา รัสสะ อา เป็น อ : กุ > กา > ก + ปฏ = กปฏ

พจนานุกรมไทย-อังกฤษ ของ สอ เสถบุตร แปลคำว่า “ขบถ” เป็นภาษาอังกฤษว่า rebellion
พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล rebel เป็นบาลีว่า
– ทามริก (ทา-มะ-ริ-กะ) = ผู้ก่อการร้าย
– กุมนฺตก (กุ-มัน-ตะ-กะ) = ผู้คิดร้าย
– ราชทุพฺภี (รา-ชะ-ทุบ-พี) = ผู้ประทุษร้ายแผ่นดิน
ไม่มีคำแปลเป็นบาลีว่า กปฏ
คำว่า “ทามริก” และ “ราชทุพฺภี” มีใช้ในคัมภีร์ แต่ “กุมนฺตก” และ “กปฏ” ยังไม่พบว่ามีใช้ในคัมภีร์

Read More