Month: เมษายน 2014

บาลีวันละคำ

มหรสพ (บาลีวันละคำ 693)

มหรสพ

อ่านว่า มะ-หอ-ระ-สบ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

“มหรสพ : (คำนาม) การเล่นรื่นเริงมีโขนละครเป็นต้น”

และบอกว่า บาลีเป็น “มหุสฺสว” สันสกฤตเป็น “มโหตฺสว”

“มหุสฺสว” (มะ-หุด-สะ-วะ) ประกอบด้วย มห + อุสฺสว

ความหมายของ “มห” –

(1) “มห” (มะ-หะ) แปลตามศัพท์ว่า “งานบูชา” (worthiness, venerableness = การควรเคารพ, ความน่านับถือ) เนื่องจากมีกำเนิดมาจากงานทางศาสนา ต่อมาจึงใช้ในความหมายว่า การฉลองทั่วไป (festival)

Read More
บาลีวันละคำ

มโหฬาร (บาลีวันละคำ 692)

มโหฬาร

อ่านว่า มะ-โห-ลาน
รากศัพท์มาจาก มหา + อุฬาร

“มหา” (มะ-หา) ศัพท์เดิมในบาลีเป็น “มหนฺต” (มะ-หัน-ตะ) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ขยายตัว” มีความหมายว่า ยิ่งใหญ่, กว้างขวาง, โต; มาก; สำคัญ, เป็นที่นับถือ (great, extensive, big; much; important, venerable)

เมื่อผ่านกรรมวิธีทางไวยากรณ์ได้รูปเป็น “มหา-” มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส

“อุฬาร” (อุ-ลา-ระ) แปลตามศัพท์ว่า “ขึ้นสูง” หรือ “แผ่ออกไป” ใช้เป็นคุณศัพท์ มีความหมายว่า ใหญ่, โอฬาร, ประณีต, เลิศ, ยอดเยี่ยม, สูงส่ง, ประเสริฐ, โอ่โถง (great, eminent, excellent, superb, lofty, noble, rich)

Read More
บาลีวันละคำ

รโหฐาน (บาลีวันละคำ 691)

รโหฐาน

อ่านว่า ระ-โห-ถาน

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

“รโหฐาน : (คำนาม) ที่เฉพาะส่วนตัว. (บาลี. รโห + ฐาน ว่า ที่ลับ, ที่สงัด)”

บาลีมีคำว่า “รห” (ระ-หะ) แปลตามศัพท์ว่า –

(1) “โอกาสที่สงัดจากผู้คน” = ไม่มีใครอื่นอยู่ในที่นั้น อยู่คนเดียว
ความหมายนี้รากศัพท์มาจาก รหฺ (ธาตุ = สงัด) + อ ปัจจัย : รห + อ = รห

Read More
บาลีวันละคำ

อุตริ (บาลีวันละคำ 690)

อุตริ

ภาษาไทยอ่านว่า อุด-ตะ-หฺริ
บาลีเป็น “อุตฺตริ” (ซ้อน ตฺ) อ่านว่า อุด-ตะ-ริ

“อุตฺตริ” รากศัพท์มาจาก อุ (= ขึ้น, ข้างนอก) + ตรฺ (ธาตุ = ข้าม, กระโดด) + อิ ปัจจัย

: อุ + ตรฺ = อุตฺตร + อิ = อุตฺตริ แปลตามศัพท์ว่า “ข้ามขึ้น” หรือ “โดดขึ้นไป” มีความหมายว่า นอกเหนือ, เหนือขึ้นไป, พ้นไป, เสริม, ยิ่งไปกว่านั้น, ไกลไปกว่านั้น, นอกจาก (out, over, beyond; additional, moreover, further, besides)

นอกจากเป็น “อุตฺตริ” แล้ว ยังเป็น “อุตฺตรึ” (อุด-ตะ-ริง, ลงนิคหิตที่ -ริ > -รึ) อีกรูปหนึ่งด้วย ทั้งสองคำนี้ใช้เป็นกริยาวิเศษณ์ หรือคุณศัพท์

ตัวอย่างเช่น ในบทอานิสงส์เมตตา มีคำว่า “อุตฺตรึ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต” แปลว่า “ยังไม่รู้แจ้งยิ่งขึ้นไป” คือยังไม่บรรลุธรรมขั้นสูงขึ้นไปอีก (ในข้อความนี้หมายถึงยังไม่บรรลุนิพพาน)

Read More
บาลีวันละคำ

จักรี และ จักร + ตรี (บาลีวันละคำ 689)

จักรี และ จักร + ตรี

คำว่า “จักรี” อันเป็นนามพระราชวงศ์ มีความหมายที่เกี่ยวกับภาษาบาลี 2 นัย คือ

– นัยที่ 1

“จักรี” แปลว่า “ผู้มีจักร” บาลีเป็น “จกฺกี” (จัก-กี) รากศัพท์คือ จกฺก + อี

“จกฺก” (จัก-กะ) มีความหมายดังนี้ –

(1) แปลว่า “สิ่งที่เบียดเบียนแผ่นดิน” (คือบดแผ่นดิน) และ “เครื่องทำให้เคลื่อนไปได้” หมายถึง ล้อ, วงล้อ, ชิ้นส่วนที่เป็นวงกลม

Read More
บาลีวันละคำ

อเนจอนาถ (บาลีวันละคำ 688)

อเนจอนาถ

อ่านว่า อะ-เหฺน็ด-อะ-หฺนาด

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

“อเนจอนาถ : (คำกริยา) สลดใจเป็นอย่างยิ่ง. (ป. อนิจฺจ ว่า ไม่เที่ยง + อนาถ ว่า ไม่มีที่พึ่ง)”

ตาม พจน.54 อเนจอนาถ มาจากบาลีว่า อนิจฺจ + อนาถ

(๑) “อนิจฺจ” อ่านว่า อะ-นิด-จะ ต้นศัพท์มาจาก น + นิจฺจ = อนิจฺจ

“นิจฺจ” รากศัพท์มาจาก –

(1) น (= ไม่, ไม่ใช่) + อิ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ต ปัจจัย, แปลง ต เป็น จ, ซ้อน จ
: น + อิ = นิ + ต = นิต > นิจ + จ = นิจฺจ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ไม่เป็นไปตามสภาพ” (เช่นควรจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพ ก็ไม่เปลี่ยน)

Read More
บาลีวันละคำ

สมโภช (บาลีวันละคำ 687)

สมโภช

อ่านว่า สม-โพด
บาลีเป็น “สมฺโภช” อ่านว่า สำ-โพ-ชะ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

“สมโภช : (คำนาม) การกินร่วม, การเลี้ยงอาหาร; งานเลี้ยง, งานฉลองในพิธีมงคลเพื่อความยินดีร่าเริง เช่น งานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี งานสมโภชพระสุพรรณบัฏ (ใช้เฉพาะแต่ในงานพระราชพิธีเท่านั้น). (ป.; ส. สมฺโภชน)”

Read More
บาลีวันละคำ

อุตุนี (บาลีวันละคำ 686)

อุตุนี
(สืบเนื่องจากคำว่า อุตุ)

อ่านว่า อุ-ตุ-นี
ประกอบด้วย อุตุ + อินี

“อุตุ” ในบาลีมีความหมาย 2 อย่าง คือ –

(1) แปลตามศัพท์ว่า “กาลเวลาที่เป็นไปประจำ” “กาลเวลาเป็นที่เป็นไปแห่งหิมะเป็นต้น” หมายถึง ฤดูกาล, เวลา, อากาศ, อุณหภูมิ

(2) แปลตามศัพท์ว่า “โลหิตที่เป็นไปประจำ” หมายถึง ระดู, เลือดประจำเดือน

Read More
บาลีวันละคำ

สิรินธร (บาลีวันละคำ 685)

สิรินธร

อ่านว่า สิ-ริน-ทอน
บาลีเป็น “สิรินฺธร” อ่านว่า สิ-ริน-ทะ-ระ
ประกอบด้วย สิริ + ธร

“สิริ” (อ่านว่า สิ-ริ, บาลีมี “สิรี” อีกรูปหนึ่ง) รากศัพท์มากจาก สิ (ธาตุ = เสพ, คบหา, อาศัย) + ร ปัจจัย + อิ หรือ อี (ปัจจัยที่ทำให้เป็นอิตถีลิงค์)
: สิ + ร = สิร + อิ (อี) = สิริ (สิรี)

“สิริ” แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันผู้ทำความดีไว้ได้สัมผัส” หรือ “สิ่งที่อาศัยอยู่ในบุคคลผู้ทำความดีไว้”

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แยกความหมายของ “สิริ” ไว้ดังนี้ –

1 ความโอ่อ่าอลังการ, ความสวยงาม (splendour, beauty)

2 โชค, ความรุ่งโรจน์, ความมีเดช, ความรุ่งเรือง (luck, glory, majesty, prosperity)

Read More
บาลีวันละคำ

โกหก (บาลีวันละคำ 684)

โกหก

ภาษาไทยอ่านว่า โก-หก

มีคำถามว่า-เนื่องจากวันนี้ (1 เมษายน) เป็นวัน april fool’s day ซึ่งผู้คนจะโกหกกันเพื่อให้ขำขัน จึงอยากถามว่า
1.โกหก มาจากภาษาอะไร รากศัพท์คืออะไร
2.การโกหกเช่นนี้ถือว่าเป็นมุสาวาทหรือไม่

ข้อ ๑ :

ในคัมภีร์ มีคำว่า “กุหก” (กุ-หะ-กะ) รากศัพท์มาจาก กุหฺ (ธาตุ = โกง, ลวง) + ณฺวุ (ปัจจัย = ผู้-) แปลง ณฺวุ เป็น อก (อะ-กะ) = กุหก แปลตามศัพท์ว่า “ผู้หลอกลวง” ใช้เป็นคุณศัพท์ หมายถึง โกหก, โกง, หลอกลวง, ฉ้อฉล, ปลอม, เก๊ (deceitful, fraudulent, false)

Read More